-/> มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส  (อ่าน 4965 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 08:41:37 AM »

Permalink: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส






มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส


มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส
เพราะความเคยชินของร่างกาย ทำให้หลายคนมองข้ามความมหัศจรรย์ต่างๆ ของร่างกาย...
 รู้หรือไม่ว่าร่างกายของเรามีความมหัศจรรย์อย่างไร ลองตาม ไปค้นหาคำตอบกันดูค่ะ

มหัศจรรย์ ตุ่มรับรส
    รส คือ ความรู้สึกตอบสนองทางประสาทสัมผัสที่เรารู้สึก เมื่ออาหาร ของเหลว ของแข็ง หรือสิ่งต่างๆ
 ถูกบดเคี้ยวไปกับน้ำลายในปาก ละลายไปสัมผัสกับตุ่มรับรสบนผิวลิ้นหรือบริเวณปากและคอ
    ตุ่มรับรสส่วนใหญ่พบที่ด้านหน้าและด้านข้างของลิ้น ส่วนบนของต่อมทอนซิล เพดานปาก และหลอดคอจะพบเป็นส่วนน้อย
 โดยปกติทั่วไปพบว่า ตุ่มรับรสมีอย่างน้อยที่สุด 4 ชนิด นั่นคือ รสหวาน รสเค็ม รสขม และรสเปรี้ยว
 ซึ่งการรับรู้รสชาติต่างๆ นี้ ถือเป็นปฏิกิริยาทางเคมี คือ เมื่ออาหารเข้าสู่ปากจะทำปฏิกิริยาเคมี
 กระตุ้นต่อมรับรสให้รับรู้รสชาติอาหารนั้นๆ แล้วส่งความรู้สึกผ่านเส้นประสาทสมองเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง
 เพื่อแปลความหมายว่าอาหารนั้นมีรสชาติอย่างไร รวมทั้ง ความรู้สึกร้อนเย็นด้วย

แต่ก็ใช่ว่าแต่ละคนจะรู้สึกขม หวาน เปรี้ยว เค็ม เท่ากัน เพราะคนส่วนใหญ่จะเกิดมาพร้อมกับความรู้สึกชอบไม่ชอบ
 ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงความชอบเท่านั้น แต่พฤติกรรมดังกล่าวยังเกิดมาจากสาเหตุสำคัญ 5 ประการ นั่นคือ

พันธุกรรม หรือ Genetics ตัวอย่างเช่น บางคนอาจมีตัวรับรสขมจำนวนมากหรือมากกว่าคนอื่นๆ
 ปกติก็จะรู้สึกขมมาก เช่น กินผักทั่วไปก็อาจจะรู้สึกขมมากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มักมีแนวโน้มไม่ชอบกินผัก
หรือหลีกเลี่ยงการกินผักที่มี รสขม เป็นต้น

ประสบการณ์ โดยเฉพาะประสบการณ์ที่เกิดมาจากการปลูกฝังภายในครอบครัว
เช่น อาหารฝีมือพ่อแม่หรือการฝึกให้รู้จักเลือกทานอาหารตั้งแต่เด็ก ก็จะกลายเป็นพฤติกรรมติดตัวไปจนโต
และกลายเป็นความชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะชอบรสชาติอาหารที่เคยชินมาตั้งแต่เด็ก ดังเช่น
 เด็กส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักไม่ชอบกินอาหารรสจัด ไม่กินพริก ไม่กินผัก
 ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของการติดรับประทานอาหารรสอ่อนมาตั้งแต่เด็ก
รวมทั้งการเข้ามาของวัฒนธรรมอาหารต่างชาติก็มีผลเช่นกัน

วัฒนธรรม วัฒนธรรมการกินของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก
 โดยเฉพาะในแง่ของเครื่องปรุง เครื่องเทศ ที่ทำให้รสชาติ กลิ่น ของอาหารมีความโดดเด่นต่างกัน
 และนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเคยชินให้กับพฤติกรรมการทานที่แตกต่างกัน เช่น คนไทยนิยมการกินอาหารรสจัด
 เผ็ด ร้อน เมื่อชาวยุโรปมากินอาหารไทยก็อาจรู้สึกเผ็ดร้อนมากกว่าด้วยความไม่เคยชิน เป็นต้น

เพศ ผู้หญิงมีแนวโน้มชอบอาหารรสหวานมากกว่าผู้ชาย เห็นได้จากพฤติกรรมการชอบกินของหวาน
 เค้ก ขนม ส่วนผู้ชายก็ชอบอาหารที่หนักเนื้อ เน้นปริมาณ

ผิวสัมผัสของอาหาร หรือความแข็ง เหลวของอาหาร เช่น บางคนชอบทานข้าวสวยร่วนๆ
 บางคนชอบข้าวนิ่มไปจนถึงเละ อาหารที่เป็นครีมข้น ครีมเหลว ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมความเคยชินและรสชาติทั้งนั้น

ส่วนความเผ็ดร้อนจากพริกหรืออื่นๆ นั้น ไม่ใช่การสัมผัสด้วยตุ่มรับรส แต่ความเผ็ดร้อนดังกล่าวจะไปกระตุ้น “เยื่อเมือก” ในปาก
ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “เผ็ดร้อน”

ทำไมเราถึงรู้สึกเผ็ด แซ่บ แสบสัน
    เพราะ “พริก” ไม่ได้กระตุ้นเพียงตุ่มรับรสภายในปากเท่านั้น แต่ยังกระตุ้น “เยื่อเมือก” ทั้งหมดในปากอีกด้วย
   เยื่อเมือก เป็นชั้นที่บุผิว ปกคลุมด้วยเนื้อเยื่อบุผิวที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการดูดซึมและหลั่งสาร เยื่อเมือก
จะอยู่ตามช่องว่างของอวัยวะที่ติดต่อกับสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและอวัยวะภาย ใน เยื่อเมือกหลายจุดจะเชื่อมต่อกับผิวหนัง
 เช่น เยื่อเมือกในรูจมูก ริมฝีปาก หู อวัยวะสืบพันธุ์ และทวารหนัก ช่องว่างภายในร่างกายที่พบเยื่อเมือกนี้
หมายรวมถึงส่วนใหญ่ของระบบทางเดิน หายใจด้วย ส่วนสารข้นเหนียวที่หลั่งออกมาจากเยื่อเมือกและต่อมต่างๆ จะเรียกว่า เมือก หรือ มูก
    เพราะฉะนั้น เวลากินอาหารที่มีรสเผ็ด จึงรู้สึกเผ็ดร้อนไปทั่วทั้งปาก แต่สำหรับบางคนที่หน้าแดง
จมูก แดง เหงื่อตก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ พริกมีสาร “แคปไซซิน” ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้รู้สึกเผ็ดร้อนกระจายอยู่
 ทุกส่วนของผลพริก ส่วนที่พบมากที่สุดหรือเรียกได้ว่าเผ็ดที่สุด คือ ส่วนของรากและส่วนของไส้ซึ่งเป็นที่เกาะของเม็ดนั่นเอง
ส่วนเม็ดและเปลือกมีปริมาณแคปไซซินน้อยกว่าส่วนอื่นๆ
    สารแคปไซซิน จะทำหน้าที่ขยายหลอดเลือด ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
 แล้วยังกระตุ้นประสาทในร่างกายทั้งหมดให้ทำงานอย่างแข็งขันอีกด้วย ทำให้เวลาที่เรากินเผ็ด
 ร่างกายจึงร้อนขึ้นและมีเหงื่อออกมากนั่นเอง
   แล้วรู้หรือไม่ว่า? การดื่มนมหรือเบียร์จะช่วยให้หายเผ็ดได้ดีกว่าการดื่มน้ำ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสาร
 แคปไซซินสามารถละลายได้ดีในสารละลายจำพวก แอลกอฮอล์ อีเทอร์ และไขมัน แต่ไม่ละลายในน้ำนั่นเอง

อ๊ะ อ๊ะ พูดระหว่างทาน ระวังอาหารออกจมูกนะ
    อาการสำลักอาหารออกจมูกมักพบในเด็กที่เพิ่งเกิด ส่วนใหญ่จะเป็นการสำลักนมหรืออาหาร ทั้งนี้เป็น
 เพราะอวัยวะทางเดินหายกับทางเดินอาหารยังไม่ปิดหรือแยกออกจากกันสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อลูกสำลัก คุณพ่อ
 คุณแม่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการตะแคงหน้าเด็กเพื่อป้องกันการสำลัก หรือลดความเสี่ยงที่อาจทำให้มีนม
หรือเศษอาหารลงไปติดในหลอดลม และขณะที่ป้อนน้ำหรือนมก็ควรนอนยกหัวให้สูงขึ้นเพื่อช่วยป้องกันการสำลัก

   รู้หรือไม่ การสำลักอาหารก็เกิดกับผู้ใหญ่อย่างเราๆ ได้เช่นกัน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำกิจกรรม หลายๆ อย่าง
ขณะทานอาหาร เช่น ทานไปพูดไป หัวเราะ เดิน วิ่ง หรือแม้แต่การก้มหรือนอน ฯลฯ อาจส่งผลให้เกิดการสำลักเศษอาหารติดคอ
เป็นอันตรายถึงชีวิต หรืออาจมีอาการเหมือนเด็กแรกเกิดดังที่กล่าวไปข้างต้น นั่นคือ สำลักอาหารออกจมูก   
หลายคนมีประสบการณ์สำลักออกจมูกที่เลวร้าย เช่น สำลักจนเส้นบะหมี่ออกมาทางจมูก บ้างก็สำลัก อาหารที่มีรสจัด
เผ็ดร้อน ออกมาทางจมูก ทรมานไปนานหลายวัน อาการดังกล่าวมักเกิดจากการที่พูดขณะทานอาหาร
หรือทำกิจกรรมอื่นซึ่งทำให้รู เปิด-ปิด หลอดลม ซึ่งจะเปิดขณะที่เราพูด เปิดออกขณะที่กลืนอาหาร
ทำให้มีเศษอาหารบางส่วนหลุดเข้าไปในหลอดลมทำให้เกิดการต่อต้านและสำลักออกมา ทางจมูกในที่สุด

รู้แบบนี้แล้ว ก็ลด ละ เลิก พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เศษอาหารหลุดเข้าไปในหลอดลมนะคะ
เพราะไม่เพียงแค่จะสำลักเท่านั้น หากเศษอาหารหลุดรอดไปถึงปอดล่ะก็ อาจเกิดโรคเกี่ยวกับปอดเป็นอันตรายถึงชีวิตเชียวนะคะ

KBeautifullife



บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:07 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:16 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:23 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #4 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:32 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #5 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:40 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #6 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:48 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #7 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 09:18:55 AM »

Permalink: Re: มหัศจรรย์แห่งประสาทสัมผัส

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: