-/> มะลิ โดย อุชเชนี

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: มะลิ โดย อุชเชนี  (อ่าน 2765 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 12769
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,391
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2559, 01:39:54 PM »

Permalink: มะลิ โดย อุชเชนี
มะลิ

...สวนฉัน สรรปลูก แต่มะลิ
ยามผลิ ดอกบาน หวานชื่น
เพลินตา พาฝัน วันคืน
ไม้อื่น ไม่ปอง ต้องชม

...ขาวสวย รวยกลิ่น ไกลใกล้
ยากไร้ ยังได้ แซมผม
ไร้หนาม หยามใจ ให้ระทม
นิยม ชมไป ไม่ลืม


กลอนบทแรกของ
อจ. ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา

อุชเชนี ได้จาก นามนักบุญ เออเชนี

บันทึกการเข้า



รวมบทกลอนของ  share  คลิกเลยครับ
http://www.khonphutorn.com/index.php/topic,6282.msg18780/topicseen.html#msg18780
คะแนนน้ำใจ 12769
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,391
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2559, 01:52:23 PM »

Permalink: Re: มะลิ โดย อุชเชนี

....อุชเชนี พระประดับฟ้า..........หล้าสยาม
กลอนกาพย์ประดุจมณีงาม.........ค่าล้ำ
ประคิณ ประทีปส่องทั่วคาม........การประจักษ์
กายจิตเธอป้องค้ำ..................ศิษย์ซึ้งนบนิรันดร์


ขอบคุณทุกท่านครับ
ที่ร่วมระลีกถึง อ.ประคิณ ศิลปินแห่งชาติ

สวดภาวนาอุทิศ พุธ ที่11 เวลา 19.00 น. (โดยประมาณ)
พิธีปลงศพ พฤ.ที่ 12 นี้ เวลา 10 น.
ณ โบสถ์พระมหาไถ่ ซ.ร่วมฤดี

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า



รวมบทกลอนของ  share  คลิกเลยครับ
http://www.khonphutorn.com/index.php/topic,6282.msg18780/topicseen.html#msg18780
คะแนนน้ำใจ 12769
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,391
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2559, 05:42:09 PM »

Permalink: Re: มะลิ โดย อุชเชนี
ไม่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องให้เรืองร่า
    ทำมารยาสวมหน้ากากให้ยากเห็น
        เพียงยิ้มไว้ใสสะอาดปราศเล่ห์เร้น
              พึงบำเพ็ญยิ้มให้จากใจจริง

ไม่เกลียดโกรธร้ายโลดโหดสาหัส
    โลภสารพัดอยากได้ไปทุกสิ่ง
        แม้นเมตตากรุณาไม่ทอดทิ้ง
            ใจจะนิ่งสงบล้ำฉายฉ่ำทรวง

ถอดหน้ากาก, ไม่มีเรา, ไม่มีเขา
    มีแต่พระเป็นเจ้า ณ แดนสรวง
        พระสถิตทุกสถาน, กาลทั้งปวง
            จงรู้ห่วงรู้หาเอื้ออาทร

รู้แบ่งปันสารพันแก่เพื่อนมนุษย์
    จิตพิสุทธิ์ห่วงใยไม่ถอยถอน
        “รัก, รับใช้ผู้อื่นเถิด” พระบิดร
            จักทรงเห็นและอวยพร  “ให้เสรี”


อุชเชนี
23 กุมภาพันธ์ 2009
บันทึกการเข้า



รวมบทกลอนของ  share  คลิกเลยครับ
http://www.khonphutorn.com/index.php/topic,6282.msg18780/topicseen.html#msg18780
คะแนนน้ำใจ 12769
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,391
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2559, 03:36:14 PM »

Permalink: Re: มะลิ โดย อุชเชนี
คารวาลัยแด่ อุชเชนี
อ่านบทสัมภาษณ์จากโลกหนังสือฉบับนี้ (ปีที่ 3 ฉบับที่6 มีนาคม 2523)
ระลึกถึงกวีโรแมนติคท่านนี้ผู้กลับคืนสู่อ้อมแขนพระเจ้าไม่กี่เพลานี้เอง
เคยเป็นอาจารย์ - ศิษย์ ณ สำนักเทวาลัย

บทสัมภาษณ์พาดพิงถึงจิตร หลายตอนด้วยความทึ่ง



โลกหนังสือ  : เคยเป็นอาจารย์สอนจิตร ภูมิศักดิ์ ใช่ไหม ตามสายตาแล้วช่วงนั้นแกเป็นคนอย่างไร
อุชเชนี       : แกเป็นคน..เป็นคนน่าสงสารมาก ดิฉันว่าแกเป็นนักเรียน เป็นนักศึกษา เป็นผู้คงแก่เรียน
                       เป็นคนที่...เป็นนักค้นคว้า เป็นนักวิจัย เป็นคนที่ไม่ได้พอใจแต่เพียงเล็คเชอร์ของอาจารย์
                       แกจะไปหาอะไรต่ออะไรมาเพิ่มเติมของแก และตอนที่แกหามาเพิ่มเติม บางทีก็เกินไปกว่าที่อาจารย์หามา
                       และอันนี้ดิฉันถือว่าอันตราย แกจะมีอะไรมายันว่า นี่ผมค้นมา พอเจอไอ้นี่ มันก็ยากที่ผู้ใหญ่จะรับหรือบางทีก็....
                       เราต้องเข้าใจว่าการเรียนวรรณคดี คำบางคำ มันเป็นเรื่ีองของการสันนิษฐานว่าไอ้นี่มาจากนั่น
                       ไอ้นี่คงคือคำนั้นนั่นเอง อะไรอย่างนี้

                       เมื่อเราได้รับการสอนมาแบบนั้น เด็กๆทั่วไปก็คงเข่้าใจ และเวลาเราตอบข้อสอบ เราก็จะตอบไปตามนั้น
                       ทีนี้ถ้าหากว่าเกิดมีคนไปค้นมาอย่างจริงจังและสามารถตอบได้ว่า คำนี้นั้นคืออะไร ก็เห็นว่าจะเสียหน้าที่ถูกแย้ง
                    
                       ...นี่ อันทำพิษ (อุชเชนีเปิดให้ดูบทกลอนที่ชื่อ "ในนิมิต")
                       "กลีบกุหลาบฉาบชมพูพรูพรั่งฟ้า" ที่ดิฉันเรียกว่า "อันทำพิษ" เพราะว่าอันนี้เป็นอันที่คุณจิตร ภูมิศักดิ์
                       ขอไปลงในหนังสือมหาวิทยาลัยแล้วเธอถูกโยนบก ไอ้กลอนอันนี้ที่คุณจิตรขอก็ถูกเซ็นเซอร์ด้วย
              
                       " เมื่อขอบฟ้าพร่าพราวหลาวทองทาบ  พุ่งปลายปราบทะลวงถิ่นทมิฬถอย
                         ความมืดแมกแหลกเรื้อไม่เหลือรอย    หทัยพร้อยแสงชมพรากสว่างพราว"

                        อู๊ (ขึ้นเสียงสูง) เขาเห็นชื่อดิฉัน เขาก็คงเซ็นเซอร์แล้ว
                        ตอนนั้นเป็นอาจารย์ที่จุฬา  เขาคงเห็นนามปากกาก็ไม่เอาแล้ว ไม่อ่านด้วยซ้ำว่าเราพูดอะไร

                       ส่วนที่คุณจิตรแกเขียน ก็มีพูดถึงพระสงฆ์ คุณจิตรก็วิจารณ์พระสงฆ์
                       คนที่ไม่อ่านบทความทั้งหมด..ขีดเส้นใต้แดงๆตรงนั้่นแล้วเอาตรงนั้นไปประณาม
                       ไม่ดูบ้างว่า ข้างบนเขาพูดมาอย่างไร
        
                       คือคุณจิตร เป็นคนเขียนทุกอย่างๆมีเหตุมีผล ไม่ใช่นึกอยากเก็บพระมาด่า มันไม่ใช่อย่างนั้นร
                       ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคารพ เขาเพียงแต่พูดเรื่องจริง

                       ....คนเราลงว่าอยากจะหาเรื่อง มันก็ง่ายนิดเดียว หยิบตรงไหนขึ้นมานิด..
                       แล้วคนพวกนี้เรียกว่าอ่านหนังสือไม่เป็น ไม่ดูทั้งความ เอะอะก็มาจับนิดหนึ่งแล้วก็มาว่่า....


                
                      ป่านนี้ อาจารย์และศิษย์คู่นี้คงได้เจอกันแล้ว

kulapha http://www.reurnthai.com/
บันทึกการเข้า



รวมบทกลอนของ  share  คลิกเลยครับ
http://www.khonphutorn.com/index.php/topic,6282.msg18780/topicseen.html#msg18780
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: