นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2559, 06:50:15 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๑๔ การงานไม่อากูล (อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การงานไม่คั่งค้างไม่เสียหาย คือความหมายไม่อากูลเพราะขยัน เอาความเพียรและปัญญามารวมกัน เพื่อสร้างสรรค์ให้งานผ่านด้วยดี
** อันสาเหตุทำให้งานคั่งค้าง มีหลายอย่างขอกล่าวให้ถ้วนถี่ ไม่รู้ค่าเอาเวลามาย่ำยี ปล่อยโอกาสดีดีให้เสียไป
** ไม่รู้จักการจัดลำดับงาน ไม่ขยันเกียจคร้านงานน้อยใหญ่ งานที่ควรรีบทำไม่สนใจ กลับฝักใฝ่อบายมุขเที่ยวซุกซน
** ขาดปัญญาความเพียรเป็นที่ตั้ง ถือฤกษ์ยามเป็นความหวังต้องหมองหม่น การงานจึงอากูลพาอับจน ความทุกข์ทนเข้าครอบครองหมองวิญญา
** ต้องมีอิทธิบาทสี่ประการ ทั้งหน้าที่การงานจะก้าวหน้า ความสำเร็จต่างต่างจะตามมา ขอจงได้ศึกษาจะสำราญ
** อิทธิบาทมีคุณค่าน่าเรียนรู้ บรมครูตรัสไว้เด่นเป็นหลักฐาน ให้ทุกคนได้ยึดถือไปนานนาน เพื่อการงานพัฒนาก้าวหน้าไกล
** หนึ่ง "ฉันทะ" หมายความว่ามีใจชอบ จะประกอบกิจการงานน้อยใหญ่ เติมความรักความเชื่อมั่นอันจริงใจ อย่าหวั่นไหวต่ออุปสรรคที่จักมี
** สอง "วิริยะ" คือหมั่นเพียรทำให้มาก จะลำบากสักเพียงใดไม่หน่ายหนี ตั้งใจสู้ไม่ย่อท้อไม่รอรี ต้องได้ดีเพราะขยันเป็นมั่นคง
** สาม "จิตตะ" มีมานะเอาใจใส่ ดูแลไปให้ถ้วนทั่วอย่ามัวหลง มองข้อเสียข้อเด่นเน้นโดยตรง แล้วบรรจงสร้างงานเบิกบานทรวง
** สี่ "วิมังสา" ตริตรองมองเหตุผล ต้องรู้ตนรู้ท่านงานใหญ่หลวง ใช้ปัญญาเพ่งพินิจกิจทั้งปวง งานลุล่วงประสบชัยในเร็ววัน
**คุณธรรมทั้งสี่ช่างดีเลิศ แสนประเสริฐเอาใจใส่ไว้ให้มั่น จะประสบความสำเร็จนับอนันต์ ชั่วนิรันดร์มีแต่สุขไม่ทุกข์เลย
**คุณธรรมทั้งสี่นี้ดีเลิศ แสนประเสริฐควรใส่ใจไว้ให้มั่น จะประสบความสำเร็จนับอนันต์ จงขยันกันเถิดหนาอย่าเฉยเมย
** การงานไม่อากูลพูนสวัสดิ์ ท่านจึงจัดเป็นมงคลดังเฉลย งานสำเร็จเป็นที่รักน่าชมเชย พี่น้องเอ๋ยรีบศึกษาอย่าช้าที
เรื่อง การทำงานไม่ถูกขั้นตอน
** สมัยหนึ่งที่องค์พระศาสดา เสด็จยังพาราสาวัตถี ประทับที่เชตวันอันโสภี แล้วทรงมีดำรัสตรัสเรื่องราว
** ทรงปรารภภิกษุผู้เกียจคร้าน จึงได้ยกตำนานที่อื้อฉาว ในกาลก่อนก็เกียจคร้านมานานยาว โดยบอกกล่าวเป็นนิทานเล่าขานมา
** ในเมืองตักศิลาคราครั้งก่อน มีผู้สอนศิลปะเก่งหนักหนา คือทิศาปาโมกข์ยอดวิทยา ผู้เก่งกล้าวิชาเชี่ยวชำนาญ
** มีลูกศิษย์ประมาณห้าร้อยคน คอยสั่งสอนฝึกฝนจนแตกฉาน จนขึ้นชื่อลือชาวิชาการ ผู้อาจารย์ชื่นสุขทุกทิวา
** ครั้นวันหนึ่งบรรดาสานุศิษย์ จึงได้คิดร่วมใจกันเข้าป่า เพื่อเก็บผักหักฟืนไม่รอรา รีบมุ่งหน้าเข้าไพรดังใจปอง
** เมื่อถึงป่าต่างพากันเก็บฟืน อย่างราบรื่นสดใสไม่หม่นหมอง ต่างส่งเสียงล้อกันอย่างคะนอง บ้างก็ร้องเพลงเล่นไม่เป็นภัย
** อีกนายหนึ่งซึ่งเป็นคนเกียจคร้าน หลบหลีกการทำงานเป็นนิสัย ในวันนี้ทิ้งเพื่อนไม่อาลัย อีกสมัยที่แอบหนีไปนอน
** ตกเย็นเพื่อนมัดฟืนขึ้นใสบ่า ได้เดินมาสะดุดเข้าคิดว่าขอน สะดุ้งตื่นขึ้นมาพาร้าวรอน ใจอาวรณ์ไม่มีฟืนยืนเศร้าตรม
** ตะลีตะลานปีนป่ายขึ้นต้นกุ่ม ดังไฟสุมร้อนเร่าเศร้าขื่นขม รีบดึงกิ่งมาหักไม่รื่นรมย์ กิ่งกลมกลมดีดตาพาบอดเลย
** ได้กิ่งไม้สดสดมาหน่อยหนึ่ง แล้วรีบบึ่งกลับสำนักไม่อยู่เฉย ความเกียจคร้านพาลเสียเหมือนเช่นเคย จะขอเผยฉากสุดท้ายให้ได้ฟัง
** เย็นวันนั้นอาจารย์ได้รับเชิญ นับเป็นเหตุบังเอิญแต่หนหลัง ต้องรีบทานข้าวเช้าเพิ่มพลัง จึงได้สั่งแม่ครัวฝีมือดี
** พรุ่งนี้เช้าจงรีบทำอาหาร เราจะต้องรีบทานอย่างด่วนจี๋ ก่อนจะไปประกอบกิจพิธี เพื่อให้มีมงคลไม่ลนลาน
** ครั้นรุ่งเช้าแม่ครัวรีบก่อไฟ เพื่อจะได้ประกอบมวลอาหาร จึงหยิบฟืนที่นำมาเมื่อวาน ของลูกศิษย์ที่เกียจคร้านไม่รอรา
** ก่ออย่างไรแต่ไฟไม่ยอมติด เป็นเพราะฟืนทำพิษสร้างปัญหา เพราะฟืนสดทำให้จนปัญญา จนเวลาผ่านไปไม่ได้กิน
** ศิษย์ผู้ที่เกียจคร้านในกาลนั้น คือภิกษุปัจจุบันถูกติฉิน ว่าเกียจคร้านการงานเป็นอาจิณ เกิดมลทินงานอากูลอาดูรเกิน
** ต้องขยันอย่าเกียจคร้านงานทั้งหลาย ได้สบายนับอนันต์ชนสรรเสริญ จะก้าวหน้าพบแต่ความเจริญ และเพลิดเพลินอุดมผลเป็นมงคล
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2559, 06:58:34 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๑๕ การบริจาคทาน (ทานญฺ จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ขอเชิญชวนมวลมิตรจิตผ่องใส มาร่วมมือร่วมใจสร้างกุศล บริจาคทรัพย์สินส่วนของตน เป็นมงคลสำคัญหมั่นบำเพ็ญ
** คำว่า “ทาน” นั้นแปลว่าการให้ จำแนกได้ห้าวิธีชี้ให้เห็น จะขอนำมากล่าวเปิดประเด็น พอได้เป็นตัวอย่างสร้างความดี
** “อามิสทาน” คือการให้สิ่งของ เพื่อแบ่งปันพวกพ้องได้สุขี ทั้งเสื้อผ้าอาหารเท่าที่มี เพื่อชีวีสุขสันต์ทุกวันคืน
** “ธรรมทาน” คือการให้ธัมมะ เพื่อลดละกิเลสเหตุสุดฝืน สร้างคนให้เป็นคนผลยั่งยืน ให้สิ่งอื่นไม่ประเสริฐเท่าให้ธรรม
** “อภัยทาน” คือการไม่ถือโกรธ พร้อมยกโทษไม่ติดใจให้ระส่ำ เมื่ออภัยแล้วปราศจากผลกรรม อีกยังทำให้ใจแสนเบิกบาน
** “ปัตติทาน” คือการที่แบ่งผล ส่วนกุศลที่ทำนำประสาน ให้แก่สรรพสัตว์ในจักรวาล ได้รื่นเริงสำราญเป็นสุขใจ
** “อนุโมทนาทาน” การชมชื่น ความดีของผู้อื่นนั้นยิ่งใหญ่ เขาทำดียินดีด้วยตลอดไป ชื่นชมในความดีที่เขาทำ
** บริจาคทานเป็นมงคลผลล้ำเลิศ บุญย่อมเกิดพอกพูนไม่ตกต่ำ ละกิเลสความตระหนี่ที่น้อมนำ ให้จิตใจถลำสู่อบาย
** กิตติศัพท์ความดีก็เรืองรุ่ง จะหอมฟุ้งไปไกลดังใจหมาย เป็นที่รักของคนอย่างมากมาย โภคทรัพย์ทั้งหลายบังเกิดมี
** บริวารล้อมหน้าและล้อมหลัง ด้วยพลังบุญญาสง่าศรี เมื่อถึงคราวละไปจากโลกนี้ สุคติเป็นที่ได้พักพิง
** การให้ด้วยเมตตาและปราณี เป็นเรื่องที่ทำให้มีสุขยิ่ง เป็นบ่อเกิดสามัคคีที่ดีจริง นับเป็นสิ่งประเสริฐเลิศอนันต์
เรื่อง ยอดทาน
** สมัยหนึ่งสมเด็จพระศาสดา หวังให้ชาวประชามีสุขสันต์ เสด็จมาประทับ ณ เชตวัน สาวัตถีจอมราชันพระทรงชัย
** ในครั้งนั้นยังมีอุบาสิกา ชื่อ “นันทมารดา” พิสมัย ได้ถวายทักษิณาทานมัย โดยไม่ต้องสงสัยเพราะศรัทธา
** เป็นทานที่ประกอบด้วยองค์หก จึงได้ยกพระธรรมเทศนา แสดงแก่ภิกษุที่ได้มา ณ ธรรมสภาพร้อมหน้ากัน
** ภิกษุเอ๋ย....จงฟังเราจะกล่าว ถึงเรื่องราวทักษิณาอย่าไหวหวั่น แบ่งออกเป็นสองส่วนที่สำคัญ ส่วนประกอบย่อยนั้นมีหกองค์
**ส่วนประกอบที่หนึ่งคือ “ผู้ให้” เรียกง่ายง่ายว่า “ทายก” ผู้ประสงค์ จะแบ่งปันส่วนที่มีโดยจำนง แบ่งเป็นองค์ย่อยย่อยสามประการ
** หนึ่ง “ก่อนให้เป็นผู้ที่จิตใจดี” เอื้ออารีเมตตามาประสาน ปราศจากอกุศลคนใจพาล การทำทานเป็นมงคลผลอุดม
** สอง “ขณะให้มีจิตใจที่เลื่อมใส” ประกอบไปด้วยศรัทธาอันเหมาะสม เชื่อมั่นในความดีน่านิยม เป็นปฐมของการให้ได้ผลบุญ
** สาม “ปลื้มใจในการที่ได้ให้” กุศลที่ทำไว้ได้อุดหนุน การสั่งสมความดีย่อมมีคุณ คอยเจือจุนส่งให้ได้วิมาน
** ส่วนประกอบที่สองคือ “ผู้รับ” “ปฏิคาหก” เป็นศัพท์ที่เรียกขาน มีผู้ให้ขาดผู้รับก็ป่วยการ สองประสานจึงเกิดผลดังใจ
** อันผู้รับนั้นมีสามส่วนย่อย ดูเหมือนน้อยแต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ลองศึกษากันดูเรื่อยเรื่อยไป แล้วจะได้รู้ว่าค่ามากมาย
** หนึ่ง “เป็นผู้ปราศจากตัวราคะ” หรือโลภะตัณหาพาฉิบหาย ความกำหนัดยินดีในรูปกาย หรือความหมายกรงขังทางปัญญา
** สอง “เป็นผู้ปราศจากตัวโทสะ” คือความโกรธมักจะสร้างปัญหา ทุจริตทั้งใจกายวาจา ขาดเมตตาการุณและปราณี
** สาม “เป็นผู้ปราศจากตัวโมหะ” คือความหลงไม่ละพาหมองศรี ความมัวเมายึดมั่นเป็นราคี ล้วนไม่ดีมีกิเลสเหตุงมงาย
** ภิกษุเอ๋ย...ทักษิณาที่ว่านี้ ย่อมจะมีคุณค่าดังมุ่งหมาย มีความสุขสงบทั้งใจกาย ทั้งผลบุญมากมายเกินประมาณ
** เปรียบดังน้ำในห้วงมหาสมุทร มันมากสุดที่จะบวกลบคูณหาร ดุจดังผลของทักษิณาทาน แม้จักรวาลไม่อาจเปรียบเทียบผลบุญ
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
← กลับไปหน้า 1
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 02:12:26 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๑๖ การประพฤติธรรม (ธมฺมจริยา จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** มงคลที่สิบหกยกมากล่าว ถึงเรื่องราวประพฤติธรรมเนื่องนำหนุน ประพฤติชอบประพฤติดีที่ค้ำจุน ไม่ว้าวุ่นเศร้าโศกโลกงดงาม
** พัฒนาจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ผุดผาดด้วยองค์สาม ละความโลภโกรธหลงที่คุกคาม ปฏิบัติตามครรลองของพุทธา
** หนึ่ง “ประพฤติเป็นธรรม” คำสอนสั่ง มโนตั้งมั่นในพระศาสนา ปรับตัวเข้าหาธรรมพระศาสดา ดังคำว่าเข้าถึงธรรมน้อมนำใจ
** สอง “ปฏิบัติตามธรรม” คำสั่งสอน ของสมเด็จชินวรผู้เป็นใหญ่ เบญจศีลเบญจธรรมย่อมนำไป บรรดาลให้หลุดพ้นผลแห่งกรรม
** ธรรมจริยาอริยสาวก ขอหยิบยกมาอ้างช่างคมขำ เพื่อพุทธศาสนิกได้น้อมนำ ประพฤติเป็นประจำตามแนวทาง
** ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงอย่างคงมั่น หมั่นกระทำทุกวันไปไม่เหินห่าง ปฏิบัติควรและเหมาะสมไม่เว้นวาง คือหนทางของธรรมอันจำรูญ
** ผลของการประพฤติธรรมแสนล้ำเลิศ สุดประเสริฐทำไว้ไม่เสื่อมสูญ ย่อมส่งผลความดีทวีคูณ จะเพิ่มพูบุญญาบารมี
** อันธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติ เพื่อเหนี่ยวยึดจิตใจไม่หมองศรี ทั้งเป็นการสร้างสุขเพื่อชีวี ป้องกันภัยในโลกนี้มาบีฑา
** อีกทำให้ไม่เกิดความประมาท มีความสุขทุกชาติดังปรารถนา ผลของการประพฤติธรรมองค์สัมมา ย่อมนำพาสู่มรรคผลพ้นทุกข์ภัย
** จงหันมาตั้งมั่นในธรรมะ เลิกลดละอกุศลทุกสมัย ตั้งมั่นในองค์พระรัตนตรัย ชนทุกวัยห่างทุกข์สุขเกิดมี
เรื่อง ผู้ประเสริฐ
** สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่หมองเศร้าประทับ ณ สาวัตถี เชตวันพระวิหารแห่งความดี สมเด็จพระชินศรีทรงเบิกบาน
** ณ วันหนึ่งคิดจะชำระกาย เพื่อให้สุขสบายสรงสนาน จึงชวนพระอานนท์ลงสู่ธาร บุพพะโกฏฐกะทรงสำราญสบายใจ
** ครั้นสรงเสร็จเสด็จขึ้นสู่ฝั่ง ด้วยทรงหวังผึ่งกายให้สดใส มีสายลมพัดผ่านคอยแกว่งไกว จึงทำให้สดชื่นรื่นกมล
** ขณะนั้นมีพญาคชสาร ของภูบาลปเสนทิโกศล จะขึ้นจากท่าน้ำริมฝั่งชล โกลาหลอื้ออึงเสียงตึงตัง
** เสียงดนตรีประโคมดังสนั่น เหล่าฝูงชนจ้องกันทั้งสองฝั่ง ต่างชื่นชมว่าช้างดีมีพลัง ช่างประเสริฐเสียจังดูงามดี
** ต้องเป็นคชสารที่ดีเลิศ แสนประเสริฐวิไลในทุกที่ ช่างงามงดสดใสไร้ราคี น่าศรัทธาเกินที่จะพรรณนา
** พระกาฬุทายีฟังคำขาน ของชาวบ้านเรื่องช้างยังกังขา ยกย่องว่าประเสริฐและศรัทธา จึงกราบทูลพระศาสดาขยายความ
** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระวัจนะ เป็นธรรมะคลายข้องใจในคำถาม ชนผู้ใดไม่ทำชั่วสิ่งเลวทราม มีความงามภายนอกและภายใน
** เราจะเรียกผู้นั้นว่าประเสริฐ ซึ่งล้ำเลิศหนักหนากว่าสิ่งไหน ละความชั่วทางกายวาจาใจ ละโลกไปสุคติเป็นที่ปอง
** การประพฤติธรรมนี้นั้นดีแน่ จะมีแต่สุขใจไม่เศร้าหมอง ทั้งโลกนี้โลกหน้าจะสมปอง ธรรมคุ้มครองเสวยสุขทุกคืนวัน
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 02:21:48 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๑๗ การสงเคราะห์ญาติ (ญาตกานญฺจ สงฺคโห เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** คำว่า “ญาติ” หมายถึงคนรู้จัก สายใยรักมักคุ้นการุณมั่น เช่นพ่อแม่พี่น้องเกี่ยวข้องกัน หรือสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทใจ
** พึงแบ่งญาติออกเป็นสองชนิด หนึ่งญาติสายโลหิตที่ชิดใกล้ มีสายเลือดผูกพันกันเอาไว้ ต่างเกี่ยวเนื่องกันไปเป็นตระกูล
** สองเป็นญาติทางธรรมเพราะรู้จัก ผูกสมัครด้วยใจไม่เสื่อมสูญ แบ่งย่อยย่อยเป็นสองตามข้อมูล ต่างเพิ่มพูนเยื่อใยผูกไมตรี
** หนึ่งเกิดจากใกล้ชิดสนิทสนม ต่างชื่นชมในจิตไม่คิดหนี เช่นเพื่อนฝูงหญิงชายที่เรามี ลักษณะเช่นนี้เป็นญาติกัน
** สองเกี่ยวข้องกับญาติสายโลหิต ไปผูกมิตรเป็นคู่ตุนาหงัน ญาติของเขาเป็นญาติเราโดยนัยพลัน เป็นญาติธรรมจำนรรจ์ดังกล่าวมา
** ญาติเหล่านี้เป็นผู้ต้องสงเคราะห์ ตามที่เหมาะที่ควรไม่กังขา ยึดสังคหวัตุด้วยเมตตา เป็นหลักธรรมนำพาให้ชื่นทรวง
** หนึ่งคือ “ทาน” การให้การแบ่งปัน คอยจัดสรรสิ่งของให้ไม่หวง เสียสละเพื่อประโยขน์ญาติทั้งปวง เพื่อก้าวล่วงความทุกข์สุขทันที
** “ปิยวาจา” การพูดที่ไพเราะ กับญาติแสนเสนาะสมศักดิ์ศรี ทั้งอ่อนหวานสุภาพอาบไมตรี ประสงค์ดีเอื้อเฟื้อเหนือสิ่งใด
** “อัตถจริยา” มุ่งประโยชน์ ไร้ซึ่งโทษทุกอย่างช่างสดใส พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลตลอดไป ด้วยหัวใจมิตรดีที่ยืนยง
** “สมานัตตตา” แปลว่าวางตัวดี จนเป็นที่ชื่นชมสมประสงค์ เสมอต้นเสมอปลายอย่างมั่นคง ช่วยดำรงสังคมให้เจริญ
** อันมงคลของการสงเคราะห์ญาติ ผลเกินคาดตามมาน่าสรรเสริญ มีหมู่ญาติมากหน้าพาเพลิดเพลิน สามัคคีดีเกินในญาติตน
** เป็นที่รักที่พึ่งญาติทั้งหลาย พัฒนาใจมากมายคลายหมองหม่น เป็นหลักการปฏิบัติของทุกคน ความดีคือมงคลผลยืนนาน
เรื่อง วิฑูฑภะ
** พุทธองค์ทรงปรารภวิฑูฑภะ ผู้ประสบหายนะน่าสงสาร น้ำท่วมตายพร้องกับบริวาร ริมฝั่งธาร “อจิรวดี”
** ท้าวเธอเป็นเชื้อสายศากยะ โอรส “วาสภะ” มเหสี ในปเสนทิโกศลจอมธานี แห่งกรุงสาวัตถีบุรีรมย์
** เป็นหลานของพระเจ้ามหานามะ มารดา “วาสภะ” แสนขื่นขม เกิดจากนางทาสีเปรียบโคลนตม ไม่เหมาะสมจะยกย่องให้รองเรือง
** ในสมัยที่เป็นราชโอรส ได้กำหนดเยี่ยมพระญาติให้ฟูเฟื่อง กบิลพัสดุ์สว่างไสวไปทั่วเมือง งามดังคำลือเลื่องระบือไกล
** ครบกำหนดเสด็จกลับสาวัตถี ทิ้งความหลังไว้ที่บุรีใหญ่ ญาติวงศ์ศากยะสุดทำใจ ชาติกำเนิดห่างไกลกว่าพวกตน
** ศากยะรับสั่งให้ทาสี ทำการล้างสถานที่ทุกแห่งหน ที่โอรสประทับสุดจักทน เพราะเป็นอัปมงคลกาลีเมือง
** วิฑูฑภะทราบเรื่องสุดเคืองแค้น ได้เป็นใหญ่ต้องตอบแทนให้รู้เรื่อง ซึ่งหนี้แค้นที่ทำระคายเคือง ล้างให้สิ้นลือเลื่องทั่วโลกา
** สิ้นสมัยปเสนทิโกศล ได้ครองราชย์เป็นมงคลเกินจักหา รวมพลมหาศาลยกกันมา กบิลพัสดุ์พาราดังหมายปอง
** ถึงกลางทางได้พบพระศาสดา เสด็จมาด้วยความหวังจะสนอง คุณพระญาติตามสมควรแก่ครรลอง เป็นกิจของผู้ทรงธรรมเขาทำกัน
** จึงยกพัพกลับราชนิเวศน์ อาณาเขตสาวัตถีมิได้พรั่น เราต้องทำสำเร็จเข้าสักวัน เก็บเอาความอัดอั้นไว้เต็มทรวง
** วิฑูฑภะยกพลถึงสามครั้ง แต่ก็ต้องหยุดยั้งพลใหญ่หลวง พระศาสดาเป็นเหตุเรื่องทั้งปวง ไม่สามารถลุล่วงปณิธาน
** ครั้งที่สี่พุทธองค์จึงทรงคิด ตามที่ทรงนิมิตเป็นหลักฐาน เป็นเพราะกรรมศากยะมาร้าวราน บุรพกรรมเป็นมารจ้องทำลาย
** ศากยะสร้างกรรมในปางก่อน เบื่อปลาให้ม้วยมรณ์สิ้นสลาย ต้องใช้กรรมในชาตินี้ชีวาวาย ถึงคราวตายเพราะกรรมที่ทำมา
** วิฑูฑภะไม่มีใครขัดขวาง ได้ยกพลเดินทางดังปรารถนา ครั้นถึงกบิลพัสดุ์ไม่รอรา สั่งให้ฆ่าเอาเลือดล้างนคร
** ครั้นหมดแค้นยกพลเดินทางกลับ เมื่ออาทิตย์จะลับยอดสิงขร จึงหยุดพักริมฝั่งชลาธร “อจิรวดี” สาครอย่างสบาย
** ขณะนั้นบังเอิญฝนตกหนัก น้ำทะลักท่วมป่าน่าใจหาย วิฑูฑภะและไพร่พลจมน้ำตาย ชีพวางวายเพราะวิบากผลของกรรม
** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระคาถา ใจความว่าบุคคลย่อมถลำ สู่ความตายด้วยปัจจัยที่น้อมนำ เกิดจากการกระทำที่เจตนา
** เจตนาดีทำดีย่อมมีผล ให้บุคคลได้ดีที่ใฝ่หา เจนาชั่วทำชั่วตัวอัปรา ย่อมชักพาสู่ห้วงแห่งโลกันต์
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 03:19:54 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๑๘ การงานไม่มีโทษ (อนวชฺชานิ กมฺมานิ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การเกิดมาเป็นมนุษย์สุดแสนยาก กิจการหลายหลากสร้างความฝัน ต้องทำงานไม่เบื่อเพื่อชีวัน แสนสุขสันต์เพราะงานดีมีคนชม
** การงานนี้คืองานไม่มีโทษ เกิดประโยชน์มากมีที่เหมาะสม เป็นคนที่มีค่าน่านิยม ไม่เศร้าตรมมีสุขสนุกสบาย
** การงานที่ไม่มีโทษหมายความว่า ไม่ถูกด่าถูกตำหนิมิเสียหาย ทั้งทางโลกทางธรรมไม่เสื่อมคลาย แต่ขวนขวายช่วยเหลือเพื่อเป็นบุญ
** การรักษาซึ่งศีลอุโบสถ จะงามงดหนักหนามาช่วยหนุน ปลูกต้นไม้สวนป่าใจการุณ นับเป็นคุณดีแท้แก่สังคม
** การกระทำเหล่านี้มีประโยชน์ เป็นการงานไม่มีโทษอย่าทับถม สร้างความดีเอาไว้ไม่ทุกข์ตรม จะรื่นรมย์สุขสันต์นิรันดร์กาล
** ลักษณะการงานต่อไปนี้ ถ้าหากมีหนีให้ไกลไม่ประสาน ผิดกฎหมายประเพณีมีมานาน ลักษณะการงานที่ไม่งาม
** อีกผิดศีลผิดธรรมโปรดจำไว้ หนีให้ไกลเพราะคนเขาเหยียดหยาม จะต้องถูกกล่าวหาว่าเลวทราม ถูกประณามหยามเหยียดและเกลียดชัง
** อานิสงส์การงานไม่มีโทษ ชัชวาลช่วงโชติดังมนต์ขลัง สี่ประการมีคุณค่ามากพลัง โปรดจงฟังจดจำคำของครู
** สร้างความสงบร่มเย็นและเป็นสุข จะพาให้ไร้ทุกข์โลกสวยหรู พัฒนาสังคมให้น่าดู ช่วยเชิดชูชีวิตเพราะคิดดี
** ไม่ต้องโทษเพราะเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์เกษมศรี ปราศจากราคินสิ้นราคี ความเดือดร้อนไม่มีมากล้ำกราย
เรื่อง พระก็ทำนา
** ในครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา ได้เสด็จผ่านมาไม่คาดหมาย ถึงหมู่บ้านกสิพราหมณ์ผู้งมงาย ตอนเวลาคล้อยบ่ายใกล้สายัณห์
** ขณะนั้นเป็นฤดูการทำนา ต่างตั้งหน้าตั้งตาขมีขมัน ปลูกข้าวและดำกล้าแข่งตะวัน เพื่อจะให้เสร็จทันตามเวลา
** พระพุทธองค์ประทับทอดพระเนตร กสิพราหมณ์ถือเป็นเหตุไม่กังขา เอ่ยปากกล่าวต่อว่าองค์สัมมา ไม่เลื่อมใสไม่ศรัทธาในพระองค์
** พวกข้านี้ไถนาและปลูกข้าว มายืนยาวด้วยมีจุดประสงค์ เพื่อจะเลี้ยงชีวิตให้ยืนยง ชีวิตเรามั่นคงเพราะมือตน
** ส่วนพวกท่านเอาแต่เที่ยวเดินขอ น่าอนาถจริงหนอแสนหมองหม่น ลองทำนาหว่านดำจำใจทน คงมีคนชื่นชมสาธุการ
** พระพุทธองค์จึงตรัสกสิเอ๋ย ฟังนะจะเฉลยเอ่ยไขขาน เราทำนาเช่นกันทุกวันวาร ดังที่ท่านแนะนำจำนรรจา
** ท่านนะหรือที่ทำไม่เคยเห็น อุปกรณ์ซ่อนเร้นอยู่ไหนหนา ข้าเห็นมีแต่บาตรที่อุ้มมา สำหรับขอข้าวปลาชาวบ้านกิน
** ขอจงฟังเราก่อนนะกสิ อย่ามุ่งแต่ตำหนิและติฉิน ตถาคตทำนาเป็นอาจิณ ไม่ใช่พูดเล่นลิ้นให้วกวน
** นาเรามีศรัทธาเป็นพืชหลัก มีความเพียรฟูมฟักเป็นน้ำฝน มีปัญญาเป็นแอกแทรกซ้อนปน ส่วนหิริหน้ามลเป็นงอนไถ
** มีสติเป็นผาลคอยไถถาก มีใจเป็นเชือกลากไม่หวั่นไหว มีคำสัจคอยดายหญ้าทุกคราไป กายวาจาห่างไกลเครื่องรัดรึง
** ข้าวซึ่งเกิดจากนาดังว่านี้ มีผลดีชนิดคิดไม่ถึง ทานแล้วจะสิ้นทุกข์สุขตราตรึง บริโภคครั้งหนึ่งอิ่มจนตาย
** กสิพราหมณ์ฟังจบเกิดเลื่อมใส แบ่งอาหารถวายไปดังใจหมาย พระศาสดาไม่รับแล้วอธิบาย เพื่อขยายเรื่องราวให้ได้ยิน
** เราไม่สามารถจะรับอาหาร ที่เป็นทานจากการกล่าววาทศิลป์ ของตัวเองเพราะว่ามีราคิน ไม่บริสุทธิ์หมดสิ้นความสำคัญ
** กสิพราหมณ์เกิดศรัทธาอย่างยวดยิ่ง ตั้งใจจริงเลื่อมใสไม่เหหัน ขอถึงพระรัตนตรัยทุกคืนวัน และตั้งมั่นในธรรมสร้างกรรมดี
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 03:31:36 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจากการทำบาป (อารตี วิรตี ปาปา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** บาปคือเลวหยาบช้าพาเศร้าหมอง ผู้เกี่ยวข้องร้อนรนหม่นหมองศรี ตายแล้วตกนรกอเวจี เป็นผู้มีแดนเกิดอันโสมม
** บาปเกิดได้ด้วยวิธีมีอยู่สาม ขอกล่าวตามบรมครูดูเหมาะสม ผู้ที่ละบาปได้น่านิยม จะเป็นที่ชื่นชมของหมู่ชน
** หนึ่ง “กายกรรม“ บาปนั้นเกิดทางกาย ฆ่าสัตว์ตายด้วยใจอกุศล การฉ้อโกงลักทรัพย์อัปมงคล ผิดประเวณีมีผลสู่อบาย
** สอง “วจีกรรม” บาปเกิดทางวาจา พูดโกหกหยาบช้าชั่วเหลือหลาย พูดส่อเสียดน่าเกลียดเกินบรรยาย พูดเหลวไหลน่าเบื่อหน่ายและชิงชัง
** สาม ”มโนกรรม” บาปนั้นเกิดทางใจ ความโลภมากอยากได้สุดเสียงสั่ง พยาบาทมุ่งร้ายเป็นกำลัง ความเห็นผิดไม่อินังเวรกรรมเลย
** การงดเว้นจากบาปที่หยาบช้า คือการฆ่ากิเลสอย่างเปิดเผย ความเร่าร้อนจะหมดไปไม่เหมือนเคย น่านิยมชมเชยในศรัทธา
** สามวิธีที่จะงดเว้นบาป จงเรียนรู้เพื่อป้องปราบตัวตัณหา จะได้สุขสมหวังดังเจตนา สมคุณค่าที่เกิดมาเป็นคน
** “สมาทานวิรัติ” คือรับเอา มาปฏิบัติไม่มัวเมาเป็นกุศล เหมือนรับศีลจากพระรักษาตน ปฏิบัติตัวให้พ้นศีลด่างพร้อย
** “สัมปัตตวิรัติ” การงดเว้น สิ่งที่เป็นเรื่องบาปแม้นิดหน่อย ไม่ยินดียินร้ายให้เป็นรอย แห่งมลทินที่คอยเผาไหม้ไกล
** “สมุทเลขาวิรัติ” ตัดให้ขาด จากบ่วงบาศแห่งกรรมผู้เป็นใหญ่ คือกิเลสและตัณหาจะพาไป ตกนรกหมกไหม้ชั่วกัปกัลป์
** เว้นจากบาปเป็นมงคลผลใหญ่ยิ่ง คือเรื่องจริงไม่ใช่จะเสกสรร จะเป็นผู้ห่างไกลบาปนับอนันต์ ไม่ร้อนใจชั่วนิรันดร์อนันตกาล
** อีกเจริญด้วยบุญและกุศล หลีกหนีพ้นทุคติทุกสถาน ที่แสนจะต่ำช้าและสามานย์ เป็นที่ไปของคนพาลยามวายชนม์
** เรื่องสุดท้ายไม่ทำผิดกฎหมาย เป็นสาเหตุวุ่นวายและหมองหม่น ไม่ผิดศีลซึ่งจะทำให้อับจน เกิดจากผลกรรมดีที่บำเพ็ญ
เรื่อง ฟังธรรมแล้วถูกฆ่า
** จะขอยกเรื่องราวคราวอดีต มาเขียนขีดเป็นกลอนวอนให้เห็น ถึงเรื่องราวอุบาสกยกประเด็น ผู้ตกเป็นเหยื่อกรรมที่ทำมา
** สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกเอามหากาลเป็นปัญหา ทรงปรารภการตายมาพูดจา ในธรรมสภาตามเป็นจริง
** มหากาลสำเร็จโสดาบัน ยึดถือสิ่งสำคัญที่ใหญ่ยิ่ง ทุกวันธัมมัสสวนะไม่ประวิง มีศีลแปดพักพิงก่อนจะตาย
** หมายความว่าถือศีลอุโบสถ อย่างงามงดไม่ด่างพร้อยเสื่อมสลาย จะถือมั่นจนกว่าชีวาวาย อุทิศกายวาจาใจไม่จืดจาง
** ณ เชตวันมหาวิหาร มหากาลฟังธรรมใกล้รุ่งสาง รู้สึกปวดเมื่อยตัวทั่วสรรพางค์ จึงเยื้องย่างพักกายใกล้ศาลา
** ในคืนนั้นมีโจรขโมยของ ที่บ้านช่องเศรษฐีมีเงินหนา ครั้นเจ้าบ้านรู้ตัวมิรอรา รีบหนีมาพบกับมหากาล
** เมื่อจวนตัวจึงได้ทิ้งของไว้ ตรงใกล้ใกล้ศาลาพาร้าวฉาน เจ้าของตามมาทันมิช้านาน จึงติดว่ามหากาลเป็นขโมย
** จับตัวมาทุบตีด้วยความแค้น มหากาลเจ็บแสนร้องหวนโหย จนกระทั่งสิ้นใจไม่โอดโอย สายลมโชยพลิ้วมาวิญญาณ์จร
** พวกภิกษุมาพบในตอนเช้า จึงได้นำไปเล่าเป็นอนุสรณ์ มหากาลฟังธรรมจนเร้ารอน ชีวิตต้องม้วยมรณ์ไม่ควรเลย
** จึงได้กราบทูลพระศาสดา พระพุทธองค์ได้ตรัสว่าภิกษุเอ๋ย ในชาตินี้เขาตายไม่เสบย แต่ชาติก่อนเขาเคยตายสมควร
** ทรงแสดงอดีตมหากาล ที่มีมายาวนานระลึกหวน ทรงเริ่มต้นจินตนาคราทบทวน จัดให้เป็นกระบวนสาธยาย
** อดีตกาลผ่านมาคราครั้งก่อน จะขอย้อนนำเรื่องมาขยาย มีพวกโจรดักทำอันตราย ผู้ไปมาค้าขายปล้นเงินทอง
** มีราชภัฏพระเจ้าพาราณสี มีหน้าที่รับจ้างคนทั้งผอง เอาใจใส่ดูแลและคุ้มครอง รับส่งพ้นเขตของพวกคนร้าย
** “ราชภัฏ” ที่แน่แน่ย่อมแปลว่า คนของพระราชาเข้าใจง่าย คือข้าราชการอย่างมงาย ท่านทั้งหลายจงเข้าใจในเรื่องราว
** ครั้นวันหนึ่งชายหนุ่มเข้ามาหา ราชภัฏของราชาพร้อมหญิงสาว ผู้ที่เป็นภรรยาสวยแพรวพราว ให้ช่วยเหลือสักคราวนำเดินทาง
** ราชภัฏเห็นสาวสวยรวยเสน่ห์ คิดใช้เล่ห์ถ่วงเวลารอฟ้าสาง ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้วปิดระวาง อันตรายต่างต่างมีมากมาย
** ชายหนุ่มจึงขอร้องต้องรีบเร่ง ขืนชักชาหวั่นเกรงผิดนัดหมาย ถ้าไม่ทันจะเกิดความวุ่นวาย พรรณนาผลร้ายให้เขาฟัง
** ราชภัฏยืนกรานไปไม่ได้ ที่พักเราจัดไว้ตั้งหลายหลัง อีกอาหารอย่างดีมีพลัง อย่าชิงชังเชิญพักผ่อนก่อนสักคืน
** สองสามีภรรยาน้ำตาไหล เมื่อคิดไปทุกข์หนักสุดจักฝืน มองทางไหนอับจบทนกล้ำกลืน คงไม่มีทางอื่นต้องจำทน
** ในคืนนั้นราชภัฏจัดวางแผน เพื่อใส่ร้ายแย่งแฟนให้หมองหม่น นำมณีไปซ่อนทำเล่นกล ที่เกวียนหนุ่มหน้ามลคนเมียงาม
** แล้วจึงแกล้งโวยวายให้ดังลั่น เสียงอื้ออึงสนั่นตอนตีสาม มีขโมยช่วยด้วยช่วยติดตาม อ้ายคนทรามจงไปจับตัวมัน
** จึงได้สั่งให้คนค้นให้ทั่ว แล้วจับตัวคนโฉดโหดมหันต์ นำตัวมาแล้วฆ่าอย่าช้าพลัน โทษฐานมันทำชั่วตัวกาลี
** ขณะนั้นชายหนุ่มเตรียมสิ่งของ เพราะว่าต้องรีบไปอย่างเร็วรี่ พวกคนงานค้นเกวียนเขาทันที ก็ได้พบมณีของเจ้านาย
** รีบนำตัวมาพบราชภัฏ ขอรวบรัดว่าถูกฆ่าน่าใจหาย ครั้นเวลาราชภัฏถึงคราวตาย ต้องเวียนว่ายในนรกอเวจี
** นี่คือบุรพกรรมหากาล จะต้องถูกทรมานเพื่อใช้หนี้ ตายแล้วเกิดเวียนวนจนพันปี ถูกทุบตีเพื่อใช้กรรมจงนำพา
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ เป็นข้อความธรรมะดีหนักหนา บาปอันตนทำไว้กาลก่อนมา จะบีฑาให้เดือดร้อนไม่ผ่อนปรน
** ทั้งชาตินี้ชาติไหนไม่ว่างเว้น จึงสมควรหลีกเร้นอกุศล ตั้งใจทำความดีมีมงคล จะช่วยดลให้สุขาสถาพร
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 03:43:58 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๐ สำรวมจากการดื่มน้ำเมา (มชฺชปานา จ สญฺญโม เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “สำรวม” มีความหมายเป็นสองส่วน สิ่งอันควรเรียนรู้คำครูสอน หนึ่ง “สำรวมระวัง” ไม่ร้าวรอน สอง “งดเว้น” เอาไว้ก่อนอย่ารอรี
** ขอยกเป็นตัวอย่างพอได้เห็น หรือมองเป็นบรรทัดฐานแห่งสักขี สำรวมการนั่งนอนจะดูดี งดเว้นในการมีสิ่งเลวทราม
** น้ำเมาคือสุราและเมรัย เป็นสองนัยฟังให้ดีมีล้นหลาม ขืนเสพถูกตราหน้าว่าไม่งาม มีโรคภัยคุกคามเสียเงินทอง
** “สุรา” คือน้ำเมาที่กลั่นแล้ว เมื่อดื่มไม่ผ่องแผ้วจะเศร้าหมอง “เมรัย” ยังไม่กลั่นตามครรลอง เป็นเพียงแค่แช่ดองจนถูกใจ
** ดื่มน้ำเมาไม่ดีมีโทษมาก ช่างหลายหลากจะชี้แจงแถลงไข จำแนกมาให้เห็นเป็นดังไฟ คอยเผาผลาญจนมอดไหม้ทำลายลง
** “เสียทรัพย์” นับอนันต์จากการดื่ม ต้องร้อนรนอย่าลืมถ้ามัวหลง เงินทองมลายไปไม่มั่นคง ทุกคนคงเดือดร้อนไม่ผ่อนคลาย
** “ก่อการทะเลาะและวิวาท” ทั้งอาฆาตบาดหมางไม่รู้หาย เที่ยวรุกรานเพราะสติถูกทำลาย อาจฆ่าฟันกันตายเพราะน้ำเมา
**”บังเกิดโรค” โรคามาทำร้าย อาจถึงตายพิษสุรามาแผดเผา ต้องอมโรคไม่มีสุขทุกข์ไม่เบา เพราะความเขลาตกเป็นทาสอนาถจัง
** “ถูกติเตียน” ว่าไม่ดีผีสุรา จึงขวางหูขวางตาน่าผิดหวัง ขาดสติดูฮึกเหิมเพิ่มพลัง เกิดพลาดพลั้งเพราะสุราช่างน่าอาย
** “ไม่รู้จักอาย” ย่อมทำเรื่องอื้อฉาว ตกเป็นข่าวก็ไม่กลัวล่มสลาย อาละวาดไม่เกรงอันตราย ความอับอายหายไปไม่เหลือดี
** “ย่อมบั่นทอนปัญญา” พาอับจน เสียสติหมองหม่นหมดศักดิ์ศรี คอยกระทำแต่กรรมชั่วตัวอัปรีย์ ทั้งหมดนี้เพราะสุรามันพาไป
** การสำรวมจากน้ำเมาเป็นมงคล ไม่หลงตายหลงตนว่ายิ่งใหญ่ มีสติปัญญาดีมิเหมือนใคร ปิดกั้นความประมาทได้ใจรื่นรมย์
** อีกทรัพย์สินคงอยู่และเพิ่มพูน ไม่อาดูรด้วยโรคาพาสุขสม ห่างไกลความเป็นบ้าพาระทม ความอุดมสมบูรณ์พูนทวี
เรื่อง หลานอนาถะบิณฑิกะเศรษฐี
** ได้ยินมาว่าหลานอนาถะ บิณฑิกะแห่งเมืองสาวัตถี ผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินแก้วมณี ทั้งทาสีเงินทองมากนองเนือง
** ได้ทำการผลาญเงินสี่สิบโกฏิ โดยไม่มีประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเงินหมดต้องฝืดเคือง อันสาเหตุสิ้นเปลืองเพราะสุรา
** ในที่สุดกลับมาหาเศรษฐี ผู้เป็นตาแสนดีเพื่อปรึกษา มอบเงินพันกหาปณะให้ทันตา เพื่อทำการขายค้าเลี้ยงชีพตน
** เงินหมดไปเพราะสุราเหมือนคราก่อน จึงได้ย้อนกลับมาหาอีกหน อนาถบิณฑิกะเป็นยอดคน จำใจทนสงเคราะห์เพราะเห็นใจ
** จึงมอบเงินให้อีกหนึ่งวาระ ห้าร้อยกหาปณะเริ่มต้นใหม่ ด้วยหวังว่าค้าขายได้กำไร เลี้ยงชีพไปตามประสาพารื่นรมย์
** ได้เงินมาแทนที่จะค้าขาย กลับแกล้งผลาญทำลายอย่างสาสม ดื่มแต่เหล้าไม่หยุดสุดระทม ต้องล่มจมหายนะแสนสามาลย์
** ครั้นเขาเป็นเช่นนี้หลายหลายครั้ง จึงยับยั้งเยื่อใยไม่สงสาร คนที่ใจมืดมนอนธกาล และขับไล่จากบ้านไม่อาลัย
** เขาจึงกลายเป็นคนอนาถา ต้องไร้ที่พึ่งพาและอาศัย ไม่มีเพื่อนไร้ญาติขาดเมรัย ต้องดับดิ้นในวัยไม่สมควร
** พวกชาวเมืองจึงได้ลากเอาศพ ที่ได้พบไปทิ้งเป็นสัดส่วน ยังนอกเมืองด้วยใจที่คร่ำครวญ เมื่อได้หวนนึกถึงเรื่องผ่านมา
** อนาถะบิณฑิกะเศรษฐี รีบแต่งตัวเร็วรี่เพื่อไปหา องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ที่มหาวิหารเชตวัน
** เมื่อไปถึงจึงได้กราบบังคม พระบรมโลกนาถผู้สร้างสรรค์ ทรงสั่งสอนหมู่สัตว์นับอนันต์ ให้หลุดพ้นชั่วกัปกัลป์ตลอดไป
** พระพุทธองค์จึงได้เริ่มตรัสถาม ท่านเศรษฐีเล่าความตามเงื่อนไข ถึงเรื่องราวหลานชายในทันใด ว่าทำไมจึงชั่วช้าสารเลว
** พระพุทธองค์ได้ตรัสบุรพกรรม ที่หลานชายได้ทำตัวแหลกเหลว จึงต้องละโลกนี้ไปโดยเร็ว ดังตกเหวกว้างลึกช่วยไม่ทัน
** ในอดีต ณ กรุงพาราณสี โพธิสัตว์จอมบดีมีสุขสันต์ บังเกิดเป็นเศรษฐีที่โจษจัน มีเงินมากมายครันพร้อมเพชรทอง
** สืบเนื่องด้วยมีใจเป็นกุศล สละทรัพย์ของตนไม่หม่นหมอง บริจาคให้เป็นทานดังใจปอง เมื่อตายไปได้ครอบครองทิพย์วิมาน
** เกิดเป็นท้าวสักกะเทวราช ได้เป็นใหญ่มีอำนาจวาสนา ส่วนลูกชายปลูกปรำดื่มสุรา แสนสนุกทุกทิวาราตรีกาล
** เพลินกับอบายมุขทุกประเภท ซึ่งเป็นเหตุให้เสียทรัพย์เกินขับขาน เงินและทองหมดไปในไม่นาน ต้องอดอยากร้าวรานไม่มีกิน
** ท้าวสักกะทราบเหตุสมเพชมาก เสด็จจากดาวดึงส์ซึ่งเป็นถิ่น ที่อยู่อาศัยมาจนเคยชิน สู่ยังภาคพื้นดินอันโสภา
** มอบหม้อมหาสมบัติให้แก่ลูก ด้วยความรักพันผูกมากหนักหนา จะใช้สอยอะไรไม่นำพา ขอเพียงจงรักษาไว้ให้ดี
** จงใส่ใจดูแลเท่าชีวิต และอย่าคิดทำลายให้ป่นปี้ ตราบใดที่หม้ออยู่คู่ชีวี จะไม่มีอับจนหม่นหมองใจ
** เมื่อสั่งเสร็จได้เสด็จทิพย์สถาน สถิตยังวิมานอันสดใส ส่วนลูกชายดื่มสุราเฮฮาไป เคยเป็นมาอย่างไรไม่เปลี่ยนเลย
** ในวันหนึ่งเมื่อเมาสุรามาก พร้อมกับเพื่อนหลายหลากไม่อยู่เฉย นำหม้อมาโยนเล่นแสนเสบย นิจจาเอ๋ยช่างโชคร้ายให้เกิดเป็น
** รับหม้อพลาดตกดินแตกกระจาย ขุมทรัพย์ถูกทำลายกลับยากเข็ญ ต้องขอทานเขากินแสนลำเค็ญ ชีวิตนี้ช่างยากเย็นเสียจริงจริง
** แล้วก็ถึงอวสานกาลสิ้นสุด ล้วนแต่ถูกสมมุติขึ้นทุกสิ่ง เมื่อเกิดขึ้นต้องดับไปไม่ประวิง ข้ออ้างอิงอนิจจังดังตรัสไว้
** เป็นอันว่าลูกชายท้าวสักกะ ไม่พ้นภัยมรณะต้องมอดไหม้ ในกองฟอนของกิเลสเหตุแห่งไฟ ที่เผาผลาญจิตใจให้วอดวาย
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระคาถา เพื่อฉลองศรัทธาดังมุ่งหมาย แก่เศรษฐีผู้มีทรัพย์อย่างมากมาย แบ่งคาถาออกได้สามประการ
** นักเลงเหล้าได้หม้อชื่อกูฏะ แต่ปราศธรรมะน่าสงสาร รักษาดีมีสุขทุกวันวาร ชีวิตจะสำราญเบิกบานหทัย
** เมื่อใดที่เขาเมาและประมาท ทำหม้อแตดจะถึงฆาตอย่าสงสัย จะยากไร้ทุกสิ่งยิ่งอาลัย ไม่ถึงวัยควรตายก็ต้องตาย
** ผู้ประมาทชื่อว่าปัญญาทราม ย่อมเดือดร้อนทุกยามพาฉิบหาย ใช้ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างท้าทาย เหมือนคนติดเหล้าทำลายหม้อทิพย์ตน
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 03:58:04 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๑ ความไม่ประมาทในธรรม (อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ไม่ตั้งมั่นในธัมมะชื่อประมาท ชีวิตขาดที่พึ่งจึงหมองหม่น ธัมมะช่างประเสริฐเลิศมงคล ไม่ประมาทจะหลุดพ้นจากทุกข์ภัย
** คนประมาทในเหตุสามชนิด มีชีวิตอนาถอย่าสงสัย วันคืนผ่านเป็นการทำลายวัย อายุขัยไร้ค่าอนิจจัง
** หนึ่ง “ไม่ทำเหตุคิดแต่จะเอาผล” ดูมันช่างพิกลไม่มีหวัง เช่นคนไม่ทำงานการจีรัง อยากร่ำรวยเป็นดังคนมีเงิน
** สอง “ทำเหตุเสียแต่จะเอาผลดี” คงไม่มีผู้ใดจะสรรเสริญ ทำความชั่วแต่หวังความเจริญ คนไม่เดินแต่หวังถึงซึ่งปลายทาง
** สาม “ทำเหตุน้อยคอยหวังผลที่มาก” เห็นจะยากมิใช่จะถากถาง เปรียบหิ่งห้อยแสงน้อยเพียงเลือนราง แต่อยากให้แสงสว่างดังจันทรา
** ความประมาทในธรรมย่อมนำทุกข์ ห่างจากสุขเกินใจจะใฝ่หา ต้องตั้งมั่นในธรรมองค์สัมมา ชั่วชีวามีแต่สุขทุกข์ไม่มี
** เหตุสำคัญที่ไม่ควรประมาท เพราะสามารถทำให้ไม่ถ้วนถี่ ความเป็นคนสิ้นไปทุกนาที อเวจีเป็นที่หมายเมื่อตายไป
** หนึ่ง “ประมาทการเลิกกายทุจริต” ปล่อยชีวิตลอยล่องต้องหมองไหม้ ละเลยกายสุจริตไม่ใส่ใจ จะผิดถูกอย่างไรก็ช่างมัน
** สอง “ประมาทเลิกวจีทุจริต” ช่างเป็นคนสิ้นคิดเกินเสกสรร ปล่อยวจีสุจริตผ่านไปพลัน ต้องจาบัลย์โศกเศร้าเฝ้าบั่นทอน
** สาม ”ประมาทเลิกมโนทุจริต” ในดวงจิตโสมมสุดถ่ายถอน ละทิ้งมโนสุจริตจิตร้าวรอน จากกองฟอนต้องไปสู่โลกันต์
** สี่ “ประมาทการเลิกมิจฉาทิฐิ” มีดำริชั่วโฉดโหดมหันต์ ละสัมมาทิฐิชั่วชีวัน โทษอนันต์เพราะประมาทขาดคุณธรรม
** ปัจจัยแห่งความประมาทขาดสติ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตำหนิเพราะถลำ สู่วังวนหนทางที่สร้างกรรม เพราะได้ทำตัวตนไม่พ้นมาร
** หนึ่ง “เกียจคร้านไม่ใส่ใจ” จะตรวจตรา ให้รอบคอบทุกเวลาดังกล่าวขาน คอยปล่อยปละละเลยไม่เอาการ จึงทำให้การงานต้องพังภินท์
** สอง “ความประพฤติไม่ดี” จึงเสียหาย ไม่ถูกต้องทำลายทุกสิ่งสิ้น เดินทางผิดคิดชั่วตัวราคิน จึงประมาทเป็นอาจิณสิ้นหนทาง
** สาม “ประพฤติย่อหย่อน” ไม่จริงจัง ทำให้งานต้องพังเกินสะสาง เกิดเสียหายวายวอดจึงอับปาง ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย
** สิ่งที่ไม่ควรประมาทปราชญ์ได้กล่าว จงเรียนรู้เรื่องราวก่อนจะสาย ปฏิบัติตามมีประโยชน์อย่างมากมาย โปรดย่างกรายตามมาจะรู้ทัน
** “ไม่ประมาทในเวลา” มีค่านัก พึงตระหนักรีบเดินตามความฝัน จงอย่าปล่อยให้ล่วงไปวันวัน โดยไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย
** “ไม่ประมาทในชีวิต” คิดให้หนัก จงประจักษ์สัจธรรมอย่าทำเฉย หนีไม่พ้นความตายนะเพื่อนเอย อย่าเฉยเมยรีบทำดีมีกำไร
** “ไม่ประมาทในกิจการงาน” ทั้งหลาย จะทำมาค้าขายหรืองานไหน มีความรับผิดชอบอย่างจริงใจ ทุ่มเทเวลาให้อย่างจริงจัง
** “ไม่ประมาทในเรื่องการศึกษา” ต้องเรียนรู้ค้นคว้าอย่าโอหัง คอยหมั่นเพียรเพื่อเสริมเพิ่มพลัง พึงมุ่งหวังวิชาพัฒนาตน
** “ไม่ประมาทในเรื่องของธัมมะ” ปฏิบัติเพื่อละอกุศล ทั้งกิเลสตัณหาจะห่างตน ปรากฏผลเลิศล้ำธรรมะครอง
** สิ่งที่ไม่มีใครประกันได้ กล่าวเอาไว้สี่ชนิดคิดสอดส่อง ไม่มีใครที่ไหนกล้ารับรอง เป็นเรื่องของสัจธรรมคำของครู
** “ไม่มีใครกล้าประกันว่าไม่แก่” สังขารไม่เที่ยงแท้เกินจะสู้ ย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปคล้ายฤดู จะไม่มีวันอยู่อย่างยั่งยืน
** “ไม่มีใครกล้าประกันเรื่องเจ็บไข้” พระพุทธองค์ตรัสไว้ไม่อาจฝืน ความเจ็บไข้ได้ป่วยสุดกล้ำกลืน ไม่อาจจะขัดขืนจำใจทน
** “ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าไม่ตาย” ชีวิตนี้ต้องวอดวายทุกแห่งหน พบเกิดแก่เจ็บตายกันทุกคน เป็นวังวนของสังขารไม่จีรัง
** “ไม่มีใครกล้าประกันวิบากกรรม” ว่ากระทำความชั่วไร้ทุกขัง กิเลสและตัณหามีพลัง ย่อมจะยังผู้กระทำสู่อบาย
** ที่กล่าวมาก็คือความประมาท ตัวร้ายกาจจะสร้างความฉิบหาย ถ้ามัวหลงอยู่ในความงมงาย ต้องวอดวายหายนะตลอดกาล
** ไม่ประมาทคือยอดอุดมผล เป็นมงคลยิ่งใหญ่แสนไพศาล ย่อมจะถึงอริยมรรคในไม่นาน สำเร็จเรื่องการงานโดยเร็ววัน
** ถ้าเป็นการศึกษาก็สำเร็จ กลเม็ดความสมหวังตั้งใจมั่น เจริญในกุศลธรรมเป็นสำคัญ รับประโยชน์นับอนันต์เกินพรรณนา
เรื่อง บันเทิงบุญ
** วิสาขาอุบาสิกาใหญ่ ตั้งใจให้หลานสาวใกล้ศาสนา รับผิดชอบเรื่องพระด้วยศรัทธา เพราะเหตุว่าอายุกาลผ่านเลยไป
** กลายเป็นผู้สูงวัยในวันนี้ อันกำลังที่มีสู้ไม่ไหว เชื่อมั่นตัวหลานสาวมากกว่าใคร จึงมอบให้จัดการแทนตนเอง
** อนาถะบิณฑิกะเศรษฐี จึงเห็นดีที่ลูกสาวจึงรีบเร่ง มอบลูกสาวคนโตไม่หวั่นเกรง นางก็เก่งทำได้เป็นอย่างดี
** นางปฏิบัติงานได้ไม่นานนัก มีคนรักออกเรือนสมศักดิ์ศรี ผู้เป็นพ่อจำต้องเปลี่ยนอีกที ให้นารีลูกคนรองมาทำแทน
** ลูกคนรองทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม อย่างทัดเทียมพี่สาวไปตามแผน ท่านเศรษฐีภูมิใจไม่คลอนแคลน รักลูกสาวแนบแน่นเปี่ยมศรัทธา
** เวลาผ่านโฉมงามมีความรัก มอบใจภักดิ์ต่อกันมั่นหนักหนา ครั้นความรักงอกงามตามเวลา จึงเข้าสู่วิวาห์ครองคู่กัน
** ท่านเศรษฐีจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ มอบนวลใยสุมนาล้างอาถรรพ์ เธอเป็นน้องสุดท้องงามผ่องพรรณ วิลาวัณย์โสภากว่าทุกคน
** นางเต็มใจยอมรับหน้าที่นี้ เพราะนางมีน้ำใจเป็นกุศล อยากทำบุญสุนทานบันดาลดล ให้หน้ามลบรรลุโมกขธรรม
** จึงหลีกห่างความชั่วตัวร้ายกาจ ไม่ประมาทปล่อยใจให้ถลำ สู่อบายเพราะผลของเวรกรรม ทุกเช้าค่ำมุ่งใจใฝ่แต่บุญ
** ทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่สาว งานก้าวหน้าเพริดพราวราวเทพหนุน ทุกอย่างสำเร็จดีมีบุญคุณ เกื้อการุณศาสนาให้ถาวร
** ครั้นวันหนึ่งฟังพระธรรมเทศนา ได้ดวงตาเห็นธรรมตามคำสอน ของสมเด็จพระพุทธชินวร โฉมบังอรบรรลุธรรมในทันที
** คุณธรรมที่ได้นั้นสูงกว่า ในบรรดาคุณพ่อและพี่พี่ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดเรื่องแปลกดี ดังจะเอ่ยวจีให้ท่านฟัง
** กาลผ่านไปสุมนาเกิดป่วยไข้ อยากจะได้พบพ่อจนแทบคลั่ง พวกทาสีที่คอยเฝ้าระวัง รีบตามท่านมายังเรือนของนาง
** พอเห็นพ่อรีบเอ่ยเผยวจี รีบเข้ามาหาพี่อย่าหมองหมาง การเจ็บป่วยครานี้มิอำพราง คงจะต้องวายวางอย่างแน่นอน
** โธ่ลูกเอ๋ยเจ้าคงอาการหนัก จึงได้เพ้อยิ่งนักถึงกับหลอน เอ่ยเรียกพ่อว่าพี่เพราะนิวรณ์ น่าสงสารบังอรเกินประมาณ
** สุมนาพูดว่าข้าไม่หลง เป็นเรื่องจริงอย่าพะวงจึงเรียกขาน ท่านเป็นน้องของข้าอย่าร้าวราน นางยืนยันจนลมปราณนางสิ้นไป
** ท่านเศรษฐีทูลถามพระพุทธองค์ ถึงเรื่องราวจึงทรงแถลงไข เพื่อเศรษฐีและทุกคนได้เข้าใจ เพราะเหตุใดนางจึงเรียกอย่างนั้น
** อนาถะบิณฑิกะเศรษฐี เป็นผู้ที่ใฝ่ธรรมอย่างกวดขัน ท่านบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ส่วนนางสำเร็จขั้นสกทาคามี
** อันนี้คือสาเหตุเรื่องทั้งหมด นางจึงได้กำหนดตัวเป็นพี่ และเรียกพ่อว่าน้องเมื่อพาที ด้วยการที่มีธรรมสูงกว่ากัน
** พระพุทธองค์ได้ตรัสต่อไปว่า บัดนี้สุมนาสู่สวรรค์ ในชั้นดุสิตวิลาวัณย์ จนชั่วนิจนิรันดร์สุขารมย์
** พระพุทธองค์จึงตรัสพระคาถา ว่าด้วยบุญจะพาให้สุขสม ทั้งโลกนี้โลกหน้าพาชื่นชม เอกอุดมเพราะกรรมดีที่ทำไว้
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 04:10:00 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๒ ความเคารพ (คารโว จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ความเคารพแปลว่าความตระหนัก ในความดีเป็นประจักษ์ที่ยิ่งใหญ่ มีปัญญามองเห็นว่าสิ่งใด ควรเคารพนบไหว้เป็นมงคล
** ในพุทธศาสนาว่ามีหก จึงขอยกมาแสดงให้ท่องบ่น และประพฤติเป็นนิสัยไม่วกวน เพื่อเหล่าชนที่รักจักได้ดี
** หนึ่งเคารพในพระพุทธเจ้า ทุกค่ำเช้าระลึกคุณไม่หน่ายหนี ที่สั่งสอนแนะนำธรรมมากมี เพื่อโลกนี้โลกหน้าสถาพร
** สองมีความเคารพในพระธรรม ที่พุทธองค์ทรงนำมาสั่งสอน ให้ละชั่วทำดีมิร้าวรอน ละนิวรณ์หลีกพ้นวังวนกรรม
** สามมีความเคารพในพระสงฆ์ ผู้มั่นคงในวินัยใจชื่นฉ่ำ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกอปรด้วยธรรม และน้อมนำมาเผยแพร่แก่ปวงชน
** สี่มีความเคารพการศึกษา ซึ่งจะพาให้ฉลาดไม่พลาดป่น เป็นคนดีมีคุณค่าสมเป็นคน ไม่อับจนก้าวหน้าพารุ่งเรือง
** ห้าเคารพในความไม่ประมาท จะแคล้วคลาดจากผองภัยใจฟูเฟื่อง คนที่ไม่ประมาจะประเทือง ไปด้วยเรื่องดีดีมีโชคชัย
** หกเคารพในการต้อนรับแขก ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอย่าสงสัย ต้อนรับด้วยไมตรีเหมาะกับวัย ตามสมัยนิยมที่สมควร
** อารยธรรมการแสดงความเคารพ มีนอบนบกราบไหว้ให้ถูกส่วน รวมห้าแบบขอกล่าวตามกระบวน จึงเชิญชวนใส่ใจไม่อำพราง
** “อัญชลี” การยกมือประกบกัน นิ้วมือนั้นแนบชิดทั้งสองข้าง ยกขึ้นระหว่างอกแขนไม่กาง ตอนฟังเทศน์อย่าเลือนรางหรือสวดมนต์
** “วันทา” การเลื่อนมือจากหว่างอก แล้วจึงยกหัวแม่มืออย่าสับสน ไว้ระหว่างทั้งสองคิ้วของตน ใช้สำหรับผู้คนเคารพกัน
** “อภิวาท” นั่นหรือคือการกราบ ศิโรราบจรดพื้นพิถีพิถัน มือทั้งสองต้องวางลงไปพลัน ระยะนั้นต้องห่างหนึ่งฝ่ามือ
** “อุฏฐานะ” การลุกรับด้วยนอบนบ เมื่อได้พบผู้ใหญ่ที่นับถือ ด้วยนอบน้อมกายใจใฝ่ฝึกปรือ พร้อมจับมือประสานให้สวยงาม
** “สามีจิกรรม” ทำการคารวะ เพื่อให้เหมาะตามวาระมิวางก้าม เช่นอ่อนน้อมถ่อมตนไม่วู่วาม ปฏิบัติตามประเพณีมีมานาน
** ความเคารพนับเป็นมงคลยิ่ง เพราะเป็นสิ่งประเสริฐหลายสถาน มีคนรักคนเมตตาตลอดกาล สุคติคือวิมานเป็นที่ไป
** เป็นผู้ที่มีจิตเป็นกุศล นำพาตนให้ก้าวหน้าพาสดใส มีกัลยาณมิตรทั้งใกล้ไกล ชีวิตไม่อับจนพ้นอบาย
เรื่อง ลำดับอาวุโส
** สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ทรงปรารภ เกี่ยวเนื่องความเคารพเมื่อตอนสาย ณ ธรรมสภาสาธยาย ให้ภิกษุทั้งหลายได้สังวร
** เหตุเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี จอมโมลีทรงคิดจะสั่งสอน พฤติกรรมฉัพพัคคีย์มิอาทร ความเดือดร้อนใดใดไม่นำพา
** อนาถะบิณฑิกะผู้ใจบุญ สร้างวิหารบูชาคุณศาสนา ถึงเวลาจะถวายพระศาสดา ได้นิมนต์พระองค์มาพร้อมบริวาร
** ฉัพพัคคีย์จึงให้ลูกศิษย์ตน รีบดั้นด้นไปจองที่ยังวิหาร เพื่อพวกพ้องจะได้สุขสำราญ จนเป็นที่เบิกบานทั่วหน้ากัน
** ฝ่ายพระสารีบุตรมาถึงช้า นอนโคนไม้อนาถาดูน่าขัน พวกภิกษุทั้งหลายต่างโจษจัน การกระทำอย่างนั้นเลวสิ้นดี
** พระศาสดาประชุมสงฆ์แล้วตรัสว่า ภิกษุสงฆ์ทรงสิกขามีศักดิ์ศรี พึงกระทำอภิวาทอัญชลี ต่อผู้ที่แก่กว่าทุกคราไป
** อันก้อนข้าวและน้ำอันเลอเลิศ ที่นั่งนอนประเสริฐกว่าสิ่งไหน ควรแก่ผู้อาวุโสกว่าใครใคร ดังขานไขจงฟังตั้งปณิธาน
** จึงนำเอาเรื่องราวมาสาธก ได้หยิบยกเรื่องสามสัตว์มาประสาน เป็นเรื่องราวเมื่อคราวอดีตกาล มาเล่าขานโปรดฟังอย่างตั้งใจ
** ในป่าหิมพานต์กาลครั้งนั้น มีสามสัตว์อยู่ด้วยกันกลางดงใหญ่ ลิงช้างนกกระทาพาไฉไล ต่างยึดเอาต้นไทรเป็นที่นอน
** ต่างคนต่างก็ไม่เกรงใจกัน พัลวันวุ่นวายสุดถ่ายถอน อยากจะเคารพกันถูกขั้นตอน จึงเริ่มต้นกันก่อนสืบเรื่องราว
** ท่านรู้จักต้นไทรนี้กันเมื่อไหร่ ขอจงได้ชี้แจงแถลงข่าว เพียงสั้นสั้นได้ใจความไม่ยืดยาว โปรดบอกกล่าวกันเถิดหนาอย่าช้าที
** ช้างจึงได้รีบเอ่ยเฉลยถ้อย ตอนที่เป็นช้างน้อยด้อยรัศมี ต้นไทรสูงแค่ท้องของข้านี้ ดังวจีกล่าวขานวานคิดดู
** ฝ่ายลิงจึงได้เอ่ยเฉลยบ้าง ต่อจากช้างทันทีมิหลบหลู่ จะขอร่วมรังสรรค์และเชิดชู เคารพผู้แก่กว่าน่าชื่นชม
** นับย้อนหลังเมื่อคราวครั้งยังเป็นเด็ก ตัวเล็กเล็กวิ่งเล่นเสียงดังขรม ไทรต้นนี้ยังเป็นหน่อรอรับลม ช่างเหมาะสมกับการหักเล่นจัง
** นกกระทาก็พร้อมจะบอกกล่าว ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาคราหนหลัง สหายเอ๋ยท่านจงตั้งใจฟัง ก่อนนี้ต้นไทรยังไม่มีเลย
** ตัวเรานี้เป็นผู้กินลูกไทร จากต้นใหญ่เราจะขอเฉลย มาถ่ายไว้ตรงนี้นะท่านเอย มันงอกเงยเติบใหญ่ในวันนี้
** สรุปความลำดับอาวุโส พี่คนโตนกกระทาอย่าหน่ายหนี น้องคนรองคือลิงมิ่งโมลี ช้างตัวโตโก้ดีเป็นสุดท้อง
** แต่นั้นสัตว์ทั้งสามไม่หวั่นไหว เคารพในอาวุโสไม่หม่นหมอง เชื่อฟังกันเคารพกันตามครรลอง ต่างปรองดองน้องพี่ที่ป่าไพร
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 04:20:53 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๓ ความถ่อมตน (นิวาโต จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การถ่อมตนคือคนไม่เย่อหยิ่ง ละอวดดีเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ปรารภถึงความดีที่ถ่อมใจ มิลำพองกับใครให้วุ่นวาย
** อันสาเหตุที่ทำให้ผยอง จงหมั่นมองไม่ทำให้เสียหาย นับเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่ากล้ำกราย หลีกให้ไกลห่างกายและห่างตน
** “โกธะ” คือความโกรธความเดือดดาล เป็นสัญชาติคนพาลจิตตกหล่น “อุปหานะ” ผูกโกรธโหดสุดทน ไม่อภัยเพราะคนคิดเกลียดชัง
** “มักขะ” การลบหลู่คุณความดี ของผู้อื่นทุกที่อย่าพึงหวัง “ปลาสะ” ตีเสมอไม่อินัง เป็นคู่แข่งลองพลังที่สำคัญ
** ถัมภะ” ดื้อกระด้างอย่างร้ายกาจ ทำวางมาดว่าดีอย่างเข้าขั้น “อติมานะ” คือตัวชั่วมากครัน ดูหมิ่นเขาแต่เรานั้นน่าอับอาย
** ธรรมะที่ส่งเสริมการถ่อมตน ที่ทุกคนควรถือมั่นสู่จุดหมาย ความเป็นคนน่ารักไม่งมงาย มีมากมายเจ็ดข้อขอชี้แจง
** “สัทธา” ความเชื่อความเลื่อมใส ด้วยจริงใจในคำสอนทุกแขนง ในบุคคลสถานที่มิเปลี่ยนแปลง เปรียบดังแสงตะวันและจันทรา
** “อโทสะ” ไม่ดุร้ายไม่ขึ้งโกรธ ไม่ปองร้ายมีโทษมากหนักหนา ไม่เบียดเบียนไม่คิดร้ายทุกเวลา ใจเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแช่เย็น
** “มุทิตา” มีความหมายบันเทิงใจ พลอยยินดีเมื่อเขาได้พ้นยากเข็ญ อีกเจริญก้าวหน้าไม่ลำเค็ญ ไม่ริษยาเมื่อเห็นเขาได้ดี
** “มุทุตา” ความอ่อนโยนในดวงจิต ไม่กระด้างเป็นมิตรกันทุกที่ ความละมุนละม่อมย่อมเกิดมี ความอ่อนน้อมด้วยวจีใจและกาย
** “เมตตา” ปรารถนาให้เป็นสุข ปราศจากทุกข์บรรดาสัตว์ทั้งหลาย เอื้ออารีสงสารไม่รู้คลาย ไม่อาฆาตมาดร้ายให้โศกตรม
** “สติ” ระลึกได้ไม่พลั้งเผลอ ไม่หลงเพ้อไม่หวั่นไหวให้ขื่นขม กำหนดรู้การเคลื่อนไหวไม่ระทม มีสติสังคมไม่วุ่นวาย
** “ปัญญา” ความรอบรู้บุญและบาป รู้จักละกิเลสหยาบให้สลาย อีกทั้งกรรมที่ควรเว้นมีมากมาย ไม่งมงายเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
** การถ่อมตนเป็นมงคลที่ดีแน่ ไม่พ่ายแพ้เป็นทาสของความชั่ว กำจัดความกระด้างที่ในตัว กายและจิตสงบทั่วไร้ศัตรู
** เป็นที่รักของสัตว์และมนุษย์ มีความสุขที่สุดไม่หดหู่ จิตตั้งมั่นอ่อนโยนน่าชื่นชู คุณความดีมีอยู่คู่โลกา
** คนที่แข็งกระด้างหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์อำนาจวาสนา ดูหมิ่นญาติพี่น้องของอาตมา หายนะถามหาทุกนาที
เรื่อง ยอดชายนายมานะ
** มียอดชายนายหนึ่งถือตัวจัด ใจผูกพันร้อยรัดในทุกที่ จะยกมือไหว้ใครไม่เคยมี ทั้งพ่อแม่น้องพี่ไม่มีเลย
** อีกครูบาอาจารย์ก็ไม่ไหว้ เก็บมานะเอาไว้ใคร่เปิดเผย จึงชื่อนายมานะผู้เฉยเมย เพราะไม่เคยไหว้ใครในชีวี
** ครั้นวันหนึ่งเดินผ่านธรรมสภา องค์สมเด็จพระสัมมาชินศรี ทรงแสดงเทศนาอยู่พอดี จึงทำทีเข้าไปนั่งดังจำนรรจ์
** เข้าไปนั่งใกล้พระพุทธองค์ แต่ก็คงไม่ไหว้คล้ายเย้ยหยัน ด้วยมานะสมชื่อเขาลือกัน เพราะยึดมั่นทิฐิมิจืดจาง
** ตั้งใจว่าถ้าไม่มีผู้ใดทัก เราก็จักหลีกไปให้ไกลห่าง ครั้นเวลาผ่านไปเหมือนเป็นลาง ต้องอ้างว้างหาคนทักไม่มี
** ขยับกายหมายจะลุกออกไป พระพุทธองค์ทรงรู้ใจว่าจะหนี จึงรีบตรัสทักทายในทันที ในโลกมีคนถือตัวชั่วนักเอย
** ผู้ใดเห็นประโยชน์จากอะไร จงสนใจในสิ่งนั้นอย่าพลันเฉย ทำให้ดีที่สุดอย่าละเลย มานะเอ๋ยเธอจงฟังดังกล่าวมา
** นายมานะตะลึงเหมือนถูกมนต์ ที่มีคนรู้ใจแทบผวา ความเย่อหยิ่งจองหองเต็มอุรา สูญสิ้นไปทันตามอดมลาย
** รีบคลานเข้าไปหาพระพุทธเจ้า ความอวดดีที่รุมเร้าสิ้นสลาย ก้มลงจูบพระบาทไม่เขินอาย ทำให้ชนทั้งหลายต่างแปลกใจ
** ข้าแต่ท่านผู้เจริญเชิญบอกกล่าว ถึงเรื่องราวที่อยากรู้จะได้ไหม เราไม่ควรเย่อหยิ่งกับผู้ใด ควรเคารพยำเกรงใครช่วยบอกที
** พระพุทธองค์ตรัสว่ามานะเอ๋ย อย่าเย่อหยิ่งอวดดีเลยในทุกที่ พ่อแม่ครูอาจารย์อย่ารอรี อีกน้องพี่ผู้มีคุณการุณเรา
** ท่านเหล่านี้สมควรจะเคารพ ทั้งบูชาน้อมนบในตัวเขา จงทำลายมานะให้แบ่งเบา แล้วยึดเอาการอ่อนน้อมและถ่อมตน
** นายมานะกราบทูลตถาคต ว่าเข้าใจทั้งหมดไม่หมองหม่น ขอเข้าถึงพระรัตนตรัยอีกสักคน แต่วันนี้ไปจนชั่วชีวัน
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 05:27:24 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๔ มีความสันโดษ (สนฺตุฏฺฐี จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ความสันโดษหมายถึงความพอใจ กับสิ่งของน้อยใหญ่ดังหมายมั่น ซึ่งเป็นของของตนที่มีพลัน นอกจากนั้นไม่สนใจของใครเลย
** ลักษณะของสันโดษมีกล่าวไว้ ขอจงได้รับฟังคำเฉลย เมื่อทราบแล้วจงอย่าทำเฉยเมย รีบปฏิบัติกันเลยในทันที
** หนึ่ง “ยินดีตามมี” เป็นของเรา ไม่อยากได้ของเขาเสื่อมราศี เฝ้าชื่นชมกับสิ่งที่เรามี ทำอย่างนี้มีสุขทุกคืนวัน
** สอง “ยินดีตามกำลัง” ที่หาได้ ผลประโยชน์น้อยใหญ่ที่สร้างสรรค์ ในทุกเรื่องทุกคราวดังจำนรรจ์ จะสุขสันต์รื่นเริงตลอดไป
** สาม “ยินดีตามควร” ส่วนสันโดษ เกิดประโยชน์ขั้นสูงรุ่งสดใส เป็นมหาสันโดษเรืองโรจน์ไกล กุศลที่ยิ่งใหญ่จักตามมา
** การยินดีตามสมควรประมวลกล่าว เป็นเรื่องราวสามประการวานศึกษา รายละเอียดจงได้พิจารณา ด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ดุจดังทอง
** หนึ่ง “ควรแก่ฐานะ” อันควรเป็น ไม่ลำเค็ญยากไร้ไม่หม่นหมอง รู้ฐานะของตัวดีมิลำพอง ดังนั้นต้องเข้าใจคำว่าพอ
** ไม่ทำตัวใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ ถือดีเด่นเป็นหลักอยากจะขอ เอาแต่สุขสบายหมายพนอ เพราะความทุกข์นั้นรอให้ผลกรรม
** สอง “ควรแก่กำลัง” สมรรถภาพ หมายถึงทราบความสามารถไม่ถลำ เกินกำลังของตนอย่าริทำ เป็นสื่อนำความยากไร้อย่าหมายปอง
** สาม “ควรแก่ศักดิ์ศรี” ที่มีอยู่ เราต้องรู้รักษาอย่าให้หมอง อย่าให้ความมักมากเข้ามาครอง เกียรติยศเป็นของต้องคำนึง
** ความสันโดษเป็นมงคลที่สูงค่า จะหมดสิ้นตัณหาพาเข้าถึง โลกุตตรธรรมจงรำพึง เป็นประหนึ่งสิ่งของที่ต้องตา
** เป็นมงคลเพราะถึงความสิ้นทุกข์ มีความสุขสมใจดังใฝ่หา ไม่เดือดร้อนเพราะบาปมาบีฑา แต่เจริญก้าวหน้าด้วยความดี
เรื่อง พญานกแขกเต้าผู้สันโดษ
** คราเมื่อครั้งจอมปราชญ์พระศาสดา ประทับที่พาราสาวัตถี เชตวันพระวิหารอันรูจี จึงทรงมีคำตรัสพระวัจนา
** ธรรมดาสมณะเมื่อมาถึง เสนาสนะอันพึงปรารถนา เป็นที่สุขสบายหมายพึ่งพา พักกายาให้รื่นรมย์สมใจปอง
** ไม่ควรโลภโภชนาภักษาหาร รู้สันโดษต่อการกิจทั้งผอง พึงพอใจตามมีมิลำพอง บำเพ็ญธรรมตามครรลองของพุทธา
** ทรงหยิบยกเรื่องราวคราวหนหลัง นำมาเล่าให้ฟังสิ้นกังขา กาลครั้งหนึ่งที่แนวไพรในพนา อยู่ริมฝั่งคงคามหานที
** เป็นป่าไม้มะเดือมากเหลือล้น มีลูกดกเต็มต้นหลากหลายสี เป็นอาหารนกแขกเต้าได้อย่างดี ซึ่งได้มีมากมายหลายแสนตัว
** ฤดูแล้งผลมะเดื่อก็หดหาย นกทั้งหลายพากันเดือดร้อนทั่ว ขาดอาหารมองไปใจมืดมัว ด้วยหวาดกลัวความตายให้ร้อนรน
** จึงพากันหลีกหนีไปที่ใหม่ หวังจะได้อาหารไม่ขัดสน แม้จะต้องเดินทางไกลก็ยอมทน เพื่อผจญโชคชะตาดีกว่าตาย
** แต่ยังมีพญานกแขกเต้า ไม่อาวรณ์โศกเศร้าเหมือนสหาย ถือสันโดษคงมั่นไม่เสื่อมคลาย ถึงชีวิตจะมลายก็ตามที
** ผลมะเดื่อหมดไปไม่เดือดร้อน กินใบเปลือกหน่ออ่อนอย่างถ้วนถี่ แม้กระทั่งสะเก็ดเท่าที่มี เป็นเครื่องเลี้ยงชีวีไปวันวัน
** ร้อนไปถึงท้าวสักกะเทวราช ที่มีอาสน์กระด้างอย่างมหันต์ เมื่อตรวจดูก็รู้สาเหตุพลัน ต้องยับยั้งภยันอันตราย
** จึงบันดาลต้นมะเดื่อตายสนิท เพื่อทดลองความคิดก่อนผันผาย ลงไปช่วยพญานกไม่ดูดาย ก่อนที่จะวางวายลงไปพลัน
** ต้นมะเดื่อตายสิ้นในถิ่นป่า มีผงไหลออกมาช่างอาถรรพ์ ตามช่องแตกของต้นไม้มากมายครัน เป็นอาหารหวานมันของนกไพร
** จนสุดท้ายต้นไม้เหลือเพียงตอ พญานกไม่ท้อหนีไปไหน ยังถือมั่นสันโดษอย่างเกรียงไกร เกาะตอไม้ด้วยใจที่เบิกบาน
** ท้าวสักกะแน่ใจพญานก ไม่โกหกหลอกลวงไร้แก่นสาร ถือสันโดษมักน้อยพอประมาณ ไม่ซมซานหนีไปไกลที่เดิม
** จึงแปรงร่างเป็นหงส์ลงมาหา โดยไม่ช้าด้วยหวังจะส่งเสริม ผู้ที่มีคุณธรรมใช่ซ้ำเติม มีสุขเพิ่มเป็นตัวอย่างสร้างความดี
** แล้วกล่าว่านี่แน่ะพญานก จะวิตกทำไมกับที่นี่ จงหลีกไปยังที่อาหารมี เพื่อชีวีมีสุขทุกวันคืน
** นกแขกเต้าตอบว่าพญาหงส์ ท่านนี่คงคิดว่าข้าทนฝืน แต่ที่จริงสุขดีมิกล้ำกลืน จะนั่งนอนเดินยืนก็สุขใจ
** แต่เมื่อยามเพื่อนทุกข์สุขได้หรือ คำคนจะเล่าลือกันไปใหญ่ ต้นมะเดื่อเป็นเพื่อนดีมาแต่ไร มีทั้งผลดอกใบให้เรากิน
** เป็นทั้งญาติและเพื่อนที่ใกล้ชิด ถ้าเราคิดหนีไปก็ใจหิน เพียงเพราะผลไม่มีเลี้ยงชีวิน ประโยชน์สิ้นเราหนีไม่ดีเลย
** พญาหงส์เข้าใจในความคิด โอ้ช่างมีไมตรีจิตสุดทนเฉย เราให้พร้อมตามปรารถนาน่าชมเชย สหายเอ๋ยจงเลือกเอาตามต้องการ
** พญานกกล่าวว่าข้าอยากขอ ให้ต้นไม้ชูช่อผลหอมหวาน มีชีวิตปกติอันยาวนาน เป็นที่พึ่งวงศ์วานเหล่านกกา
** พญาหงส์ตอบว่าจงสุโข พึงสำเร็จดังมโนปรารถนา เมื่อกล่าวจบก็กลับคืนกายา เป็นมหาเทวราชชาติจอมชน
** แสดงอานุภาพแห่งสักกะ เป็นวาระต้นไม้แห่งไพรสณฑ์ กลับคืนชีพสดใสในบัดดล เป็นมงคลแก่นกกาน่าอัศจรรย์
** พญานกแขกเต้าจึงกล่าวว่า ข้าแต่จอมเทวาจงสุขสันต์ พร้อมวงศาคณาญาติถ้วนหน้ากัน จอมเทวัญกลับคืนสู่วิมาน
** ความสันโดษดีตลอดเป็นยอดทรัพย์ พระพุทธองค์ทรงยอมรับในคำขาน จึงทรงมีมธุรสพจมาน ความสันโดษเป็นการประมาณตน
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 05:37:11 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู (กตญฺญุตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** จะกล่าวถึงมงคลยี่สิบห้า มีชื่อว่ากตัญญูรู้เหตุผล เป็นคุณธรรมที่ประเสริฐของปวงชน ช่างดีล้นหนักหนากว่าสิ่งใด
** ในโลกนี้มีบุคคลหาได้ยาก มีไม่มากสองประการขอขานไข ทำประโยชน์โดยไม่ได้หวังอะไร เป็นผู้มีจิตใฝ่ตอบแทนคุณ
** “บุพการี” คือผู้มีบุญคุณมาก ออกมาจากหัวใจใฝ่เกื้อหนุน คือพ่อแม่ผู้ดูแลและเจือจุน ครูอาจารย์เกื้อการุณสั่งสอนเรา
** “กตัญญูกตเวทิตา” รู้บุญคุณแล้วมาตอบแทนเขา ปฏิบัติตามคำสอนไม่ดูเบา เมื่อแก่เฒ่าเลี้ยงดูผู้ชรา
** คุณธรรมสองประการกล่าวขานไว้ ถ้าทำได้แสนดีมีสง่า เป็นบุคคลหาได้ยากดังกล่าวมา ขอบูชาเทิดไว้เหนือฟ้าดิน
** บุคคลที่ควรกตัญญูรู้เอาไว้ แบ่งออกได้สามประเภทดังถวิล ล้วนแต่เป็นบุพการีชั่วชีวิน จงน้อมจินต์ทดแทนแสนงดงาม
** หนึ่งบิดามารดาสูงค่ายิ่ง นับเป็นสิ่งประเสริฐหนึ่งในสาม ได้เกิดกายเลี้ยงดูอยู่ทุกยาม จะสุขทุกข์ก็ตามเฝ้าห่วงใย
** หนึ่งคุณครูผู้สอนสั่งเปรียบดังบุตร ไม่เคยหยุดเมตตาเล็กจนใหญ่ ตั้งแต่เริ่มขีดเขียนพากเพียรไว้ จวบจนได้ปริญญามาครอบครอง
** หนึ่งรัตนะทั้งสามแสนประเสริฐ ช่างล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสอง ได้เข้าใจเรื่องทุกข์สุขสมปอง ใจผุดผ่องบริสุทธิ์ดุจมณี
** อีกทั้งผู้มีคุณการุณรัก พึงประจักษ์คุณค่าบุญราศี ผู้ช่วยเหลือเกื้อกูลบรรดามี ท่านเหล่านี้พึงกตัญญูรู้พระคุณ
** กตัญญูเป็นมงคลกุศลส่ง มีธัมมะมั่นคงไม่ว้าวุ่น คำสรรเสริญมีมาเพราะว่าบุญ มีสวรรค์เป็นทุนเมื่อตอนตาย
เรื่อง ช้างยอดกตัญญู
** คราครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา เสด็จมาเพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลาย ประทับที่เชตวันพรรณราย ผู้ใฝ่ธรรมมากมายเฝ้าพระองค์
** ทรงปรารภภิกษุผู้ถือสัจ ปฏิบัติมารดาคุณสูงส่ง นำนิทานมาสาธกโดยบรรจง จุดประสงค์เป็นตัวอย่างสร้างความดี
** กาลครั้งหนึ่งบรมโพธิสัตว์ ทรงอุบัติเป็นช้างเผือกตามวิถี บริวารแปดหมื่นในพงพี เลี้ยงดูมารดาที่พิการตา
** นำบริวารออกไปหาอาหาร ต่างชื่นบานสดใสในพฤกษา มีอาหารมากมายสุดพรรณนา เป็นเพราะว่าอุดมและสมบูรณ์
** กินอาหารอิ่มหนำสุขสำราญ แสนเบิกบานหัวใจไม่เสื่อมสูญ เตรียมอาหารให้แม่แผ่เกื้อกูล เพื่อเพิ่มพูนบุญญาบารมี
** แล้วมอบให้บริวารนำไปส่ง แต่มันไม่ซื่อตรงกลับพาหนี เอาไปกินเสียเองไม่เข้าที ทราบเรื่องแล้วพาแม่หนีจากโขลงไกล
** อาศัยอยู่ในถ้ำสองแม่ลูก ด้วยพันผูกเกินกว่าจักหาไหน คอยเลี้ยงดูด้วยรักจากหัวใจ ไม่ยอมให้แม่อดสักเวลา
** ครั้นวันหนึ่งพรานไพรใจฉกาจ เกิดพลั้งพลาดหลงทางที่กลางป่า นั่งร้องห่มร้องไห้ในพนา ไม่รู้ว่าทำอย่างไรในป่านี้
** พญาช้างได้ยินไม่รอช้า จึงรีบเข้าไปหาอย่างเร็วรี่ ด้วยเมตตาจึงช่วยไม่รอรี นำพรานไพรไปส่งที่ริมชายแดน
** ฝ่ายพรานไพรใจโฉดโหดหนักหนา ครั้นเมื่อพ้นออกมาคิดวางแผน ทูลราชาเพื่อหวังของตอบแทน เป็นทรัพย์สินสุดแสนชื่นชีวัน
** วาระนั้นภายในพระราชฐาน ช้างมงคลถึงกาลต้องอาสัญ มาล้มลงทำให้องค์ราชัน ต้องป่าวร้องประกาศลั่นสนั่นกรุง
** ท่านผู้ใดมีช้างรูปร่างสวย ขอได้ช่วยนำมาดังหมายมุ่ง จะมีรางวัลให้เป็นกระบุง ชีวิตจะเรื่องรุ่งไปอีกนาน
** นายพรานไพรได้ทีไม่รอช้า เฝ้ากราบทูลราชาเอ่ยคำขาน มีช้างเผือกอาศัยในดงดาน ลักษณะดีเป็นวงศ์วานช้างมงคล
** ขอพระองค์ทรงส่งนายควาญช้าง ข้าจะขอนำทางเข้าไพรสณฑ์ เพื่อจะจับพญาช้างอย่างแยบยล นำมาเป็นช้างต้นคู่ธานี
** พระราชาอนุมัติตามที่ขอ ควาญช้างไม่รีรอขมันขมี พบพญาช้างที่ริมฝั่งนที กำลังดื่มวารีอยู่ริมธาร
** พญาช้างเห็นพรานก็รู้ว่า คงมีภัยตามมาไม่พ้นผ่าน ตั้งสติไม่คิดโกรธนายพราน สงบนิ่งไม่ระรานคนทั้งปวง
** ควาญช้างจึงได้นำพญาช้าง จากกลางป่าเดินทางเข้าวังหลวง พญาช้างชอกช้ำระกำทรวง คิดเป็นห่วงมารดาเอกากาย
** นับแต่นี้ใครจะใส่ใจแม่ คอยดูแลแม่บ้างไม่ห่างหาย คงอดน้ำอดอาหารจนวางวาย แม่ต้องตายแน่แน่ในเร็วไว
** มารดาพญาช้างโศกเศร้าหนัก อนิจจาลูกรักเจ้าอยู่ไหน พระราชาหรือว่ามีใครใคร มาจับตัวเจ้าไปให้เศร้าตรม
** นับจากนี้กลางป่าจะสดใส ไม้อ้อยช้างไม้อื่นใดจะสุขสม ไม้มูกมันไม้ช้างน้าวไม่ระทม ขาดพญาช้างรื่นรมย์จักงอกงาม
** ฝ่ายควาญช้างส่งสาสน์ถึงราชา ตกแต่งเมืองให้สง่าดูวาบหวาม เพื่อต้อนรับช้างเผือกให้ลือนาม และเพื่อความเป็นสิริที่ยาวนาน
** อีกประพรมน้ำหอมให้หอมฟุ้ง กลิ่นจรุงอบอวนทั่วราชฐาน ทั้งประดับเครื่องทรงอลังการ แล้วจึงนำคชสารเข้าสู่เรือน
** พระราชานำอาหารมีรสเลิศ ที่หวานหอมประเสริฐหาใดเหมือน ด้วยตัวของพระองค์ไม่แชเชือน เปรียบดังเพื่อนรู้ใจมอบไมตรี
** พยายามอ้อนวอนด้วยคำหวาน ว่าพ่อเอ๋ยลองทานอาหารนี่ อย่าชักช้าอยู่เลยเอ่ยวจี เพราะยังมีงานต้องทำร่วมกัน
** พญาช้างจึงพูดลอยลอยว่า นางช้างผู้กำพร้าคงโศกศัลย์ ด้วยตาบอดมองไม่เห็นเดือนตะวัน ต้องล้มลุกเข้าขั้นชวนเวทนา
** พระราชาตรัสถามว่าท่านเอ๋ย นางช้างที่ได้เอ่ยพร่ำบ่นหา เป็นอะไรกับท่านจงบอกมา เผยวาจาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง
** พญาช้างจึงเอ่ยเฉลยถ้อย เป็นมารดาข้าน้อยรอความหวัง ทั้งอาหารและน้ำเพิ่มพลัง เลี้ยงชีวังกันตายอยู่ชายดง
** พระราชราได้ฟังตรัสสั่งว่า จงปล่อยช้างเข้าป่าดังประสงค์ ได้เลี้ยงดูมารดาดังจำนง ธ ทรงปลงสังเวชในเหตุการณ์
** พญาช้างดีใจเป็นยิ่งนัก ได้ประจักษ์น้ำพระทัยอันไพศาล จึงได้เปล่งวาจาพาเบิกบาน เป็นธรรมทานเลิศค่ากว่าอะไร
** ขอพระองค์จงเป็นผู้ไม่ประมาท จงอย่าขาดสติที่ฝันใฝ่ แล้วกราบลาราชันดั้นด้นไป ยังพงไพรหาแม่ผู้แก่กาย
** เมื่อไปถึงเอาน้ำไปรดแม่ ผู้นอนแผ่เพราะว่าความกระหาย อดอาหารเจ็ดวันอันตราย จะย่างกรายมองไม่เห็นลำเค็ญจัง
** ช้างมารดาเข้าใจว่าฝนตก โอ้หัวอกของเราหมดความหวัง ฝนคงตกผิดฤดูดอกกระมัง เราคงต้องระวังดูแลตน
** พญาช้างจึงบอกว่าตัวข้าเอง ไม่มีใครข่มเหงอย่าหมองหม่น พระราชาปล่อยลูกมาอย่ากังวล จะรักแม่ท่วมท้นทุกคืนวัน
** นางช้างจึงชื่นชมพระราชา ช่างใจดีหนักหนางามเฉิดฉัน จงรุ่งเรืองก้าวหน้านิจนิรันดร์ ขอให้องค์ราชันทรงพระเจริญ
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 05:44:24 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๖ การฟังธรรมตามกาล (กาเลน ธมฺมสฺสวนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ)) ** การฟังธรรมตามกาลตามวาระ คือการฟังทุกวันพระน่าสรรเสริญ ทุกแปดค่ำสิบห้าค่ำอย่าหมางเมิน วันว่างว่างขอเชิญฟังธรรมกัน
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ ทรงมุ่งผลธัมมะเพื่อสร้างสรรค์ มีอยู่สามประการคุณอนันต์ ขอจำนรรจ์เอ่ยอ้างสร้างศรัทธา
** ทรงมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ในโลกนี้ อีกยังมีประโยชน์ในโลกหน้า พร้อมทั้งสิ่งสำคัญติดตามมา คือหลุดพ้นจากตัณหามาแผ้วพาน
** ผู้มีธรรมย่อมละซึ่งกิเลส อันเป็นเหตุหมองเศร้าเข้าเผาผลาญ ไม่เดือดร้อนใจกายให้ร้าวราน เพราะอานิสงส์ของการได้ฟังธรรม
** ผู้ฟังธรรมที่ดีมีดังนี้ เป็นผู้ที่มีเมตตาอย่าเหยียบย่ำ ไม่ดูหมิ่นผู้พูดให้ระกำ ไม่ดูหมิ่นเรื่องที่นำมาแสดง
** ฟังด้วยจิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน ตรึกตรองตามด้วยดวงมานเสาะแสวง ไม่คิดว่าปัญญาน้อยคอยเคลือบแคลง การฟังธรรมเปรียบดังแสงส่องนำทาง
** การฟังธรรมเป็นมงคลเลิศล้นนัก จะประจักษ์เมื่อได้พบแสงสว่าง จิตใจย่อมผ่องใสไม่เลือนราง ความทุกข์จางสิ้นไปไม่ร้อนรน
** ทั้งบังเกิดความเห็นที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมเป็นกุศล บรรเทาความสงสัยในกมล ได้เรียนรู้เพื่อหลีกพ้นแหล่งอบาย
** ขอเชิญชวนมวลมิตรจิตหรรษา มาฟังธรรมเทศนาดังมั่นหมาย สำรวมจิตสำรวมใจไม่รู้คลาย จวบจนชีพวางวายสุขสำราญ
เรื่อง จะเทศนาต้องดูนิสัยคน
** กาลครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา ประทับใกล้นาลันทาอัครฐาน ปาวาริกะอัมพวันอันตระการ สนทนากับนายบ้านอสิพันธ์
** อสิพันธ์ถามว่าข้าแต่พระองค์ ท่านย่อมทรงเกื้อกูลเป็นแม่นมั่น แก่สัตว์โลกทั้งหลายทั่วหน้ากัน โดยไม่แบ่งชนชั้นของผู้คน
** พระพุทธองค์ตรัสว่าถูกต้องแล้ว เรายึดถือเป็นแนวไม่สับสน เพื่อสงเคราะห์เวไนยสัตว์พ้นอับจน ขจัดความหมองหม่นจากภายใน
** อสิพันธ์ถามว่าถ้าอย่างนั้น พระองค์ทรงเลือกสรรเหตุไฉน ไม่แสดงธรรมบางคนเพราะเหตุใด ข้าพระองค์ไม่เข้าใจในพระองค์
** พระพุทธองค์ตรัสว่าอสิพันธ์ ถ้าอย่างนั้นขอถามตามประสงค์ ใช่หรือไม่ ตอบได้ดังจำนง ตอบตรงตรงตามที่คิดพิจารณา
** ธรรมชาติของนาสามชนิด ตามแนวคิดมาตรฐานนานหนักหนา คือนาดีนาปานกลางอ้างกันมา ทั้งนาเลวที่ไร้ค่าพาล่มจม
** ท่านคิดว่าชาวนาควรหว่านไถ ในที่นาอย่างไรเป็นปฐม เพื่อได้ผลที่ดีน่าชื่นชม และเป็นที่นิยมของผู้คน
** นายบ้านจึงกราบทูลพระศาสดา คิดว่าพวกชาวนาในทุกหน คงหว่านไถในนาดีมิวกวน เพราะได้ผลคุ้มค่ากว่าแปลงใด
** พระศาสดาตรัสว่าถูกต้องแล้ว อันนาดีเปรียบดังแก้วที่สดใส เป็นสิ่งที่ต้องการของใครใคร เพราะทำไปย่อมได้ผลที่ดี
** อันตัวเราก็เหมือนกับชาวนา เลือกแสดงเทศนาให้ถูกที่ จึงเกิดผลประโยชน์ที่พึงมี ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องเลือกคน
** อสิพันธ์เข้าใจในอุบาย จึงมอบกายด้วยใจหวังเกิดผล เป็นอุบาสกในศาสนาจนวายชนม์ เพื่อหลีกพ้นกิเลสเหตุหมองมัว
** อานิสงส์การฟังธรรมนั้นดีเลิศ แสนประเสริฐหนักหนาละความชั่ว มีความสุขทุกข์ไกลไม่พันพัว หลงเกลือกกลั้วอบายให้อาดูร
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 05:54:42 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๗ ความอดทน (ขนฺตี จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “ขันติ” แปลว่าความอดทน เป็นคุณธรรมเลิศล้นไม่เสื่อมสูญ ทำให้คนทุกคนสุขสมบูรณ์ อีกเพิ่มพูนความดีงามตามสมควร
** ขันตินี้แบ่งเป็นสี่ประเภท ตามลักษณะของเหตุเป็นส่วนส่วน จะขอกล่าวให้เข้าใจในกระบวน จึงเชิญชวนจงรับฟังอย่างตั้งใจ
** หนึ่งอดทนความลำบากความตรากตรำ ต้องระกำเหนื่อยยากก็ทนไหว หิวกระหายหนาวร้อนไม่เป็นไร ประกอบการงานไปสำเร็จพลัน
** สองอดทนต่อทุกข์เวทนา เมื่อถึงคราเจ็บไข้ไม่โศกศัลย์ ไม่ทุรนทุรายเป็นสำคัญ ถ้าอดทนจะสุขกันในบั้นปลาย
** สามอดทนความเจ็บใจไม่เดือดร้อน ใครขอดค่อนไม่ถือสาจะเสียหาย ใครด่าว่าช่างเขาเราสบาย คงไม่ตายเพราะนินทาอย่าร้อนรน
** อดทนต่อกิเลสเหตุเศร้าหมอง ไม่ใส่ใจใฝ่ปองอกุศล ละรักโลภโกรธหลงเป็นมงคล บังเกิดผลเป็นสุขทุกข์ห่างไกล
** สิ่งทำลายความอดทนให้ป่นปี้ ฟังให้ดีไม่ใช่เรื่องเหลวไหล มีโทสะความโกรธโปรดหลีกไป โลภะความอยากได้ร้ายพอกัน
** โกสัชชะเกียจคร้านงานทั้งหลาย ความมักง่ายเหี้ยมโหดโทษมหันต์ โมหะความลุ่มหลงมีโทษทัณฑ์ ใครตกเป็นทาสมันต้องวอดวาย
** ความอดทนเป็นมงคลที่ยิ่งใหญ่ เป็นสาเหตุทำให้มีสหาย เป็นที่รักของมวลมิตรไม่เสื่อมคลาย ไม่หลงตายมีสติคอยตริตรอง
** สุคติเป็นที่ไปในวันหน้า อีกเวรภัยไม่มาคอยเกี่ยวข้อง มีความสุขปลอดภัยสมใจปอง บุญสนองสู่สวรรค์ชั้นวิมาน
ความโกรธเหมือนรอยขีด
**ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันผู้คนมากมายมหาศาล ที่อาศัยในพื้นจักรวาล แบ่งได้สามประการพึงสังวร
** หนึ่งบุคคลเหมือนรอยขีดในหิน มีความโกรธนิจสินสุดถ่ายถอน ความโกรธนั้นฝังใจไม่คลายคลอน ถึงม้วยมรณ์ไม่เหือดหายคลายโกรธเลย
** เหมือนรอยขีดในหินย่อมลำบาก ลบแสนยากหนักหนาจะเฉลย น้ำจะเซาะลมจะพัดก็เฉยเมย ขอเปิดเผยไม่มีทางจะล้างมัน
** สองบุคคลเหมือนรอยขีดในดิน ย่อมลบเลือนสูญสิ้นดังใฝ่ฝัน กระแสน้ำหรือลมลบได้พลัน ไม่นานวันริ้วรอยจะน้อยลง
** เปรียบความโกรธของเหล่าชาวมนุษย์ ย่อมสินสุดหมดไปดังประสงค์ ไม่คงทนถาวรและยืนยง ดังรอยขีดไม่มั่นคงยืนยาวนาน
** สามบุคคลเหมือนรอยขีดในน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนถูกไฟเผาผลาญ ไร้ร่องรอยให้เห็นเพื่อประจาน ร่องรอยมีไม่นานเหมือนสิ่งใด
** บุคคลฆ่าอะไรได้ย่อมเป็นสุข ปราศจากทุกข์มีแต่ความสดใส สดชื่นทั้งร่างกายและจิตใจ โปรดจงไขปริศนาอย่าช้าที
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระคาถา ใจความว่าฆ่าความโกรธโชติรัศมี นอนเป็นสุขทุกทิวาและราตรี ความโกรธนี้เป็นมลทินสิ้นกาลนาน
** ดูก่อนพราหมณ์พระอริยะย่อมสรรเสริญ ผู้เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฆ่าความโกรธลงได้อย่างแหลกลาญ ไม่เศร้าโศกตลอดกาลนิจนิรันดร์
เรื่อง ความโกรธของราชสีห์
** ครานั้นพระพุทธองค์เสด็จมา ถึงกูฏาคาลศาลาริมไพรสัณฑ์ ณ ที่ป่าชื่อว่ามหาวัน เวสาลีนครันทรงพักกาย
** ทรงปรารภลูกชายช่างตัดผม ผู้ระทมอกหักรักสลาย เกิดน้อยใจขึ้นมาฆ่าตัวตาย เป็นเบื้องต้นสาธยายเรื่องผ่านมา
** ขอย้อนกลับนับกาลนานมาแล้ว โพธิสัตว์ผ่องแผ้วสุดหรรษา จุติเป็นราชสีห์ชื่นชีวา อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
** สถิตในถ้ำทองกับน้องรัก มีความสุขยิ่งนักสมัครสมาน ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันมานาน พารื่นรมย์สำราญกว่าใครใคร
** มีน้องชายน้องสาวรวมเจ็ดตัว เป็นครอบครัวราชสีห์สมัยใหม่ มีหน้าที่รับผิดชอบแบ่งกันไว้ พี่พี่ให้น้องสาวเฝ้าถ้ำทอง
** พวกพี่พี่เป็นผู้หาอาหาร ให้น้องรับประทานไม่หม่นหมอง วันนี้พี่ออกป่าตามครรลอง เพื่อปากท้องน้องพี่ที่รักกัน
** ที่ใกล้ใกล้ถ้ำทองมีถ้ำแก้ว งามเพริดแพรวสวยดีมีสีสัน หมาจิ้งจอกอาศัยมานานวัน หวังผูกพันสิงห์สาวเฝ้าเคลียคลอ
** เมื่อสิงห์พี่ออกไปยังไพรพฤกษ์ จึงทำใจเหิมฮึกเข้าไปขอ ความรักจากราชสีห์มิรีรอ หวังพะนออิงแอบแนบกายา
** สาวน้อยเอ๋ยฟังวจีพี่จะกล่าว เราเป็นสัตว์สี่เท้าอย่าถือสา ว่าใครสูงใครต่ำในพสุธา จงยอมเป็นภรรยาข้าเถิดเอย
** นางสิงห์สาวผู้หยิ่งในศักดิ์ศรี ฟังพูดจาพาทีที่เฉลย น่าน้อยอกน้อยใจเสียจริงเอย มาภิเปรยหยามเหยียดน่าเกลียดจัง
** อยากจะฆ่าตัวตายเสียยิ่งนัก อ้ายจิ้งจอกมาบอกรักหวังฝากฝัง ช่างดูถูกเหยียดหยามเกินกำลัง แต่ต้องคิดยับยั้งรอพี่ชาย
** ฝ่ายจิ้งจอกเห็นนางไม่ตอบรับ หันหลังกลับถ้ำแก้วแพรวเฉิดฉาย เพื่อพำนักพักใจและพักกาย ตามสบายเคยเป็นเช่นก่อนมา
** ราชสีห์ทั้งหกเมื่ออิ่มแล้ว ก็คิดถึงน้องแก้วในคูหา ได้เนื้อสัตว์รีบพากันไคลคลา เพื่อไปพบกัลยาน้องสาวตน
** เมื่อมาถึงน้องสาวก็เล่าเรื่อง แสนขุ่นเคืองหนักหนาอุราหม่น ถามน้องสาวถึงที่อยู่หมาจอมซน ด้วยความโกรธเหลือล้นจะฆ่ามัน
** น้องสาวบอกว่าอยู่กลางแจ้ง ไม่เคลือบแคลงกระโจนไปด้วยโทสัน ถลาวิ่งจากถ้ำมิช้าพลัน ชนถ้ำแก้วแพรวพรรณคอหักตาย
** ตกตอนเย็นพี่ใหญ่ไม่รอช้า รีบกลับมาถ้ำทองผ่องเฉิดฉาย รู้เรื่องที่น้องสาวกล่าวบรรยาย ไม่งมงายเริ่มวิเคราะห์ให้เหมาะดี
** อันจิ้งจอกไม่ชอบอยู่กลางแจ้ง ต้องกำบังแอบแฝงอย่างถ้วยถี่ คงอยู่ในถ้ำแก้วกลางพงพี ใกล้ถ้ำทองเรานี้อย่างแน่นอน
** จึงมุ่งหน้าไปยังที่เชิงเขา เห็นศพเหล่าน้องชายให้ทอดถอน อยู่อยู่ต้องตายไปใจอาวรณ์ อกเร้ารอนโศกเศร้าร้าวดวงมาลย์
** คงเป็นเพราะขาดปัญญาชีวาสิ้น ต้องด่าวดิ้นชีวันสิ้นสังขาร ด้วยโมหะพาให้ต้องแหลกลาญ จึงกล่าวขานเป็นคาถามาเตือนใจ
** การงานย่อมจะเผาซึ่งบุคคล ผู้ร้อนรนไม่พิจารณาว่าเล็กใหญ่ หยาบละเอียดยากง่ายหรืออย่างไร รีบทำไปเพียงตัดความรำคาญ
** เปรียบของร้อนรีบใส่เข้าในปาก มันคงยากที่จะรู้รสคาวหวาน ถูกลวกเผารู้สึกทรมาน เหมือนทำงานขาดปัญญาพาให้พัง
** เมื่อกล่าวจบขึ้นไปที่ปากถ้ำ เพื่อตอกย้ำร้องคำรามตามที่หวัง เสียงกึกก้องกัมปนาทหวาดเสียวจัง ด้วยพลังเจ้าป่าหูตามัว
** ฝ่ายจิ้งจอกผวาพาใจหวั่น เสียงคำรามร้องลั่นดังไปทั่ว หัวใจวายตายไปด้วยความกลัว ใครทำชั่วได้ชั่วมาตอบแทน
** ราชสีห์กลับไปหาน้องสาว พูดปลอบใจยืดยาวด้วยห่วงแสน อย่าคิดมากอย่าหวั่นไหวไม่คลอนแคลน เราหวงแหนชีวิตไว้จะได้บุญ
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
กระทู้: 246
ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2559, 06:17:35 PM » |
|
Permalink: Re: *** มงคล ๓๘ ประการคำกลอน ***
มงคล ๓๘ ประการคำกลอน มงคลที่ ๒๘ เป็นผู้ว่าง่าย (โสวจสฺสตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** คนว่านอนสอนง่ายนั้นดีนัก มีคนรักคนเมตตาบุญญาหนุน สถาพรก้าวหน้าชนการุณ มีผู้คอยค้ำจุนสุขสบาย
** คนว่าง่ายมีอยู่สองประเภท แบ่งตามเหตุสมควรต้องขวนขวาย หนึ่งต้องการอามิสที่มากมาย หนึ่งว่าง่ายเพราะอยากเป็นคนดี
** การทำตนเป็นคนที่ว่าง่าย คนทั้งหลายชื่นชมไม่ข่มขี่ มีลักษณะสามประการขอพาที ดังวจีที่จะเอ่ยเผยให้ฟัง
** หนึ่งรับคำสอนด้วยใจที่มุ่งหมาย น้อมใจกายนั่งนอนตามสอนสั่ง รับรู้แล้วปฏิบัติอย่างจริงจัง คอยระวังไม่เกลือกกลั้วมั่วสิ่งเลว
** สองรับทำความดีหนีสิ่งชั่ว ให้ห่างไกลไม่มั่วความแหลกเหลว ลดละเลิกอกุศลอย่างรวดเร็ว หนีจากเหวอบายตายทั้งเป็น
** สามรับรู้คุณของผู้ให้โอวาท มีโอกาสจะตอบแทนแม้แสนเข็ญ คิดถึงคุณที่มีทุกเช้าเย็น ชีวิตมิลำเค็ญเพราะน้ำใจ
** การว่านอนสอนง่ายเป็นมงคล จะมีผลแสนดีที่ยิ่งใหญ่ มีแต่ได้กับได้ไม่ว่าใคร เป็นกำไรที่สูงค่าน่านิยม
** การเป็นคนว่านอนและสอนง่าย เป็นมงคลมากหลายจะสุขสม เป็นความดีสูงค่าน่าชื่นชม จะรื่นรมย์สุขใจในบั้นปลาย
** มีจิตพร้อมสำหรับธรรมขั้นสูง เป็นที่รักของฝูงมิตรสหาย อีกทั้งผู้ใกล้ชิดอย่างมากมาย ชนทั้งหลายเมตตาและปรานี
** ได้รับรู้วิทยาศิลปะ ทั้งธัมโมธัมมะเป็นวิถี แห่งการเดินตามครรลองของชีวี สิ่งเหล่านี้ได้มาเพราะอะไร
** เพราะว่านอนสอนง่ายไม่ใช่หรือ ผลมันคือความสุขใช่หรือไม่ ไม่เป็นคนกระด้างเหนืออื่นใด และยอมรับความจริงได้ทุกกรณี
** นับได้ว่าการสอนง่ายช่างดีล้น อุดมผลยิ่งนักในทุกที่ ละใฝ่ต่ำริษยากันเสียที ทั้งโอ้อวดตระหนี่คิดปิดบัง
เรื่อง พระราธเถระ
** เอกัง สะมะยัง สมัยหนึ่ง ตถาคตทรงรำพึงถึงเบื้องหลัง พระราธะเถระผู้ชรัง เมื่อคราวครั้งที่ท่านยังครองเรือน
** เคยเป็นพราหมณ์เข็ญใจอาศัยพระ เพื่อเลี้ยงดูอาตมะเพราะขาดเพื่อน ช่วยปัดกวาดพระวิหารไม่แชเชือน เปรียบเสมือนหน้าที่ตนอดทนทำ
** พระพุทธองค์ทอดพระเนตรอุปนิสัย พระอรหันต์ฉัตรชัยใจชื่นฉ่ำ ทรงพูดจากับพราหมณ์ด้วยน้ำคำ ที่น้อมนำให้สุขสันต์ในบั้นปลาย
** พระราธะจึงทูลว่าข้าฯ อยากบวช แต่คงชวดคิดไปแล้วใจหาย ไม่มีใครสงเคราะห์เพราะวุ่นวาย ข้าฯ คงตายจากไปในไม่นาน
** พระพุทธองค์ทรงให้ประชุมสงฆ์ เพื่อหาองค์อุปถัมภ์ค้ำประสาน ให้ราธะได้บวชตามต้องการ จึงตรัสถามทุกท่านโดยทันที
** ท่านผู้ใดคิดถึงอุปการะ ของท่านพราหมณ์ราธะบ้างไหมนี่ จะมีใครไหนบ้างหรือไม่มี โปรดจงเอ่ยวจีพจมาน
** ในครั้งนั้นพระอัครสาวก ได้หยิบยกเรื่องราวมากล่าวขาน ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นประธาน ราธะท่านเคยให้ข้าวหนึ่งทัพพี
** แก่ตัวข้าพระองค์ในกาลก่อน คราวเมื่อตอนบิณฑบาตในกรุงศรี ในครั้งนั้นท่านพราหมณ์ฐานะดี บุญคุณนี้ข้าพระองค์ไม่ลืมเลย
** ถ้าอย่างนั้นดีล่ะสารีบุตร เป็นเรื่องดีที่สุดกล้าเปิดเผย รับภาระการบวชอย่าเฉยเมย เพื่อราธะที่เคยอุดหนุนมา
** ฝ่ายราธะพราหมณ์แก่แม้ได้บวช ไม่เย่อหยิ่งโอ้อวดริษยา มีขันติคารวะและศรัทธา มีเมตตาเป็นธรรมค้ำจุนตน
** เป็นคนที่ว่านอนและสอนง่าย น้อมใจกายเพื่อละอกุศล ยอมรับฟังคำแนะนำของทุกคน ครั้นไม่นานผ่านพ้นสุขโลกีย์
** ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ชั่วกัปกัลป์ไร้ทุกข์เป็นสุขี อาสวะสิ้นไปไกลราคี ความเศร้าหมองไม่มีช่างดีเกิน
** ครั้นเวลาผ่านไปในครั้งนั้น พวกภิกษุพากันกล่าวสรรเสริญ ว่าราธะอ่อนน้อมจึงจำเริญ ได้เพลิดเพลินในธรรมองค์สัมมา
** อีกทั้งพระสารีบุตรสุดประเสริฐ กตัญญูเป็นเลิศดีหนักหนา ประกอบกับกตเวทิตา ตอบคุณบูชาราธะพราหมณ์
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ เป็นธรรมะจากโอษฐ์อย่ามองข้าม ผู้ใดเป็นบัณฑิตจงติดตาม พยายามคบหาสมาคม
** จงมองเห็นเช่นคนบอกขุมทรัพย์ ที่มีคุณคณานับไม่ทับถม ไม่มีโทษใดใดให้หมองตรม จะรื่นรมย์เพราะบัณฑิตนิจนิรันดร์
|
|
|
สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : ๑. มังคลัตถทีปนี เล่ม ๑–เล่ม ๒ ๒. มงคล ๓๘ ประการ สำหรับนักเรียน สำนักพิพ์ธรรมสภา ๓. มงคลแห่งชีวิต โดย ศิลาแลง หจก. อรุณการพิมพ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|