วิธีขจัดไรฝุ่น ฟื้นฟูภูมิแพ้ให้เลิกแพ้

วิธีขจัดไรฝุ่น ฟื้นฟูภูมิแพ้ให้เลิกแพ้
คุณเป็นคนหนึ่งที่ตื่นเช้าพร้อมอาการคัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ แถมจามเป็นประจำ บางทีมีน้ำตาไหล คันตาจนตาบวม
หรือเป็นผื่นคัน ลมพิษโดยไม่ทราบสาเหตุหรือเปล่า

อาการเหล่านี้อาจเกิดจากไรฝุ่นตัวร้ายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฝังตัวสร้างอาณาจักรอยู่ใน
ห้องนอน ในผ้านวมอันอ่อนนุ่มที่คุณใช้ห่ม และหมอนที่หนุนนอนทุกคืน แล้วจะทำอย่างไรให้ห่างไกลจากไรฝุ่น วิธีปฏิบัติง่ายๆ มีดังนี้

1. คลุมเครื่องนอนด้วยวัสดุกันไรฝุ่นก่อนปูผ้าปูที่นอน ใส่ปลอกหมอน ชนิดที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยม
คือ ผ้ากันไรฝุ่นชนิดทอแน่น (Woven) มีขนาดรูผ้าเล็กกว่าไข่ตัวไรฝุ่นและมูลของมัน
จึงช่วยให้ไรฝุ่นไม่สามารถลอดรูผ้าขึ้นมาได้ ซึ่งขนาดที่ทางการแพทย์แนะนำ คือ ขนาดรูผ้าไม่ควรใหญ่กว่า 10 ไมครอน
เส้นใยถักทอเป็นระเบียบ ไม่ใช้สารเคมีใดๆ ซึ่งอาจเป็นอันตราย สามารถซักด้วยมือหรือเครื่องซักผ้าได้

2. ทำความสะอาดเครื่องนอนในน้ำร้อนทุก 1 - 2 สัปดาห์
ในกรณีใช้เครื่องซักผ้า ให้ตั้งอุณหภูมิของน้ำร้อนเป็น 60 องศาเซลเซียส ใช้เวลาซักนาน 20 นาที
สำหรับการซักด้วยมือ นำผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนใส่กะละมัง (ไม่ควรใช้กะละมังพลาสติก)
เทน้ำร้อนต้มเดือด 100 องศาเซลเซียส ราดลงไปให้ท่วม แช่ทิ้งไว้จนน้ำเย็นค่อยเทน้ำทิ้ง แล้วซักตาม

3. เลือกใช้เครื่องนอนที่เหมาะสม
ที่นอน ไม่ว่าทำจากวัสดุอะไรก็ตาม เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะมีตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่ทั้งนั้น มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่น ที่นอนยิ่งหนาจะมีไรฝุ่นมากกว่าที่นอนบาง เวลาการใช้งาน ยิ่งนานเท่าไร ก็จะเป็นแหล่งรวมไรฝุ่นมากเท่านั้น
ยิ่งสกปรกยิ่งมีไรฝุ่นมาก ดังนั้นอย่าไปหลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ Allergenic หรือมีสารไมโครแบน (Microban)
สามารถป้องกันไรฝุ่นได้ ควรใช้ผ้าหุ้มป้องกันไรฝุ่นหุ้มภายนอกอีกผืนหนึ่งเสมอ
หมอน ควรใช้หมอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ หรือดาครอน ไม่ควรใช้หมอนที่ทำจากฟองน้ำหรือนุ่น
และซักปลอกหมอนทุกสามเดือน

ผ้านวม เลือกไส้ที่เป็นใยสังเคราะห์ และสามารถซักในน้ำร้อนได้
ผ้าห่ม ไม่ควรเลือกชนิดที่เป็นผ้าขนหนูหนาๆ หรือทำจากขนสัตว์
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน เลือกชนิดที่ซักได้ในน้ำร้อน เช่น เนื้อฝ้ายล้วน

4. ตกแต่งห้องให้ถูกหลัก
เลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่บุด้วยผ้า ให้เลือกชนิดที่ทำจากไม้ หนังหรือหนังเทียม และจัดแต่งห้องเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น
เพื่อสะดวกต่อการทำความสะอาด ไม่ควรปูพื้นด้วยพรม มีตุ๊กตาขนฟู หรือหมอนอิง ผ้าม่านควรเลือกแบบบางที่ง่ายต่อการซัก
หรือใช้มูลี่แบบแนวตั้งซึ่งสะสมฝุ่นน้อยกว่าแนวนอน

5. หมั่นทำความสะอาดห้องเป็นประจำ
วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรถูด้วยผ้าหมาดๆ ที่ชุบน้ำยาทำความสะอาด 1 - 2 รอบโดยไม่ต้องกวาด
เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นและไรฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นจากพื้น หากจะใช้เครื่องดูดฝุ่น ควรเลือกที่มีแผ่นกรองชนิด High Efficiency
Particulate Filters (HEPA) ซึ่งสามารถกรองไรฝุ่นไม่ให้ฟุ้งออกมาจากถุงเก็บฝุ่น

6. เลือกเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ
อย่าหลงเชื่อโฆษณาเครื่องปรับอากาศที่สามารถฟอกอากาศได้ เพราะระบบฟอกอากาศที่ติดมานั้นส่วนมากมีขนาดเล็ก
ประสิทธิภาพย่อมด้อยกว่าเครื่องฟอกอากาศที่แยกออกมาเป็นเครื่องต่างหาก
ขนาดของแผ่นกรองควรเลือกที่มีขนาดใหญ่
มีค่า Clean Delivery Rate (CADR) สูง ซึ่งหมายความว่าสามารถกรองอากาศให้บริสุทธิ์ได้เร็ว
ควรเป็นระบบแผ่นกรอง HEPA ที่ไม่ปล่อยประจุบวก ประจุลบหรือโอโซนออกมา
ทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่น ของเครื่องปรับอากาศทุก 1 - 2 สัปดาห์ และล้างเครื่องปรับอากาศทุก
3 - 4 เดือน

KBeautifullife