Korakod Tongkachok
กรณีรถคันแดง และคันดำเป็นพยายามทำร้ายร่างกายหรือไม่
กรณียาริสสีแดงขับรถชนกระบะสีสีดำ ยาริสมีความผิดตามพรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552 มาตรา 43(4) ห้ามไม่ให้ ขับรถโดยประมาท.....
ผู้ขับขี่รถยาริสสีแดงรับโทษ ตามมาตรา 157 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สี่ร้อยบาทถึงหนึ่งพันบาท
ส่วนในทางแพ่งก็ชดใช้ค่าเสียหายกับรถคู่กรณีกระบะสีดำ และหากผู้ขับรถยาริสแดงชำระค่าปรับกับพนักงานสอบสวน
ก็ทำให้ให้คดีอาญาในส่วนค่าปรับเลิกกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 37(3)
แต่ในส่วนของรถยนต์กระบะสีดำ ไม่ได้มีความผิดฐานประมาทตามพรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552
มาตรา 43(4) แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยเจตนาประสงค์ต่อผลทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย
มาตรา 358
“ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” โดยเป็นความผิดอันยอมความได้ หากคู่กรณีผู้ขับขี่รถยาริสแดงไม่ดำเนินคดีก็ไม่สามารถนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
แต่หากผู้ขับขี่รถยาริสแดงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุด
ยกเว้นผู้ขับขี่รถยาริสแดงยอมความในภายหลังก็ทำให้คดีอาญาฐานเจตนาทำให้เสียทรัพย์เลิกกันได้
อย่างไรก็ตามกรณีผู้ขับขี่รถกระบะสีดำหากได้ถอยหลังอย่างแรงชนเพื่อชนรถยาริสสีแดง ในกรณีที่ผู้ขับขี่รถยาริสแดง
พึ่งขึ้นไปขับรถอาจเป็นเจตนาเล็งเห็นผลทำให้ผู้ขับรถยาริสสีแดงได้รับบาดเจ็บ เพราะถอยหลังชนด้านหน้ารถยาริสซึ่ง
เป็นรถขนาดเล็กถึงสองครั้ง แสดงให้เห็นว่าเป็นความผิดฐานเจตนาทำร้ายร่างกายโดยเล็งเห็นผล
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
“ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” แต่เมื่อผู้ขับขี่รถยาริสแดงไม่ได้รับบาดเจ็บก็จะเป็นความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตา 80 รับโทษสองในสามของมาตรา 295
ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ผู้ขับขี่รถยาริสแดงไม่ต้องร้องทุกข์ดำเนินคดีเองก็ได้
หากเจ้าหน้าที่รัฐทราบก็สามารถกล่าวโทษกับผู้ขับขี่รถ กระบะสีดำในความผิดฐานนี้เองได้
กรณีเมื่อเกิดเหตุผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ออกมาพูดให้คนอื่นฟังว่า
ผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งเป็นฝ่ายขับขี่รถไปชนท้ายรถยนต์กระบะและกล่าวว่าตนเองถูกผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งข่มขู่ด้วย
ซึ่งเป็นความเท็จและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งได้รับความเสียหายจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม
โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และหากนำมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต
ก็จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
และเป็นความผิด ซึ่งทั้งสองฐานเป็นความผิดยอมความได้หากผู้ขับขี่รถยาริสแดงไม่ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
ก็ไม่สามารถนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
นอกจากนั้นหากมีการนำข้อความมาใส่ความผู้ขับรถยาริสแดงทางสื่อหรือเฟสบุ๊คก็จะผิดตาม พ.ร.บ.
ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ตามมาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์..
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนซึ่งกรณี
มาตรา 14 พรบ.คอมฯเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน หรือยอมความไม่ได้ แม้ผู้ขับขี่รถยาริสแดงจะไม่ติดใจดำเนินคดีในฐานนี้
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐทราบแล้วก็ต้องดำเนินคดีอาญาตาม พรบ.คอมฯ ซึ่งไม่สามารถยอมความได้
ในส่วนแพ่งผู้ขับขี่รถกระบะดำต้องชดใช้ค่าเสียหายกับรถยาริสแดง ให้กลับสู่สภาพเดิม
พร้อมด้วยค่าเสียหายในคดีใส่ความต่อผู้ขับขี่รถยาริสแดงด้วย