-/> *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***

หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***  (อ่าน 17535 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #15 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2559, 06:07:09 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๑๕  พระเจ้าอุเทนได้อัครมเหสี

** ครั้นถึงกาลวันหนึ่งพึงประจักษ์
มีงานนักษตรฤกษ์เอิกเกริกโข
กุลธิดาทั้งหลายต่างหมายโชว์
แต่งตัวโก้อวดกันในวันงาน

** สามาพร้อมบริวารในกาลนั้น
ได้พากันไปอาบน้ำสนุกสนาน
ท้าวอุเทนทอดพระเนตรที่พระลาน
เห็นนงคราญพอพระทัยในพธู

** ตรัสถามอำมาตย์ราชบริพาร
มีถิ่นฐานนอกในวังช่างงามหรู
เมื่อรับทราบเรื่องราวของโฉมตรู
จึงรับสั่งราชครูให้จัดการ

** รีบส่งข่าวไปให้ท่านเศรษฐี
ราชครูจึงมีราชสาร
ไปบอกทันทีมิช้านาน
มอบสามาจากบ้านเข้าสู่วัง

** ท่านเศรษฐีปฏิเสธไม่ยอมให้
ตามที่ได้ทรงมีความมุ่งหวัง
ท้าวอุเทนทรงกริ้วเหลือกำลัง
ไม่หยุดยั้งสั่งให้พันธนาการ

** ปิดบ้านเรือนไม่ให้เข้าออกได้
มัดเศรษฐีปล่อยไว้ภายนอกบ้าน
บังเกิดทุกข์สุดแสนทรมาน
เพราะขัดคำสั่งการพระราชา

** สามาวดีกลับมาพาใจหาย
นางจึงร้องโวยวายคร่ำครวญหา
ใครทำร้ายท่านพ่อจงบอกมา
ฉันจะได้ต่อว่าให้สาใจ

** โฆสกะรีบบอกแก่บุตรี
พระราชาทรงมีรับสั่งให้
ส่งลูกเป็นชายาที่วังใน
ปฏิเสธท่านไปจึงลงทัณฑ์

** ฝ่ายสามาบอกว่าพ่อพลาดนัก
ที่ไม่มอบลูกรักตามหมายมั่น
ขัดพระประสงค์ได้อย่างไรกัน
องค์ราชันมีอำนาจเหนือแผ่นดิน

** ท่านพ่อต้องกราบทูลให้ทรงทราบ
ว่าไม่ได้หยามหยาบหรือดูหมิ่น
มิบังอาจขัดบัญชาเจ้าธานินทร์
จะขอมอบยุพินตามต้องการ

** ท่านเศรษฐีทำอย่างที่นางบอก
เพื่อที่จะแสดงออกอย่างกล้าหาญ
ได้ส่งข่าวไปทูลพระภูบาล
จะขอมอบเยาวมาลย์ด้วยยินดี

** ท้าวอุเทนโสมนัสเป็นยิ่งนัก
ทรงแต่งตั้งเป็นอัครมเหสี
ส่วนบริวารของนางสามาวดี
เป็นบริวารเหมือนที่เคยเป็นมา



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #16 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2559, 07:40:09 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๑๖  พระเจ้าอุเทนถูกจับ

** จะขอกล่าวถึงเมืองอุชเชนี
จัณฑปัชโชตจอมบดีมีสง่า
มีธิดานางหนึ่งงามโสภา
ชื่อ "วาสุลทัตตา" ยอดนารี

** ณ วันหนึ่งจึงตรัสกับอำมาตย์
บรรดาผู้ครองราชย์ในโลกนี้
มีสมบัติมหาศาลล้นปฐพี
ใครที่ไหนจักมีเท่าเทียมเรา

** ฝ่ายอำมาตย์กราบทูลแถลงไข
ไม่มีใครเทียบได้สมบัติเขา
กับอุเทนราชาอย่าดูเบา
สมบัติเราเปรียบได้ดังหนวดแมว

** พระราชาตรัสว่าถ้าอย่างนั้น
ต้องรีบจับตัวมันอย่างแน่แน่ว
รีบจัดการเร็วไวไปตามแนว
เรียบร้อยแล้วรายงานอย่าช้าพลัน

** หมู่อำมาตย์กราบทูลน่าจะยาก
ท้าวอุเทนเก่งมากเกินเสกสรร
บังคับช้างด้วยพิณหัสดีกันต์
คู่ต่อสู้ไม่มีวันชนะเลย

** พระราชาตรัสว่าถ้าอย่างนั้น
ใครสามารถจับมันจงเปิดเผย
มีวิธีอย่างไรไฉนเอย
จับมันเป็นเชลยอย่าช้าที

** อำมาตย์จึงเปิดเผยวิธีการ
ทำช้างไม้ตระการอย่างถ้วนถี่
เห็นแล้วเหมือนช้างจริงอย่ารอรี
เอาไปล่อภูมีให้ออกมา

** เผลอเมื่อใดเข้าไปจับมัดไว้
เป็นวิธีจับได้แน่หนักหนา
จอมนรินทร์สั่งการไม่รอรา
ตามอุบายที่กล่าวมาอย่าแชเชือน

** แล้วแผนการพิชิตอุเทนราช
องค์จอมปราชญ์เกิดขึ้นอย่างเชือดเฉือน
นำจุดเด่นมาใช้ไม่ลืมเลือน
เป็นเสมือนดาบสองคมล้มราชัน

** นำช้างไม้ไปวางใกล้นคร
ใช้หลอกหลอนให้หลงผิดคิดใฝ่ฝัน
สะกดด้วยมนต์ของเทวัญ
เพื่อได้มันเป็นบริวารสำราญใจ

** ฝ่ายพรานป่าแห่งเมืองโกสัมพี
กราบทูลพระผู้มีศักดิ์ยิ่งใหญ่
ให้เสด็จไปจับคชสารโดยเร็วไว
องค์ท้าวไทจงรีบไปจับมัน

** อุเทนราชทราบข่าวไม่รอช้า
รีบไปหาช้างไม้ในไพรสัณฑ์
บริวารติดตามมากมายครัน
มุ่งหน้ากันไปจับช้างที่กลางดง

** จัณฑปัชโชตทราบข่าวท้าวอุเทน
จึงได้เกณฑ์ทหารนำมาส่ง
ให้ซุ่มอยู่ข้างทางกลางไพรพง
คอยจังหวะจับองค์พระราชา

** จอมจักรพรรดิ์ไม่รู้กลอุบาย
จึงมุ่งหมายจับช้างไม่กังขา
ล่วงเข้าสู้วังวนแห่งอัปรา
เกณฑ์ชะตาเป็นไปตามผลกรรม

** พบช้างไม้จึงเริ่มบรรเลงพิณ
กล่อมช้างไม่ให้ดิ้นถลำ
หวังจับอย่างง่ายดายเหมือนเคยทำ
ช้างระยำวิ่งหนีไม่สนใจ

** ด้วยอุบายสร้างสรรค์อันฉลาด
ท้าวอุเทนไม่สามารถจับช้างได้
เพราะมีคนแอบแฝงอยู่ข้างใน
คอยดันช้างหนีไปเหมือนช้างจริง

** ท้าวเธอไม่รอช้าขึ้นม้าทรง
ด้วยประสงค์จับช้างป่าไม่อ้อยอิ่ง
ควบม้าตามเร็วรี่มิประวิง
ทุกทุกสิ่งเป็นไปตามอุบาย

** จันฑปัชโชตให้สัญญาณทหารจับ
จอมบดินทร์ตกอับตามเป้าหมาย
เหล่าทหารได้พันธนากาย
นำถวายเหนือหัวอย่างใจเย็น



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #17 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2559, 10:58:28 AM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๑๗  พระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ลูกสาวเรียนมนต์

** จัณฑปัชโชตโปรดให้คุมขังไว้
ทรงสำราญในใจไม่ฆ่าเข่น
ครบสามวันอุเทนสุดลำเค็ญ
ทำอย่างไรก็ไม่เห็นลงมือทำ

** จึงตรัสถามเสนาพฤฒามาตย์
ว่าจอมราชเสือร้ายหมายขย้ำ
ปล่อยเฉยไว้ทำไมให้ระกำ
ดูน่าขำเสียกระไรใยเฉยเมย

** จงสั่งการให้ทหารรีบเข่นฆ่า
ขอจงโปรดเถิดหนาอย่าทำเฉย
อันวิสัยกษัตริย์ย่อมคุ้นเคย
ไม่พึงปล่อยเชลยโดยเปล่าการ

** รีบสั่งฆ่าอย่าทำให้หงุดหงิด
ไม่เสียดายชีวิตจงประหาร
เป็นกษัตริย์แพ้พ่ายให้ร้าวราน
ขืนอยู่ไปไม่สำราญต้องอับอาย

** จัณฑปัตโชตรู้ข่าวได้กล่าวว่า
จะปล่อยท่านไม่ฆ่าให้สูญหาย
แต่ท่านต้องมอบมนต์ประจำกาย
ให้แก่เรานะสหายได้ไหมเอย

** ฝ่ายอุเทนกล่าวว่าข้าไม่ขัด
จะรีบจัดมอบให้ใครเฉลย
ต้องไหว้เราก่อนเรียนอย่าละเลย
ถ้าเคารพตามภิเปรยยอมให้มนต์

** จัณฑปัชโชตได้ฟังจึงนั่งนิ่ง
ทำไม่ได้จริงจริงใจสับสน
ถ้าอย่างนั้นเราจะฆ่าให้วายชนม์
ถ้ามอบมนต์ให้เราจักปล่อยไป

** อุเทนฟังนั่งคิดพิจารณา
ยอมถูกฆ่าดีกว่าทำสิ่งไหน
ชาติกษัตริย์จะมิยอมก้มให้ใคร
รักษาไว้เกียรติยศปรากฏนาม

** จัณฑปัชหาวิธีที่จะเรียน
จึงคิดเพียรออกอุบายมาไต่ถาม
ถ้าคนอื่นยอมไหว้ใคร่รู้ความ
ท่านจะยอมทำตามที่กล่าวมา

** หรืออย่างไรจงบอกกล่าวเล่าให้รู้
รอฟังอยู่โปรดบอกด้วยเถิดหนา
ใครก็ตามที่ไหว้ด้วยศรัทธา
สอนมนตราให้ได้ดังใจปอง

** จัณฑปัชดำริที่จะให้
ธิดาเป็นผู้ไปนั่งในห้อง
เรียนรู้มนต์จากอุเทนมาครอบครอง
แล้วเรียนต่อเป็นทอดสองจากธิดา

** ท้าวเธอจึงได้บอกแก่ลูกรัก
ว่าพ่อจักให้เรียนมนต์และคาถา
จากชายเป็นโรคเรื้อนทั่วกายา
เจ้าจงอย่าใกล้ชิดจะติดมัน

** แล้วทรงหลอกจอมราชชาติกษัตริย์
เราได้จัดหญิงค่อมแม่จอมขวัญ
มาเรียนรู้มนตราสารพัน
เป็นประจำทุกวันจนเชี่ยวชาญ

** จึงจำเป็นกั้นม่านไม่ให้เห็น
กลัวจะเป็นอุปสรรคมาล้างผลาญ
ทำให้เรื่องเรียนมนต์ต้องเสียการ
ใช้เวลาเนิ่นนานเกินจำเป็น

** การเรียนมนต์เป็นไปตามครรลอง
พระธิดาเนื้อทองมองไม่เห็น
ครูผู้สอนสุดหล่อเพราะจำเป็น
เหตุเนื้อเย็นนั่งอยู่ในม่านบัง



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #18 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2559, 05:06:01 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๑๘  อัครมเหสีองค์ที่ ๒ ของพระเจ้าอุเทน

** มาวันหนึ่งจอมราชบริภาษว่า
ผู้หญิงค่อมชั่วช้าอย่าพึงหวัง
จะได้มนต์เราไปสร้างพลัง
ความจำเจ้าสั้นจังไม่เข้าที

** พระธิดาพิโรธครูผู้สอน
จึงตรัสย้อนคนขี้เรื้อนเหมือนเช่นผี
ปากเจ้าร้ายมาด่าข้าไม่ดี
ตัวเองซิเป็นโรคเรื้อนเหมือนผีไพร

** โต้กันไปโต้กันมาน่าบัดสี
ทั้งทั้งที่ต่างมียศยศยิ่งใหญ่
จึงอยากเห็นหน้าตาเป็นอย่างไร
เปิดม่านออกทันใดพบความจริง

** หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีที่ด่ากัน
ตกตะลึงงงงันต่างนั่งนิ่ง
รู้ตัวว่าถูกหลอกหลอกดังลิง
ทุกทุกสิ่งปรากฏชัดถนัดตา

** ต่างแนะนำตัวเองให้รู้จัก
ถึงพื้นเพที่พำนักและภาษา
ได้รู้เป็นจักรพรรดิ์ขัตติยา
และบุตรีของราชาศรัทธากัน

** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระพุทธพจน์
รักหนุ่มสาวจะปรากฏอย่างแม่นมั่น
ด้วยสาเหตุสองประการเป็นสำคัญ
ความรักพลันพัฒนาก้าวหน้าไกล

** สาเหตุหนึ่งร่วมทำบุญในกาลก่อน
ทำให้ย้อนกลับมาพบกันใหม่
สาเหตสองเอื้อเฟื้อมีเยื่อใย
ต่างช่วยเหลือกันไปในชาตินี้

** วาสุลทัตตาธิดาจัณฑปัช
จอมกษัตริย์ท้าวอุเอนไม่เบนหนี
ต่างปลงใจรักกันมั่นฤดี
จะครองคู่ชั่วชีวีนิจนิรันดร์

** จัณฑปัชตรัสถามพระธิดา
การเรียนมนต์ก้าวหน้าหรือไม่นั่น
จึงเอ่ยตอบพระบิดามิช้าพลัน
การเรียนนั้นไม่สำเร็จตามต้องการ

** จะต้องใช้เวลาอีกระยะ
ลูกนี้จะพยายามสร้างมาตรฐาน
ให้การเรียนสำเร็จมิช้านาน
ตอบแทนคุณพ่อท่านด้วยจริงใจ

** เมื่อความรักสุกงอมย่อมเกิดเหตุ
ตามวิสัยกิเลสตัวเป็นใหญ่
อันราคะไม่ปรานีต่อผู้ใด
เกิดร้อนรนดังถูกไม้ด้วยไฟกัลป์

** จึงเชิญชวนนวลน้องตระกองคู่
เดินประคองเข้าสู่ประตูสวรรค์
ท่องวิมานตระการตาวิลาวัณย์
ชมช่อชั้นลวดลายใต้แสงดาว

** ห้องที่หนึ่งพึงประสงค์จงประจักษ์
ว่าพี่รักพี่ห่วงใยในน้องสาว
มอบวิญาณมอบดวงใจใสแวววาว
ให้แก่เจ้าด้วยภักดีมิจืดจาง

** ห้องที่สองมองทางไหนวิไลหรู
ให้โฉมตรูพักนอนก่อนฟ้าสาง
ประคองกอดนวลน้องหอมสองปราง
ไม่ยอมห่างแนบชิดจนนิทรา

** ห้องที่สามงามวิจิตรพิสดาร
ฟ้าประทานเป็นของขวัญชื่นหรรษา
เพื่อให้เจ้าสุขสันต์กับพี่ยา
ท่องสวรรค์ชั้นเทวายามราตรี

** ห้องที่สี่มีสีสันอันหลากหลาย
ส่องประกายงามยิ่งนักสมศักดิ์ศรี
เป็นที่พักของครอบครัวชั่วชีวี
น้องกับพี่สมใจฝันเกินบรรยาย

** ทั้งสี่ห้องหัวใจมอบให้น้อง
เป็นเจ้าของครองไปจนสลาย
มอบให้น้องเป็นของน้องจนวันตาย
ทั้งใจกายให้โฉมตรูเพื่อนคู่ใจ

** ** มาวันหนึ่งจอมราชบริภาษว่า
ผู้หญิงค่อมชั่วช้าอย่าพึงหวัง
จะได้มนต์เราไปสร้างพลัง
ความจำเจ้าสั้นจังไม่เข้าที

** พระธิดาพิโรธครูผู้สอน
จึงตรัสย้อนคนขี้เรื้อนเหมือนเช่นผี
ปากเจ้าร้ายมาด่าข้าไม่ดี
ตัวเองซิเป็นโรคเรื้อนเหมือนผีไพร

** โต้กันไปโต้กันมาน่าบัดสี
ทั้งทั้งที่ต่างมียศยิ่งใหญ่
จึงอยากเห็นหน้าตาเป็นอย่างไร
เปิดม่านออกทันใดพบความจริง

** หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีที่ด่ากัน
ตกตะลึงงงงันต่างนั่งนิ่ง
รู้ตัวว่าถูกหลอกดังเช่นลิง
ทุกทุกสิ่งปรากฏชัดถนัดตา

** ต่างแนะนำตัวเองให้รู้จัก
ถึงพื้นเพที่พำนักและภาษา
ได้รู้เป็นจักรพรรดิ์ขัตติยา
และบุตรีของราชาศรัทธากัน

** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระพุทธพจน์
รักหนุ่มสาวจะปรากฏอย่างแม่นมั่น
ด้วยสาเหตุสองประการเป็นสำคัญ
ความรักพลันพัฒนาก้าวหน้าไกล

** สาเหตุหนึ่งร่วมทำบุญในกาลก่อน
ทำให้ย้อนกลับมาพบกันใหม่
สาเหตสองเอื้อเฟื้อมีเยื่อใย
ต่างช่วยเหลือกันไปในชาตินี้

** วาสุลทัตตาธิดาจัณฑปัช
จอมกษัตริย์ท้าวอุเทนไม่เบนหนี
ต่างปลงใจรักกันมั่นฤดี
จะครองคู่ชั่วชีวีนิจนิรันดร์

** จัณฑปัชตรัสถามพระธิดา
การเรียนมนต์ก้าวหน้าหรือไม่นั่น
จึงเอ่ยตอบพระบิดามิช้าพลัน
การเรียนนั้นไม่สำเร็จตามต้องการ
** จะต้องใช้เวลาอีกระยะ
ลูกนี้จะพยายามสร้างมาตรฐาน
ให้การเรียนสำเร็จมิช้านาน
ตอบแทนคุณพ่อท่านด้วยจริงใจ

** เมื่อความรักสุกงอมย่อมเกิดเหตุ
ตามวิสัยกิเลสตัวเป็นใหญ่
อันราคะไม่ปรานีต่อผู้ใด
เกิดร้อนรนดังถูกไหม้ด้วยไฟกัลป์

** จึงเชิญชวนนวลน้องตระกองคู่
เดินประคองเข้าสู่ประตูสวรรค์
ท่องวิมานตระการตาวิลาวัณย์
ชมช่อชั้นลวดลายใต้แสงดาว

** ห้องที่หนึ่งพึงประสงค์จงประจักษ์
ว่าพี่รักพี่ห่วงใยในน้องสาว
มอบวิญาณมอบดวงใจใสแวววาว
ให้แก่เจ้าด้วยภักดีมิจืดจาง

** ห้องที่สองมองทางไหนวิไลหรู
ให้โฉมตรูพักนอนก่อนฟ้าสาง
ประคองกอดนวลน้องหอมสองปราง
ไม่ยอมห่างแนบชิดจนนิทรา
** ห้องที่สามงามวิจิตรพิสดาร
ฟ้าประทานเป็นของขวัญชื่นหรรษา
เพื่อให้เจ้าสุขสันต์กับพี่ยา
ท่องสวรรค์ชั้นฟ้ายามราตรี

** ห้องที่สี่มีสีสันอันหลากหลาย
ส่องประกายงามยิ่งนักสมศักดิ์ศรี
เป็นที่พักของครอบครัวชั่วชีวี
น้องกับพี่สมใจฝันเกินบรรยาย

** ทั้งสี่ห้องหัวใจมอบให้น้อง
เป็นเจ้าของครองไปจนสลาย
มอบให้น้องเป็นของน้องจนวันตาย
ทั้งใจกายให้โฉมตรูเพื่อนคู่ใจ

** บันดาลดลฝนฟ้าคะนองลั่น
ดังสนั่นครึกโครมโหมเข้าใส่
ละลอกครื่นถาโถมอย่างฉับไว
เรือลำน้อยลอยไปสั่นไหวโคลง

** พายุโหมกระหน่ำซ้ำที่เก่า
คลื่นซัดสาดน้ำเข้ายังส่วนโถง
ฝนกระหน่ำซ้ำมาไม่ลาโรง
น้ำเอ่อท่วมเรือโคลงอยู่ไปมา

** เสียงคลื่นลมกระหึ่มดังกึกก้อง
ฟ้าคะนองร้องลั่นสั่นผวา
สะเทือนทั่วบนพื้นพสุธา
ฝนหลั่งมาน้ำนองพ้องเสียงลม

** ลมสงบฟ้าสดใสชื่นใจนัก
หนุ่มและสาวชื่นรักดังอุ้มสม
เป็นบุพเพเสกสรรค์อันรื่นรมย์
เฝ้าชื่นชมสมมโนโผกอดกัน

** โอ้....น้องจ๋าพี่สัญญาจะรักเจ้า
ทุกค่ำเช้าดูแลไม่แปรผัน
จะรักน้องถนอมน้องทุกคืนวัน
ชั่วนิรันดร์รักพี่มิจืดจาง

** คุณพี่ขาน้องสัญญาจะรักพี่
ในชาตินี้มอบใจไม่ไกลห่าง
ทั้งใจกายน้องมอบให้ไม่เลือนลาง
อยู่แนบข้างพี่ยากว่าจะตาย

** ทั้งสองคนวางแผนจะหนีหน้า
กลับไปยังพาราสวยเฉิดฉาย
โกสัมพีงามเลิศเพริดพรรณราย
เป็นที่หมายมุ่งสู่ที่อยู่ตน

**คิดวิธีที่จะหลอกจัณฑปัช
ขอรวบรัดคิดได้ไม่หมองหม่น
ดำเนินงานตามวิธีมิร้อนรน
เพื่อบรรลุผลสำเร็จดังเจตนา

** ณ วันหนึ่งหญิงสาวเฝ้าบิตุเรศ
เพื่อทูลเหตุให้ทราบถึงปัญหา
ลูกจำเป็นต้องได้ซึ่งตัวยา
เพื่อเอามาประกอบการเรียนมนต์

** จึงกราบทูลพระบิดาว่าอยากได้
คือเครื่องใช้เหล่านี้จะมีผล
มีประตูเข้าออกนอกมณฑล
พิธีที่เรียนมนต์เป็นประจำ

** พาหนะสำหรับการเดินทาง
เมื่อยามว่างได้ไปในไพรสัณฑ์
เพื่อจะได้ตัวยาที่สำคัญ
มาเรียนมนต์สำเร็จพลันดังตั้งใจ

** จันณฑปัชโชตทรงโปรดให้ประทาน
สิ่งที่นางต้องการรีบจัดให้
พาหนะและกุญแจโดยเร็วไว
เพื่อออกไปหาตัวยามาใช้งาน

** อันท้าวเธอมีพาหนะห้าชนิด
เป็นของคู่ชีวิตขอไขขาน
ช้างภัททวดีวิ่งได้นาน
ห้าสิบโชน์โดยประมาณต่อหนึ่งวัน

** กากะเป็นทาสเดินทางได้
หกสิบโยชน์ทำไว้ใช่เสกสรร
ม้าสองตัววิ่งได้โดยเร็วพลัน
หนึ่งร้อยโยชน์ต่อวันโปรดเข้าใจ

** อีกช้างนาฬาคีรีเป็นที่ห้า
วิ่งได้เร็วมากกว่าเป็นไหนไหน
หนึ่งร้อยยี่สิบโยชน์โดดเด่นไกล
นางมั่นใจนาฬาคีรีที่เลือกเอา



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #19 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2559, 08:41:51 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๑๙  ประวัติพาหนะ ๕ ชนิด

** ได้ฟังมาจอมราชันจัณฑปัช
เมื่ออดีตได้อุบัติรับใช้เขา
ที่บ้านอิสระชนไม่ซบเซา
ตามทำเนาของเวรกรรมที่ทำมา

** วันหนึ่งมีปัจเจกะพุทธะ
ตั้งมั่นในธุระเป็นหนักหนา
ได้ออกบิณฑบาตรอย่างเคยมา
ประชาชนต่างพาไม่สนใจ

** เหตุเกิดเพราะมีมารเข้าสิงร่าง
ชาวเมืองต่างวิปริตผิดไปใหญ่
จึงมิคิดจะตักบาตรแต่อย่างใด
เพราะทุกคนอยู่ในอำนาจมาร

** ปัจเจกะพุทธะจึงเดินกลับ
ตัดสินใจเลิกรับภัตตาหาร
เมื่อถึงประตูเมืองเรืองโอฬาร
ได้พบมารแปลงร่างอย่างคนเมือง

** ตัวมารร้ายจำแลงแกล้งเอ่ยถาม
อยากทราบความเป็นไปในทุกเรื่อง
ท่านได้รับอาหารอย่างนองเนือง
หรือฝืดเคืองไม่ได้อะไรมา

** พระปัจเจกะพุทธะจึงได้กล่าว
จะมาถามทำไมเล่าเจ้าบาปหนา
เจ้าเป็นคนดลใจชาวพารา
ให้เมินหน่าไม่สนใจในการบุญ

** ท่านจงรีบกลับไปในเมืองเถิด
เพื่อให้เกิดศรัทธาอย่าเคืองขุ่น
ให้ชาวเมืองใส่บาตรจักขอบคุณ
ช่วยเจือจุนชาวประชาอย่าดูดาย

** อาตมาไม่กลับไปหรอกมารเอ๋ย
อย่าหวังเลยจะหลอกเพื่อมุ่งหมาย
เข้าสิงประชาราษฎร์จนวันตาย
เราจะไม่งมงายเชื่อคำมาร

** เมื่อใดที่พระปัจเจกเข้าในเมือง
ตัวมารจะฟูเฟื่องเพื่อล้างผลาญ
เข้าสิงสู่กายาตลอดกาล
พวกหมูมารจะแย่งชาวเมืองไป

**จึงมีบาตรว่างเปล่าขาดอาหาร
เพราะตัวมารกลั่นแกล้งจึงหวั่นไหว
เหล่าฝูงชนไม่คิดจะสนใจ
พระปัจเจกจึงเดินไปข้าวไม่มี

** ขณะนั้นอิสระชนคนมีทรัพย์
ซึ่งเดินกลับเคหาขมันขมี
พบปัจเจกะพุทธเจ้าเข้าพอดี
เอ่ยวจีเรียนถามตามศรัทธา

** ครั้นรู้ว่าบาตรพระยังว่างเปล่า
จึงคิดเอาที่บ้านแก้ปัญหา
มาใ่บาตรพระปัจเจกะพุทธา
ไม่รู้ว่าอาหารเสร็จหรือยัง

** จึงนิมนต์ให้พระจงรอก่อน
จะรีบจรไปที่บ้านสานความหวัง
เมื่อไปถึงจึงถามอย่างจริงจัง
อาหารเสร็จหรือยังแจ้งเร็วไว

** หญิงแม่ครัวรีบตอบโดยเร็วว่า
สำเร็จแล้วเจ้าขาจะเอาไหม
จึงรีบสั่งคนผู้ชายให้รีบไป
ความเร็วเจ้ามากกว่าใครรีบไปเลย

** รับรับบาตรจากพระกลับมาเรือน
อย่าชักช้าแชเชือนนะท่านเอ๋ย
คนรับใช้จึงรีบไม่เฉยเมย
แล้วจึงเอ่ยขอบาตรวิ่งกลับมา

** ฝ่ายอิสระชนคนมีทรัพย์
รีบรับบาตรเพราะเวลาช่างมีค่า
ใส่อาหารถวายพระดังวาจา
จงรีบพาไปถวายให้ทันกาล

** หันมาบอกคนรับใช้ให้รับรู้
อย่าชักช้าเฉยอยู่รีบประสาน
ผลบุญที่เกิดขึ้นจากผลทาน
แม้มากมายให้ท่านจงรับไป

** ชายรับใช้รีบวิ่งอย่างด่วนจี๋
ไปยังพระทันทีไม่เฉไฉ
รีบบอกกล่าวขอพรในทันใด
ด้วยหวังได้กุศลผลแห่งบุญ

** ท่านเจ้าขาโปรดเมตตาอวยพรให้
ข้าพึงได้พรอันเลิศประเสริฐหนุน
ด้วยอานุภาพที่วิ่งมาเจือจุน
ได้พาหนะดังลมหมุนเร็วกว่าใคร

**ข้าพเจ้าเดินทางกลางแดดจ้า
อย่างรีบเร่งไปมาไม่หวั่นไหว
ถูกแสงแดดแผดเผาดังเปลวไฟ
ขอได้บารมีที่ยืนยง

** ส่วนผลบุญที่นายมอบให้นั้น
ขอจงพลันสำเร็จและหนุนส่ง
ให้มีส่วนรู้ธรรมดังจำนง
ด้วยประสงค์ตัดกิเลสเหตุแห่งภัย

** พระปัจเจกะพุทธะจึงกล่าวว่า
สมมโนปรารถนาอย่าสงสัย
พาหนะมีความเร็วสมฤทัย
ลุสมัยรู้แจ้งธรรมองค์สัมมา

** ของสิ่งใดที่ท่านต้องการแล้ว
ด้วยจิตใจผ่องแผ้วปรารถนา
ขอสำเร็จโดยพลันดังเจตนา
ดังพระจันทร์บนฟากฟ้ายามราตรี

** ด้วยกุศลผลที่ได้อธิษฐาน
จากผลทานสำเร็จสมศักดิ์ศรี
ได้เกิดเป็นจัณฑปัชครองบุรี
พาหนะเกิดมีตามต้องการ



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #20 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2559, 11:20:18 AM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๐  พระเจ้าอุเทนหนี

** ฝ่ายอุเทนจอมราชสูงวาสนา
ถึงเวลาต้องกลับสู่ถิ่นฐาน
จึงรวบรวมเงินทองกองตระการ
ใส่กระสอบเป็นทะนานติดตัวไป

** พาวาสุลทัตตาขึ้นช้างหนี
พร้อมทรัพย์สินที่มีกระสอบใหญ่
ออกจากเมืองอุชเชนีโดยเร็วไว
มุ่หน้าสู่แดนไกลบ้านเมืองตน

** พวกทหารรักษาวังครั้นมองเห็น
อุเทนเผ่นรีบหนีเริ่มสับสน
จึงกราบทูลเจ้าเหนือหัวในบัดดล
ให้ทราบผลทันทีมิเฉยเมย

** จัณฑปัชตรัสสั่งให้ทหาร
จงจัดการเอาตัวมาอย่านิ่งเฉย
รีบตามไปให้ทันอ้ายเชลย
เจ็บเหลือเอ่ยเจ็บใจไปจับมัน

** อเทนราชรู้ว่าถูกล่าไล่
เปิดกระสอบที่เตรียมไว้ตามคาดฝัน
กหาปณะหล่นลงโดยเร็วพลัน
พวกติดตามพัลวันเก็บกันเพลิน

** ครั้นถูกไล่ใกล้มาอีกคราหนึ่ง
จึงรีบดึงกระสอบทองยามฉุกเฉิน
พอทองหล่นคนติดตามสุดจักเมิน
เหลือจักเกินห้ามใจไม่เก็บทอง

** เพลินเพลินกันอุเทนก็รีบหนี
อย่างเร็วรี่ถึงค่ายไม่หม่นหมอง
พวกทหารที่ตั้งรออยู่ก่ายกอง
ต่างโห่ร้องต้อนรับด้วยดีใจ

** ครั้นถึงพระนครโกสัมพี
อภิเษกยอดนารีผู้มาใหม่
เป็นอัครมเหลีมิอายใคร
วาลสุทัตตากราบไหว้ขอพึ่งบุญ



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #21 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2559, 05:19:47 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๑  ประวัตินางมาคันทิยา

** จะกล่างถึงนางหนึ่งอัครราช
เป็นจอมนาถโกสัมพีมีบุญหนุน
ท้าวอุเทนยกย่องและเจือจุน
ให้เป็นใหญ่เกื้อการุณตลอดมา

** "มาคันทิยา" คือนามอนงค์นาฏ
มเหสีจอมราชสวยสง่า
เป็นธิดามาคันทยะพราหมณา
มีมารดาชื่อเดียวกับพระนาง

** ถือกำเนิดในแคว้นชื่อกุรุ
แต่อาภัพเรื่องคู่ร่วมเคียงข้าง
เพราะบิดาเลือกคนไม่ปล่อยวาง
ไม่ถูกใจไม่ให้นางมอบกายา

** วันหนึ่งพระพุทธองค์ทรงเข้าญาณ
เพื่อตรวจดูสันดานมนุสสา
จึงรู้ว่ามาคันทิยะและภรรยา
ถึงเวลาบรรลุธรรมนำส่องทาง

** จึงเสด็จไปยังที่เรือนไฟ
ที่ท่านพราหมณ์นำไปอยู่เคียงข้าง
เป็นที่พึ่งทางใจไม่ละวาง
เพื่อนำทางให้เดินเจริญธรรม

** พราหมณ์มองเห็นคิดว่าช่างงามเลิศ
หนุ่มคนนี้ประเสริฐดูงามขำ
เทวดาคงอุ้มสมและน้อมนำ
เพื่อธิดาได้ทำการวิวาห์

** จึงเอ่ยบอกสมณะพระโคดม
ว่าเป็นผู้เหมาะสมกันหนักหนา
กับธิดาของเรามาคันทิยา
ยอมให้ท่านเป็นภัสดาลูกสาวเรา

** ท่านจงรอเราอยู่ที่แห่งนี้
จะกลับมาอีกที่พร้อมกับเขา
คือลูกสาวที่รักมานานเนา
เพื่อให้ท่านรับเอาเป็นภรรยา

** พระพุทธองค์ทรงฟังแล้วนิ่งเฉย
ไม่เอื้อนเอ่ยตอบคำตามปรารถนา
พราหมณ์รีบกลับไปบ้านไม่รอรา
หวังพูดจากับลูกสาวเรื่องแต่งงาน

** เมื่อมาถึงรีบบอกพราหมณี
ว่าได้พบคนดีมีมาตรฐาน
รีบแต่งตัวลูกสาวอย่ารอนาน
ได้รีบไปพบพานคนมีบุญ

** เมื่อกลับไปถึงโรงเรือนไฟ
ไม่เห็นมีผู้ใดชักเคืองขุ่น
แต่กลับเห็นรอยเท้าเจ้าประคุณ
ยังเป็นรอยอุ่นอุ่นไว้แทนกาย

** พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ที่อื่น
ก่อนจากไปประทับยืนใช่หนีหาย
ทรงประทับรอยเท้าบนพื้นทราย
ด้วยทรงหมายให้พราหมณ์เห็นเป็นสำคัญ

** ตามตำนานกล่าวไว้เพื่อให้รู้
บรมครูประทับบาทเป็นของขวัญ
แก่ผู้ใดเขาจะมองเห็นโดยพลัน
นอกจากนั้นไม่เห็นน่าแปลกดี

** ไม่มีใครสามารถจะลบได้
ปรากฏไว้ให้เด่นเป็นสักขี
แม้ช้างม้าวัวควายพันทวี
ก็ไม่ทำให้รอยนี้อันตรธาน

** ลำนั้นพราหมณีได้เอ่ยถาม
ว่าไหนพราหมณ์ตามเล่าที่กล่าวขาน
คนที่ดูเหมาะสมกับเยาวมาลย์
มาคันทิยานงคราญลูกสาวเรา

** พราหมณ์บอกว่าให้เขารออยู่ที่นี่
ไม่เห็นมีไปไหนใจอับเฉา
ทิ้งเอาไว้เพียงรอยเพื่อให้่เรา
ได้ดูต่างหน้าเขาใช่คิดลวง

** พราหมณีเชี่ยวชาญการดูลักษณะ
ตรวจดูจะรู้ได้ดีหรือหมอง
รู้ทันทีว่ามิใช่ผู้ใฝ่ปอง
กามคุณทั้งผองหมดจากใจ

** จึงกล่าวถึงลักษณะของรอยเท้า
มีรูปเว้าตรงกลางเยื้องย่างไซร้
เป็นคนมีราคะมากกว่าใคร
กามคุณฝังในใจของตน

** อันรอยเท้าหนักที่ส้นเจ้าโทสะ
ไม่ลดละโกรธแค้นแสนหมองหม่น
ส่วนปลายเท้าจิกลงหลงเวียนวน
เจ้าโมหะมากล้นล้วนไม่ดี

** รอยเท้านี้ที่ปรากฏกำหนดได้
ไม่ติดในกามคุณบุญราศี
นางจึงบอกแก่พราหมณ์เท่าที่มี
ปรากฏในคัมภีร์คำทำนาย

** ท่านพราหมณ์จึงกล่าวว่าอย่าช้าเลย
ช่วยตามหาว่าที่เขยเดี๋ยวจะสาย
มองไปเห็นพุทธองค์ดำรงกาย
เด่นสง่าท้าทายชวนให้ชม

** เข้าไปใกล้แล้วกล่าวท่านเจ้าขา
เราขอมอบธิดาดูเหมาะสม
เป็นคู่ครองของท่านได้รื่นรมย์
เป็นคู่ชิดเชยชมตลอดกาล

** พระพุทธองค์ทรงนิ่งไม่ตรัสตอบ
ว่าทรงชอบไม่ชอบที่กล่าวขาน
กลับตรัสว่ามีเรื่องจากเหตุการณ์
ตถาคตได้ผ่านมารผจญ

** เราไม่มีความพอใจในเมถุน
เรื่องของกามคุณอย่าหวังผล
ธิดามารสาวสวยทั้งสามคน
ยังผ่านพ้นมาได้ไม่เป็นไร

** นางตัณหา อรดี และราคา
ช่างสวยงามโสภาจักหาไหน
ยังหลีกเลี่ยงมิแยแสมิสนใจ
นับประสามอะไรกับนงคราญ

** ผู้เต็มไปด้วยมูตรและคูถเน่า
มีแต่ความว่างเปล่าไร้แก่นสาร
เราไม่มีความปรารถนาและต้องการ
จะถูกต้องเยาวมาลย์แม้เท้าเรา

** ครั้นเมื่อจบคาถาว่าด้วยกาม
ทั้งสองพราหมณ์บรรลุธรรมพ้นความเขลา
ตาสว่างใจสว่างกายบางเบา
เลิกมัวเมาในตัณหาละโลกีย์

** มาคันทิยาผูกอาฆาตในศาสดา
ที่ทรงกล่าววาจาหมิ่นศักดิ์ศรี
เปรียบดังมูตรคูถเน่าไม่มีดี
โอกาสมีจะยีย่ำทำให้อาย

** ฝ่ายสองพราหมณ์เมื่อได้บรรลุธรรม
ใจน้อมนำสู่วิมุตติเป็นจุดหมาย
ด้วยศรัทธาเลื่อมใสไม่เสื่อมคลาย
หวังสืบสายศานาพามั่นคง

**คิดออกบวชกายาหาความสุข
ละความทุกข์อกุศลโลภโกรธหลง
ก็ยังมีธิดายอดอนงค์
จึงตกลงไปฝากอาไม่ช้าที

** ทั้งสองก้าวเข้าสู่เพศบรรพชิต
มอบชีวิตให้ศานาพาสุขี
ประพฤติธรรมองค์สัมมาไร้ราคี
บรรลุที่อรหันต์อนันตกาล

** ไม่การเกิดแก่และเจ็บตาย
พ้นจากการเวียนว่ายในสงสาร
ก้าวล่วงพ้นจากกิเลสเหตุร้าวราน
ใจเบิกบานไร้กังวลพ้นทุกข์ไป

** ฝ่ายจูฬะมาคันทิยะพราหมณ์
ต้องการให้หลานคนงามได้เป็นใหญ่
เมื่อคิดแล้วพาหลานรีบคลาไคล
มุ่งหน้าไปโกสัมพีมิช้านาน

** ครั้นถึงจึงกราบทูลมูลเหตุว่า
ขอมอบหลานให้ราชาเป็นหลักฐาน
อุเทนราชรับไว้แล้วพระราชทาน
ให้นงคราญดำรงศักดิ์อัครชน

*เป็นมเหสีที่สามมอบความรัก
ด้วยใจภักดิ์จริงใจไม่ตกหล่น
มอบหญิงสาวเป็นบริวารห้าร้อยคน
มีสุขล้นร่มรื่นชื่นอุรา

** สรุปว่าราชาอุเทนราช
มีมเหสีจอมนาถคูวาสนา
รวมสามนางช่างงามอร่ามตา
เป็นคู่ขวัญชีวายอดนารี



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #22 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2559, 03:45:56 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๒  สามเศรษฐีกับดาบส

** สมัยนั้นโกสัมพีมีสามสหาย
มีทรัพย์สินหลากหลายเป็นเศรษฐี
"โฆสกะ" "กุกกุฏะ" เป็นคนดี
"ปาวาริก" ล้วนมีเงินและทอง

** ณ วันหนึ่งเมื่อใกล้ฤดูฝน
ดาบสห้าร้อยคนหวังฉลอง
ศรัทธาของชาวบ้านที่มั่นปอง
เดินทางท่องจากหิมพานต์สถานไพร

** ทั้งสามคนมองเห็นพระดาบส
กริยางามงดก็เลื่อมใส
จึงนิมนต์โปรดนั่งฉันทุกวันไป
ตลอดในฤดูฝนจนหนาวมา

** ครั้นฝนหมดดาบสจะหวนกลับ
น้อมคำนับนิมนต์เพื่อปีหน้า
ถึงหน้าฝนย้อนกลับมาอีกครา
เพื่อฉลองศรัทธาของสามเรา

** นับจากนั้นเมื่อใกล้วันฤดูฝน
พระดาบสทุกคนลงจากเขา
มาสู่กรุงโกสัมพีเพื่อรับเอา
บิณฑบาตรจากเหล่าผู้ศรัทธา

** มีครั้งหนึ่งเมื่อถึงกลางป่าใหญ่
จึงแวะพักใต้ร่มไทรใบแน่นหนา
เพื่อขจัดความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดมา
และบรรเทาความเมื่อยล้าให้ผ่อนคลาย

** ขณะนั้นดาบสผู้หัวหน้า
นั่งคิดว่าตัวเราแสนกระหาย
เทวดาผู้ศักดิ์ใหญ่รอบรอบกาย
ใจไม่ร้ายนำน้ำมาอย่าช้าที

** เทวดาที่ต้นไทรใหญ่ตอนนั้น
ขมีขมันเอาน้ำให้อย่างเร็วรี่
แจกจ่ายพวกดาบสไม่รอรี
สมดังที่ต้องการเบิกบานใจ

** เมื่อดาบสอยากได้น้ำไปอาบ
เทวดาก็ทราบจึงจัดให้
ทุกคนต่างซาบซึ้งเสียกระไร
ต่างก็คิดกันไปอยากพบตัว

**เทวดาใจดีอารีรอบ
จึงรีบตอบสนองอย่างถ้วนทั่ว
เนรมิตท้องฟ้าให้มืดมัว
ปรากฏตัวแก่ดาบสหมดทุกคน

** ท่านหัวหน้าอยากรู้จึงไต่ถาม
อยากทราบความเป็นมาน่าฉงน
ท่านมีทรัพย์มหาศาลบันดาลดล
ทำอย่างไรจึงมากล้นเกินพรรณนา

** เทวดาเขินอายไม่กล้าเอ่ย
กรรมน้อยนิดไม่อยากเผยเลยท่านหนา
จงได้โปรดเห็นใจและเมตตา
เทวดร้องขอพอเถิดคุณ

** ฝ่ายดาบสไม่ลดละอยากจะรู้
จงอย่าได้อดสูเชิดชูหนุน
ขอจงได้เมตตาและเจือจุน
เปิดเผยคุณความดีที่น้อมนำ



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #23 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2559, 11:59:41 AM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๓  ประวัติเทวดา

** ได้ยินว่าเทวราชในชาติก่อน
เป็นคนจรเข็ญใจไม่คมขำ
เดินไปเพื่อแสวงหางานทำ
ตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวันวาร

**ในที่สุดก็ได้บ้านเศรษฐี
เจ้าของบ้านใจดีมีหลักฐาน
รับเขาไว้ให้ทำประจำการ
ขายแรงงานเลี้ยงชีวิตอุทิศกาย

** วันหนึ่งท่านเศรษฐีกลับจากวัด
หลังจากปฏิบัติตามมุ่งหมาย
เป็นวันพระถือศีลแปดไม่งมงาย
เพื่อจะได้สุคติเป็นที่ไป

** ครั้นถึงบ้านจึงถามเพื่อสื่อสาร
คนทำงานคนนั้นรู้หรือไม่
ถึงวันธัมมัสสวนะคราครั้งใด
พวกเราไม่กินอาหารกาลตอนเย็น

**เมื่อได้รับคำตอบว่าไม่รู้
จึงสั่งหมูคนครัวจงงดเว้น
รีบประกอบอาหารเท่าจำเป็น
เพื่อให้ชายยากเข็ญรับประทาน

** คนที่บ้านของอนาถปิณฑิกะ
ทุกวันพระงดมื้อค่ำทั้งคาวหวาน
ถือศีลอุโบสถตลอดกาล
เหมือนท่านเจ้าของบ้านเป็นประจำ

** อธิบายถึงคำ "ธมมัสสวนะ"
คือวันพระแปดค่ำ สิบห้าค่ำ
คนชาวพุทธสนใจและน้อมนำ
สมาทานศีลฟังธรรมภาวนา

** คนงานใหม่กลับมานึกแปลกใจ
ว่าทำไมเงียบจังคิดกังขา
ไม่มีคนพลุกพล่านเดินไปมา
เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าเขาเข้านอน

** พวกคนครัวอธิบายขยายผล
เล่าไปตามที่ตนถูกสั่งสอน
ให้รู้เรื่องศีลแปดตามขั้นตอน
เพื่อสร้างบุญอันสุนทรเป็นมงคล

**ศีลข้อหนึ่งพึงรู้ว่าห้ามฆ่าสัตว์
สารพัดบาปกรรมนำส่งผล
เบียดเบียนสัตว์ให้ปวดเร้าเศร้ากมล
จะพาตนสู่นรกหมกไหม้กาย

** ศีลข้อสองต้องห้ามใจความว่า
ขโมยของเขามาพาเสียหาย
ทั้งฉ้อโกงทรัพย์สินด้วยอุบาย
อย่าพึงหมายจะมีสุขหนีทุกข์ไกล

** ศีลข้อสามห้ามผิดพรหมจรรย์
ต้องตั้งมั่นละตัณหาอย่าหวั่นไหว
เว้นการเสพเมถุนวุ่นวายใจ
เว้นมิได้หวังโลกันต์อันเลวทราม

** ศีลข้อที่สี่มีว่าห้ามพูดปด
เว้นทั้งหมดพูดส่อเสียดหรือเหยียดหยาม
พูดคำหยาบพูดเพ้อเจ้าพูดลวนลาม
คงไม่งามตกนรกหมกไฟเปลว

** ศีลข้อห้าสุราและเมรัย
หลีกให้เป็นนิสัยไม่แหลกเหลว
เป็นสาเหตุขาดสติริทำเลว
ก้าวลงเหวคือนรกหมกไหม้ตน

** ศีลข้อหกยกเว้นกินอาหาร
ในเวลาวิกาลจะหมองหม่น
เพื่อขจัดความยินดีของผู้คน
ได้หลีกพ้นจากตัณหาพาเบิกบาน

** ศีลข้อเจ็ดเว้นจากการฟ้อนรำ
ขับลำนำเพลงร้องก้องประสาน
อีกเครื่องหอมนำมามัณฑนาการ
เกิดกิเลสเหตุระรานผลาญความดี

** ศีลข้อแปดไม่นอนบนฟูกนุ่ม
จะตกหลุมของตัณหาน่าบัดสี
เนื่องจากเกิดหลงไหลใฝ่ราคี
ความสบายมากมีจึงร้อนรน

** ถึงแปดค่ำ สิบห้าค่ำ ในบ้านนี้
ทุกทุกคนล้วนมีใจกุศล
เวลาเย็นอดอาหารกันทุกคน
แม้เด็กเล็กก็เริ่มต้นกระทำตาม

** มีสิ่งของสี่อย่างที่ทานได้
ยามป่วยไข้อนุญาตอย่าเกรงขาม
มีเนยใสเนยข้นชนทุกนาม
ดื่มได้ยามป่วยไข้ให้ทุเลา

**อีกน้ำอ้อยน้ำผึ้งพึงประจักษ์
ยามหิวหนักช่วยได้คลายอับเฉา
ไม่ผิดศีลแปดหนอพอทำเนา
ช่วยแบ่งเบาแก้กระหายได้เร็วไว

** คนงานใหม่กล่าวถามเนื้อความว่า
หากตัวข้าจะถือศีลผิดหรือไม่
เพียงครึ่งหนึ่งตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
เพราะศรัทธาอยากได้บุญมาจุนเจือ

** ตัดสินใจปรึกษาท่านเศรษฐี
เพราะคิดว่าคงมีทางช่วยเหลือ
ท่านเศรษฐีเมตตาอย่างเหลือเฟือ
จึงเอื้อเฟื้อแนะนำเพื่อทำดี

** จึงบอกว่าทำได้อย่างแน่แน่
เสียดายแต่ได้บุญไม่เต็มที่
จะได้เพียงครึ่งหนึ่งจึงพาที
รีบทำซีดีกว่านะพ่อคุณ

** คนงานใหม่จึงอดงดอาหาร
เพื่อสร้างฐานความดีมิวายวุ่น
บุญกุศลสร้างไว้ได้เจือจุน
เพราะจะหนุนเป็นเสบียงไว้เลี้ยงกาย

** ด้วยเหตุที่ทำงานมาแสนหนัก
ยังต้องจักอดอาหารไม่คาดหมาย
ความอ่อนล้าหิวโหยเปล่งประกาย
เข้าโจมตีทำลายความอดทน

** ลมกำเริบทำร้ายอยู่ภายใน
อวัยวะน้อยใหญ่เริ่มสับสน
จึงเอาเชือกมารัดที่ท้องตน
นอนดิ้นรนเกลือกกลิ้งยิ่งทรมาน

** ท่านเศรษฐีรู้เรื่องเยื้องย่างย่อง
มายืนมองด้วยเมตตาน่าสงสาร
นำอาหารที่ทานได้สี่ประการ
มามอบให้ชายคนงานเพื่อบรรเทา

*คนงานใหม่ใจถึงจึงไม่รับ
น้อมคำนับใช่ยโสหรือโง่เขลา
แต่ไม่อยากให้บุญต้องแบ่งเบา
ขอรับเอาความตายแต่ได้บุญ

** ครั้นเวลาใกล้สว่างถึงวาระ
ทำกาละจากไปไม่หมกมุ่น
มาเกิดเป็นเทวดานับเป็นคุณ
เนื่องจากผลบุญของท่านบันดาลเป็น

** หลังจากจบคำเล่าจึงกล่าวว่า
เศรษฐีท่านศรัทธาเมื่อได้เห็น
องค์สมเด็จพระศาสดาผู้บำเพ็ญ
จนสำเร็จบรรลุเป็นพระโพธิญาณ



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #24 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2559, 07:06:33 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๔  ดาบสเลื่อมใสออกบวช

** พวกดาบสได้ยินว่าพระพุทธเจ้า
อยากเข้าเฝ้าถวายบังคมก้มประสาน
เป็นสาวกน้อมใจไปกราบกราน
พระภูวนาถอวตานสู่โลกา

** จึงกล่าวถามเทวดาผู้ศักดิ์ใหญ่
เป็นความจริงใช่ไหมไม่มุสา
เทวดายืนยันที่กล่าวมา
เป็นสัจจะวาจาอย่าข้องใจ

** พวกดาบสจึงกล่าวพร้อมกันว่า
รีบไปเฝ้าศาสดากันดีไหม
ท่านหัวหน้าบอกว่าเราจะไป
แต่เกรงหทัยเศรษฐีดีกับเรา

** จำต้องแจ้งให้ท่านทราบเสียก่อน
แล้วค่อยจรเพื่อตอบแทนบุญคุญเขา
มิฉะนั้นจะถูกหาว่าดูเบา
ไม่รู้คุณก้อนข้าวเขาให้มา

** จึงรีบพากันไปลาเศรษฐี
บอกว่ามีภาระอยู่ข้างหน้า
จะต้องรีบไปเฝ้าพระดาสดา
ขออำลาท่านที่มีพระคุณ

** สามเศรษฐีผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
ได้ฟังข่าวดีใจไม่เคืองขุ่น
จึงกล่าวอนุโทนาว่าเป็นบุญ
แต่จงโปรดเจือจุนรอคอยกัน

** เราจะไปเฝ้าด้วยช่วยเถิดหนา
ไปพร้อมกันดีกว่าเป็นแม่นมั่น
เราจะได้ดูแลกันทุกวัน
แต่ต้องรอเรานั้นหลายเพลา

** พวกดาบสบอกว่าช้าไปหน่อย
เราคงคอยไม่ไหวใจโหยหา
อยากฟังธรรมของสมเด็จพระสัมมา
ค่อยตามไปดีกว่านะท่านเอย

** ท่านเศรษฐีสุดที่จะห้ามได้
ต้องยอมให้เดินทางอย่างเปิดเผย
เมื่อภาระเสร็จแล้วไม่เฉยเมย
จะรีบตามไปเลยในทันที

** พวกดาบสรีบไปเฝ้าพระศาสดา
ไม่ชักช้าเดินทางอย่างเร็วรี่
เมื่อไปถึงเฝ้าบังคมจอมโมลี
พระภูมีแสดงพระธรรมเทศนา

** พระพุทธองค์ผู้ทรงปรมัตถ์
จึงได้ตรัสอนุปุพพีกถา
ประกอบด้วยทานศีลภวนา
พวกดาบสมีดวงตามองเห็นธรรม

** จึงพร้อมใจกันอุปสมบท
เพื่อกำหนดวิปัสสนาพาชื่นฉ่ำ
มอบใจกายแก่ศานาจะน้อมนำ
ตั้งใจบริกรรมกันทุกองค์



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #25 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2559, 09:43:16 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๕  สามเศรษฐีสร้างวิหาร

** ฝ่ายเศรษฐีทั้งสามไม่ลดละ
รีบจัดแจงภาระไม่ลืมหลง
ครั้นสำเร็จตามเป้าหมายที่เจาะจง
จึงตกลงเดินทางเฝ้าพุทธา

** จัดเสบียงเพื่อถวายพระภิกษุ
ได้บรรลุเรื่องขบฉันชื่นหรรษา
ได้สดับพระสัทธรรมเทศนา
ของสมเด็จพระสัมมามองเห็นธรรม

** ได้บรรลุโสดาปัตติผล
เป็นอุดมมงคลที่คมขำ
ถวายทานแด่พระสงฆ์เป็นประจำ
เพื่อน้อมนำจิตใจให้ไพบูลย์

** จึงนิมนต์สมเด็จพระศาสดา
หวังเสริมสร้างศรัทธาไม่เสื่อมสูญ
เสด็จโกสัมพี่ที่จำรูญ
จะเกื้อกูลบำเพ็ญบุญสร้างสุนทาน

**พระพุทธองค์ทรงรับนิมนต์แล้ว
ใจผ่องแผ้วบริสุทธิ์เกินกล่าวขาน
รีบกลับไปโกสัมพีมิช้านาน
ได้เตรียมการสร้างวิหารรับพระองค์

** สามเศรษฐีล้วนมีศรัทธามั่น
ร่วมมือกันสร้างวิหารดังประสงค์
คนละหลังรวมสามหลังดังจำนง
เพื่อต้อนรับพระพุทธองค์เสด็จมา

** โฆสกะเศรษฐีมีใจงาม
สร้าง "โฆสิตาราม"งามหนักหนา
กุกกุฏะเศรษฐีมีศรัทธา
สร้างวิหารชื่อว่า "กุกกุฏาราม"

** ปาวาริกเศรษฐีดีใจนัก
สร้างวิหารพำนักแห่งที่สาม
มีชื่อว่า "ปาวาริการาม"
ดูงดงามทั้งสามหลังดังวิมาน

** เมื่อสมเด็จพระศาสดาทรงมาถึง
ทั้งสามจึงได้มอบพระวิหาร
ด้วยดวงใจที่ใสสดและเบิกบาน
ขอพระองค์ทรงสำราญพักผ่อนกาย

**พระพุทธองค์ทรงรับพุทธสถาน
เพื่อกิจการของสงฆ์ทรงมุ่งหมาย
ประทับที่วิหารไหนเป็นอุบาย
ให้เจ้าของถวายสังฆทาน

** เพื่อจะได้ไม่แย่งกันนิมนต์
จะสับสนวุ่นวายให้ร้าวฉาน
เกิดทะเลาะวิวาทอาจเสียการ
เป็นเหตุให้ร้าวรานความสัมพันธ์



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #26 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2559, 06:02:41 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๖  นายสุมนะมาลาการเลี้ยงภิกษุสงฆ์

** ในกาลนั้นเศรษฐีสามสหาย
มีมาลาการคู่กายใช่เสกสรร
ชื่อว่า "สุมนะ" คนเดียวกัน
จัดดอกไม้ทุกวันร่วมกันมา

** สุมนะขอโอกาสสามเศรษฐี
นิมนต์พระภูมีทรงสิกขา
ไปรับบิณฑบาตรเยื้องยาตรา
ณ ที่บ้านของข้าเพื่อสร้างบุญ

** สามเศรษฐีฟังคำที่พร่ำกล่าว
รู้เรื่องราวเข้าใจไม่เคืองขุ่น
อนุญาตวันพรุ่งนี้เลยพ่อคุณ
จงสมใจได้บุญตามศรัทธา

** สุมนะนิมนต์พระพุทธองค์
พร้อมพระสงฆ์บริวารทั่วถ้วนหน้า
ไปรับภัตตาหารตามเวลา
พร้อมอนุโมทนาน้อมรับพร

** จะขอกล่าวถึงสตรีมีชื่อว่า
นางขุชชุตตราศรีสมร
คนรับใช้สามาวดีโฉมบังอร
แม่งามงอนรับดอกไม้ให้พระนาง

** สืบเนื่องมาจากท้าวอุเทนราช
มอบเงินให้นางนาฏไม่เหินห่าง
วันละแปดกหาปณะเพื่อนวลปราง
ค่าดอกไม้ให้แม่นางทุกทุกวัน

** นางทาสีมีหน้าที่รับดอกไม้
จากสุมนะมามอบให้แม่จอมขวัญ
วันนี้ได้เวลามารับพลัน
สุมนะจำนรรจ์ให้ช่วยงาน

** ในวันนี้องค์สมเด็จพระศาสดา
พร้อมพระสงฆ์จะมาฉันอาหาร
อย่าเพิ่งกลับเลยหนาแม่นงคราญ
อยู่ทำบุญที่บ้านค่อยกลับไป

** นางขุชชุตตราตอบตกลง
ถึงเวลาพระพุทธองค์ผู้เป็นหญ่
พร้อมพระสงฆ์สาวกก็คลาไคล
เสด็จไปยังเรือนมาลาการ

** พระพุทธองค์ทรงทำภัตตกิจ
ต่างพากันตั้งจิตอธิษฐาน
ขอให้ให้บุญสำเร็จจากผลทาน
ใจเบิกบานสดใสไร้ราคิน

** พระพุทธองค์ทรงแสดงเทศนา
ตรัสคาถาตามลำดับจนจบสิ้น
นางขุชชุตตราโฉมยุพิน
เกิดดวงจินต์เลื่อมใสในพระธรรม

** ในที่สุดแห่งเทศนานั้น
ได้บรรลุโสดาบันอันชื่นฉ่ำ
เสร็งานบุญก็นึกถึงงานประจำ
คือการนำดอกไม้ให้เจ้านาย

** รับดอกไม้จากนายสุมนะ
กราบลาพระกลับวังดังใจหมาย
มอบดอกไม้ให้แล้วจึงอธิบาย
ที่ชักช้าเพราะช่วยนายมาลาการ

** พระนางสามาวดีเห็นดอกไม้
มีจำนวนมากมายเกินมาตรฐาน
จึงถามว่าราชาทรงประทาน
ให้เพิ่มงบประมาณหรืออย่างไร

** มีดอกไม้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ขอให้เจ้าชี้แจงแถลงไข
เราอยากรู้จงเล่าให้เข้าใจ
ว่าทำไมดอกไม้เพิ่มจำนวน

** นางขุชชุตตราจึงกล่าวถ้อย
ว่าข้าน้อยแบ่งออกเป็นสองส่วน
เก็บไว้เองครึ่งหนึ่งพึงคำนวณ
อีกหนึ่งส่วนซื้อดอกไม้ตามโองการ

** แต่วันนี้โชคดีได้ฟังธรรม
อันเลิศล้ำยิ่งใหญ่แผ่ไพศาล
จึงน้อมใจสู่ธัมมะละจิตพาล
ซื้อดอกไม้ตูมบานเต็มจำนวน

** สามาวดีฟังค่ำพร่ำเฉลย
ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดให้กำสรวล
ไม่ตำหนิติเตียนนางเนื้อนวล
แต่เชิญชวนสอนธรรมนั้นแก่เรา

** ธรรมใดที่พระองค์ทรงตรัสแล้ว
ย่อมทำใจให้ผ่องแผ้วไม่อับเฉา
เราอยากรู้ธรรมนั้นและรับเอา
มาขัดเกลากิเลสให้เบาบาง

** นางขุชชุตตราจึงรับคำ
จะน้อมนำธรรมมาอย่าหมองหมาง
จึงให้นางอาบน้ำหอมทั่วสรรพางค์
มอบผ้าสาฎกให้นางห่อหุ้มกาย

** พร้อมจัดอาสนะให้เธอนั่ง
เรียกบริวารมาฟังดังมุ่งหมาย
ขุชชุตตราเริ่มต้นสาธยาย
ข้อธัมมะทั้งหลายที่ฟังมา

** ในที่สุดแห่งการฟังธรรมนั้น
ต่างบรรลุโสาบันกันถ้วนหน้า
ได้ยกมือประณมก้มวันทา
เรียกขุชชุคคราว่าอาจารย์

** ต่างขอให้หยุดงานในบ้านนี้
ไปฟังธรรมพระชินศรีที่วิหาร
แล้วกลับมาสาธยายทุกประการ
จักขอบคุณที่ท่านมีเมตตา

** นางขุชชตตราก็รับคำ
ได้นำเอาซึ่งธรรมดีหนักหนา
มาถ่ายทอดพวกนางทุกทุกครา
จนขึ้นชื่อลือชายอดนารี

** สมเด็จพระบรมศาสดา
ทรงแต่งตั้งขุชชุตตรามารศรี
ให้เป็นเลิศด้านธรรมวาที
ในบรรดาสตรีอุบาสิกา

** เนื่องด้วยนางฉลาดในการกล่าว
ได้แสดงเรื่องราวธรรมกถา
ให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยลีลา
ตั้งแต่ต้นจนกว่าสิ้นสุดลง

** บริวารห้าร้อยสามาวดี
ได้เอื้อนเอ่ยพาทีจุดประสงค์
บอกขุชชุตตราด้วยจำนง
ให้พาไปเฝ้าองค์พระสัมมา

** ขุชชุตตราจึงบอกไม่ได้แน่
เพราะพวกแม่มีจำนวนมากหนักหนา
ประกอบกับเป็นคนของราชา
เราไม่อาจจะพาพวกนางไป

** เหล่างามงอนอ้อนวอนขอร้องว่า
เพียงแค่เห็นพระศาสดาดีหรือไม่
นางจึงรีบอกกล่าวโดยเร็วไว
เราจะให้อุบายเป็นสำคัญ

** อันดับแรกเจาะช่องตามต้องการ
ที่ฝาห้องของท่านดังแม่นมั่น
พระศาสดาเสด็จทุกทุกวัน
จงถวายบังคมคัลอัญชุลี

** มีข้าวตอกดอกไม้ที่จัดหา
เพื่อบูชาสมเด็จพระชินศรี
ตอนพระองค์เสด็จมาอย่าช้าที
จงน้อมใจภักดีถึงพระองค์

** หญิงเหล่านั้นได้ทำอย่างนั้นแล้ว
มีจิตใจผ่องแผ้วสมประสงค์
ได้น้อมจิตนำใจใฝ่จำนง
เพื่อมุ่งตรงศรัทธาอย่างถาวร



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ


บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #27 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2559, 11:39:26 AM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๗  ประวัติหน้าต่าง

** พระนางมาคันทิยามารศรี
จอมขวัญใจเจ้าธานีมิ่งสมร
ไปสู่ที่อาศัยของงามงอน
โฉมบังอรบาทบริกาสามาวดี

** เมื่อเห็นช่องจึงร้องถามไปว่า
ช่วยบอกหน่อยเถิดหนาอะไรนี่
นั่นช่องโหว่มากมายหลากหลายมี
คืออะไรบอกชี้ที่เป็นมา

** บรรดานางห้าร้อยเอ่ยถ้อยเฉลย
พระคุณเอ๋ยช่องนี้ดีหนักหนา
เราทั้งหลายได้กราบไหว้พระศาสดา
น้อมบูชาด้วยใจในพระองค์

** ครั้นรูว่าพระศาสดามาที่นี่
วางแผนการทันทีดังประสงค์
จะกำจัดศัตรูด้วยจำนง
พระพุทธองค์สามาวดีที่หมายปอง

** รีบกราบทูลพระภัสดาว่าบัดนี้
สามาวดีปันใจไปเป็นสอง
พร้อมด้วยหญิงห้าร้อยในปกครอง
พระองค์ต้องจัดการอย่านานวัน

** หากช้าไปพระองค์คงตายแน่
คนผันแปรคงทำร้ายอย่างแม่นมั่น
รีบกำจัดเสียก่อนอย่าช้าพลัน
ก่อนจะถูกฆ่าฟันให้บรรลัย

** พระราชาทรงคิดพินิจดู
ก็ทรงรู้ว่ามันสุดวิสัย
สามาวดีเป็นคนที่ไม่มีภัย
ไม่สงสัยในพระนางอย่างกล่าวกัน

** มาคันทิยาทูลราชาถึงสามครั้ง
แต่ก็ยังเฉยอยู่ดูเป็นหมัน
จึงกราบทูลเชื้อเชิญองค์ราชัน
จงไปดูที่พักมันจะเข้าใจ

** องค์ราชายุรยาตรทอดพระเนตร
เพื่อทรงทราบสาเหตุเป็นไฉน
ตรัสถามทุกทุกคนเป็นอย่างไร
จงเล่าแจ้งแถลงไขมาอ้างอิง

** เหล่าบาทบริกาสามาวดี
เอ่ยวจีกราบทูลมูลทุกสิ่ง
ได้เจาะช่องตามที่เห็นเป็นความจริง
เพื่อกราบไหว้องค์มิ่งจอมโมลี

** องค์ศาสดาเสด็จมาเพื่อโปรดสัตว์
เป็นกิจวัตรขององค์พระทรงศรี
เพราะศรัทธาเลื่อมใสในภูมี
ใช้ช่องนี้บูชาพระพุทธองค์

** ท้าวอุเทนทรงทราบเรื่องไม่เคืองขุ่น
ทรงรับสั่งให้ทำบุญตามประสงค์
ให้ปิดช่องของเหล่านวลอนงค์
แล้วจึงทรงอนุมัติให้จัดการ

** ทรงได้โปรดให้สร้างหน้าต่างน้อย
ไว้ใช้สอยทุกห้องเป็นมาตรฐาน
นับตั้งแต่นั้นมาทุกอาคาร
สวยตระหง่านด้วยหน้าต่างอย่างเท่ากัน

** ได้ยินว่าหน้าต่างเกิดขึ้นแล้ว
เป็นครั้งแรกในวังแก้วใช่เสกสรร
ถือว่าเป็นตำนานมานานครัน
ขอจงหันมาช่วยพิจารณา



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ


บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #28 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2559, 12:15:38 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๘  พระศาสดาผจญกับการแก้แค้น

** พระนางมาคันทิยามารศรี
แสนเจ็บปวดฤดีเป็นหนักหนา
ทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักครา
จึงหันมาทางด้านพระพุทธองค์

** ได้กะเกณฑ์ชาวเมืองนอกศาสนา
ให้ช่วยกันก่นด่าเพราะความหลง
มุ่งเอาพระศาสดาโดยเจาะจง
ให้หนีไปสู่ดงกลางพงไพร

** อันถ้อยคำที่ด่ามีปรากฏ
รวมทั้งหมดสิบข้อขอขานไข
เจ้าเป็นโจร เป็นพาล เป็นบ้าไป
เป็นอูฐ เป็นวัวไง และเป็นลา

** เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉาน
สุคติไม่ประสานอย่าใฝ่หา
ทุคติเป็นที่หมายได้พึ่งพา
อย่าอยู่เลยรีบเข้าป่าไปโดยพลัน

** พระอานนท์กราบทูลพระศาสดา
ถูกเขาด่าเขาว่าอย่างมหันต์
จะทนอยู่ต่อไปทำไมกัน
ให้พวกมันจ้วงจาบแสนหยาบคาย

** พระพุทธองค์ทรงถามจะไปไหน
ตอบว่าไปให้ไกลจากเป้าหมาย
ที่แห่งอื่นยังมีอีกมากมาย
ซึ่งเราจะพักกายให้สุขใจ

** พระพุทธองค์ทรงถามถ้าถูกด่า
เป็นอย่างนี้อีกคราทำไฉน
พระอานนท์รีบตอบโดยเร็วไว
เราก็หลีกไปให้ไกลตา

** พระศาสดาตรัสว่าถ้าเช่นนั้น
เราจะต้องหนีกันถึงไหนหนา
เรื่องราวเกิดก็หนีกันทุกครา
เป็นอันว่าชาตินี้หนีร่ำไป

** พระพุทธองค์ตรัสว่าอานนท์เอ๋ย
ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยเข้าใจไหม
เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้น ณ ที่ใด
ก็จงให้ระงับที่เดียวกัน

** เมื่อใดที่พญาคชสาร
ออกทำศึกอย่างห้าวหาญไม่ไหวหวั่น
ต้องอดทนต่อลูกศรนับอนันต์
ที่ข้าศึกพากันยิงทุกทาง

** เปรียบตัวเราผู้เป็นศาสดา
ย่อมอดทนต่อคำด่าและถากถาง
ของพวกคนทุศีลจิตเลือนลาง
เฉกเช่นพญาช้างในสงคราม

** พระพุทธองค์ทรงตรัสต่อไปว่า
เรื่องจะเงียบในไม่ช้าอย่าเหยีดหยาม
อีกเจ็ดวันข้างหน้าจะจบความ
ของพวกที่พยายามทำลายเรา

** อธิกรณ์เกิดแก่พระพุทธเจ้า
ไม่ยืดยาวเหมือนกับคนอื่นเขา
ครบเจ็ดวันเรื่องราวจะบางเบา
หยุดนิ่งไปไม่เอามาพูดจา



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #29 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2559, 01:13:04 PM »

Permalink: Re: *** เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน ***




เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
ตอนที่ ๒๙  พระนางมาคันทิยาหาความด้วยเรื่องไก่

** พระนางมาคันทิยาโกรธแค้นจัด
แสนเคืองขัดไม่สมปรารถนา
ไม่สามารถขับไล่พระศาสดา
ให้พ้นจากพาราโกสัมพี

** จึงคิดว่าน่าจะทำความฉิบหาย
ให้เกิดกับนางทั้งหลายเหล่าทาสี
พร้อมเจ้านายชื่อว่าสามาวดี
เป็นพวกที่อุปถัมภ์พระศาสดา

** มาคันทิยาหาทางคิดวางแผน
เพื่อชำระความแค้นอันแน่นหนา
อยู่ในอกของนางตลอดมา
ถึงเวลาจะแก้แค้นแสนยินดี

** จึงสั่งให้นำไก่ไปมอบให้
แก่ราชันเป็นใหญ่ในกรุงศรี
กลอุบายจะทำลายเริ่มทันที
เพื่อแก้แค้นที่มีให้สะใจ

** มาคันทิยาเข้าเฝ้าเจ้าเหนือหัว
รายงานตัวทูลแจ้งแถลงไข
ว่าบัดนี้ปุโรหิตผู้ชิดใกล้
ได้นำไก่มาถวายให้พระองค์

** อุเทนราชทราบความทรงถามไถ่
จะให้ใครสนองความประสงค์
จัดการทำอาหารดังจำนง
แล้วนำส่งเข้ามาอย่าช้าเลย

** มาคันทิยากราบทูลขึ้นทันที
สาวใช้สามาวดีอยู่เฉยเฉย
ให้พวกนางรับผิดชอบเหมาะจริงเอย
พวกนางเคยทำอาหารทั้งหวานคาว

** พระราชาอนุมัติพร้อมตรัสสั่ง
จงแจ้งการไปยังพวกสาวสาว
ของสามาวดีทราบเรื่องราว
และบอกกล่าวให้เข้าใจไม่รอรี

** มาคันทิยาดำเนินการทำตามแผน
หวังแก้แค้นให้สิ้นไปไม่เหลือหลอ
ส่งไก่เป็นไปให้อย่างเพียงพอ
แล้วร้องขอจงฆ่าไก่ไปต้มแกง

** นางห้าร้อยไม่ยอมทำกรรมที่ชั่ว
กลัวหมองมัวเพราะถือศีลอย่างเข้มแข็ง
การฆ่าสัตว์ผิดศีลอย่างร้ายแรง
ใช่จะแกล้งให้เสียงานวานเข้าใจ

** มาคันทิยาดีใจได้โอกาส
จะใส่ร้ายด้วยอาฆาตอย่างยิ่งใหญ่
รีบกราบทูลนำมากล่าวเล่าเรื่องไป
พวกนางไม่ยอมทำกรรมจริงจริง

** เพราะเอาใจฝักใฝ่ในผู้อื่น
ไม่สนใจหยิบยื่นทำเป็นหยิ่ง
ยกเอาศีลเอาธรรมมาอ้างอิง
หวังประวิงเอาตัวรอดอย่างปลอดภัย

** ขอพระองค์ทรงรับสั่งทำอาหาร
ไปถวานเป็นทานในสมัย
แห่งการฉันอาหารภูวนัย
บรมศาสดาทรงชัยทดลองดู

** เมื่อตรัสสั่งนำไก่ที่ตายแล้ว
ไปตามแนวของอุบายที่สวยหรู
มอบให้ห้าร้อยนางแม่โฉมตรู
ทำอาหารนำสู่พระศาสดา

** ห้าร้อยนางรีบจัดการโดยเร็วไว
ด้วยตั้งใจเพราะสมปรารถนา
ด้วยไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวา
ถ้าผิดศีลข้อปาณาไม่กล้าทำ

** มาคันทิยาทูลว่าทรงเห็นไหม
เหล่าพวกนางปล่อยใจให้ถลำ
ไปฝักใฝ่คนนอกเหมือนดังคำ
ที่กราบทูลเตือนย้ำตลอดมา

** ท้าวอุเทนได้ฟังทรงนั่งเฉย
ไม่เอื้อนเอ่ยดังที่ปรารถนา
ความคับแค้นแน่นใจโฉมสุดา
ต้องรีบหาอุบายให้มั่นคง



สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

ข้อมูล : หนังสือธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒

** คำกลอน ชุด พระนางสามาวดีคำกลอนนี้  เป็นเรื่องยาวประมาณ ๓๔ ตอน  ผู้ประพันธ์ได้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการสัมผัสซ้ำแต่เป็นไปไม่ได้
และเมื่อเป็นการเล่าเรื่องชื่อบุคคล สถานที่ก็เอ่ยซ้ำบ่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับผู้ประพันธ์ยังไม่ชำนาญในเรื่องฉันทลักษณ์  อันเป็นสาเหตุ
ให้ผู้อ่านได้พบลักษณะที่กล่าวนี้มากมาย  ซึ่งผู้ประพันธ์คำกลอนชุดนี้ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ



บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: