ต่อไป →

[น้องนก]

วิธีแก้อาการเมาค้างอย่างได้ผล กินเหล้าเบียร์เยอะๆทีไร ปวดหัวทุกที

"อาการเมาค้าง" เป็นอาการที่สุดแสนทรมานจะอ้วกก็อ้วกไม่ออก กินข้าวก็กินไม่ลง นั่งผะอืดดผะอมอยู่อย่างนั้นทั้งวัน บางคนเป็นหนักๆก็จะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย

1. ต้องหาอะไรร้อนๆมากินบ้าง

เข้าใจนะวันคนที่เมาค้างอยู่นั้นมันไม่ค่อยอยากจะกินอะไร กินไม่ลง มันอยากอ๊วกมากกว่า แต่ถ้าเราไม่หาอะไรมากินเลย เราก็จะเมาค้างอยู่อย่างนั้นไปทั้งวันไม่หายสักที เพราะฉะนั้นให้ไปหาพวกโจ๊ก ข้าวต้ม หรือน้ำซุปร้อน มากินมาซดให้มีอะไรตกถึงท้องบ้าง อาการเมาค้างจะได้หายไปสักที อ้อ!!! ลืมบอกไปว่าอย่ากินของที่มันมันมากๆนะ เพราะมันจะยิ่งทำให้เราผะอืดผะอมมากขึ้น อาจทำให้เรารู้สึกแย่ไปมากกว่าเดิมได้

2. น้ำหวานช่วยชีวิต

เวลาที่เราเมาค้างหนักๆ เราควรจะหาพวกน้ำหวานมาดื่ม เพื่อเพิ่มพลังงานและน้ำในร่างกายที่ถูกดูดออกไปจากฤทธิ์ของแอลกอฮอร์ และถ้าเป็นน้ำหวานที่รสเปรี้ยวผสมอยู่ด้วยจะดีมากๆ น้ำมะนาว น้ำส้มเปรี้ยวๆ น้ำมะขาม ควรเลือกเป็นน้ำผลไม้จะเหมาะกว่า ไม่ควรเลือกดื่มน้ำอัดลม เพราะมันจะเพิ่มแก๊ซเข้าไปในท้องเราทำให้เราอึดอัดมากกว่าเดิม หรือว่าจะใช้สูตรแกเมาค้างของคนเกาหลีก็ได้นะ โดยคนเกาหลีนิยมกินน้ำผึ้งเพื่อแก้อาการเมาค้างกัน กินกันไปสัก 1-2 ช้อนโต๊ะ รับรองว่าได้ความหวานไปแบบเต็มแน่นอน

3. น้ำสมุนไพร น้ำขิง น้ำมันดอกคำฝอยช่วยได้เยอะ

อีกสูตรแก้เมาค้างที่ใช้ได้ผลไม้แพ้สูตรอื่นก็คือ ให้เราไปหาน้ำขิง น้ำชา หรือน้ำผสมน้ำมันดอกคำฝอยร้อนๆมาดื่ม ค่อยๆจิบไปทีละนิด อย่าดื่มรวดเดียวหมด เพราะถ้าดื่มรวดเดียวหมดมันจะไม่ค่อยได้ผล นั่งมึนไปก็จิบไป สามารถดื่มได้เรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกว่าอาการเมาค้างของเราดีขึ้น

4. แปะก๊วยลดเมา

มีการวิจัยจากต่างประเทศบอกไว้ว่า แปะก๊วยสามารถช่วยขจัดฤทธิ์ของแอกอฮอร์ในร่างกายเราให้สลายไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมกินแป๊ะก๊วยเป็นกับแกล้มเวลาที่ดื่มเหล้าเบียร์เพื่อสังสรรค์กัน เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่อยากเมาค้างอาจลองกินแปะก๊วยเป็นกับแกล้มดูบ้างก็ได้ หรือจะกินหลังจากที่เมาค้างไปแล้วก็ได้ผลดีไม่แพ้กัน ลองดูนะคะ

5. ปวดหัวต้องแอสไพริน

บางคนอาการเมาค้างอาจรุนแรงถึงขนาดทำให้ปวดหัว ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวกันเลยทีเดียว ถ้าปวดมากก็ต้องหายามากินแก้ปวด และยาที่ใช้แก้ปวดตอนเมาค้างนั้นควรเป็นยาแอสไพริน ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลแก้ปวดเพราะมันจะไปรวมตัวกับแอกอฮอร์ในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลให้ตับเรามีปัญหาได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :http://healthbeautydd.blogspot.com/
ขอขอบคุณภาพจาก : INTERNET

[น้องจ๋า น้องจ๋าจ้า]

1163