-/> อาฆาต พยาบาท

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: อาฆาต พยาบาท  (อ่าน 932 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 5091
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลบอร์ดมีความคิดสร้างสรรค์นักอ่านยอดเยี่ยมนักโพสดีเด่นนักโพสยอดเยี่ยม
กระทู้: 284
ออฟไลน์ ออฟไลน์
อีเมล์
   
« เมื่อ: 30 เมษายน 2566, 10:52:37 AM »

Permalink: อาฆาต พยาบาท






..... เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นเมื่อ เดือน มี.ค.2529 ซึ่งผ่านมา 37 ปีแล้ว ชื่อสถานที่อาจจะจำผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็ขออย่าให้ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญนะครับ
           เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างการฝึกภาคสนามของนักเรียนนายสิบทหารบก เหล่าทหารราบ รุ่นที่ 4/2528 หรือ 18/28 (นนส.ทบ. เหล่า ร.) ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี ค่ายธนรัตน์ อ.ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
        ห้วงการฝึกภาคสนามนี้เป็นการฝึกการรบทางยุทธวิธีของทหารราบ ก่อนจบการศึกษา ของนักเรียนนายสิบ จำนวน 10 กองร้อย 800 นาย การเดินทางเข้าพื้นที่ฝึกจะใช้การเดินทางไกล จาก ที่ตั้งของโรงเรียนนายสิบทหารบก ไปยังพื้นที่ฝึก บริเวณเขานกกระจิบ เขาปากทวาร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโรงเรียนฯ ระยะทางเดินประมาณ 10 กม.



         เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่ฝึก ก็จะทำการจัดวางตำแหน่งที่พักของผู้เข้ารับการฝึกตามลำดับกองร้อย เป็นรูปวงกลม เนื่องจากห้วงการฝึกเป็นระยะเวลาที่นานประมาณ 1 เดือน ที่พักของนักเรียนฯ จึงไม่ใช้วิธีการนอนในเต็นท์สนาม แต่จะใช้การให้นักเรียน ช่วยกันสร้างกระท่อมสำหรับพัก ตามอัตรา 1 กระท่อม/ 4 นาย

      สภาพพื้นที่พักจะเป็นป่าดิบแล้ง สลับกับป่าต้นอ้อ ต้นพง ซึ่งบริเวณที่เป็นป่าอ้อ ป่าพงจะมีสภาพรกมาก
         เรื่องนี้เกิดจากการที่นักเรียนนายสิบฯ ต้องตัด ถาง ถาก ปรับพื้นที่ในการสร้างกระท่อม และไปตัดไม้เพื่อทำเป็นเสา เป็นรอด แปร ตลอดจนตัดต้นอ้อ ต้นพง มาทุบให้แบนแล้วมาสานขัดแตะเพื่อทำเป็นข้างฝากระท่อมที่พัก


       มีนักเรียนนายสิบกระท่อมหนึ่งซึ่งได้รับมอบให้สร้างกระท่อมอยู่ตรงพื้นที่ที่มีจอมปลวกอยู่ จึงได้ทำการขุดปรับจอมปลวก ปรากฏว่าขุดไปเจอรังงูเห่าตัวใหญ่ นอนกกไข่อยู่ นักเรียนนายสิบฯ ชุดนั้น จึงได้ทำการตีงูเห่าจนตาย และนำไปประกอบอาหารในมื้อเย็น ของวันนั้น โดยการแกงงูเห่า ส่วนไข่งูเห่าก็ต้มกิน

         ตกมากลางคืนของวันนั้น เวลาประมาณสามทุ่ม ซึ่งเป็นเวลานอนพักผ่อนของนักเรียนฯ ได้มีงูเห่าตัวใหญ่ขึ้นไปที่กระท่อม แล้วมุดหัวเข้าไปซุกในกางเกงขาสั้นของเพื่อนคนที่ฆ่างู แล้วตัวก็พันขาซ้ายไว้ (จังหวะนอนหงายและชันเข่าซ้ายพอดี) งูเห่าไม่ได้กัดในทันที เพื่อนคนนั้นก็รู้ตัวพอดี เลยบอกเพื่อนที่นอนกระท่อมเดียวกันว่ามีตัวอะไรมามุดกางเกง เพื่อนๆ จึงใช้ไฟฉายส่องดู จึงเห็นว่าเป็นงูเห่าตัวสีดำขนาดประมาณข้อมือ ตัวพันขาซ้าย ส่วนหัวมุดอยู่ในกางเกง จึงบอกให้เพื่อนนอนนิ่งๆ ไว้ ห้ามกระดิกตัวเดี๋ยวงูเห่าตกใจจะกัดเอา
        เพื่อนอีกคนจึงได้ไปแจ้งกับครูเวร และครูเวรได้รายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป  จากนั้นก็มีรถพยาบาล มีการเตรียมเซรุ่มงูไว้  สถานการณ์เคร่งเครียดมาก เนื่องจากงูซุกหัวอยู่ในกางเกง และพันขา ไม่รู้จะจับงูออกมาได้อย่างไร เพื่อนคนนั้นก็นอนนิ่งหน้าซีด เกร็งด้วยความกลัว
          เหตุการณ์นี้ผ่านไปจนตีหนึ่ง เมื่อเห็นว่างูเห่าตัวนี้ไม่มีทีท่าจะคลายตัวออกมา จึงตัดสินใจว่าคงต้องเสี่ยงจับงูออกมาได้แล้ว จึงหาคนที่อาสาจะจับงูเห่าตัวนั้น
          ได้มีเพื่อนนักเรียนนายสิบซึ่งเคยจับงูอาสาเป็นผู้จับงู   ก็ดำเนินการจับงูนั้นออกมาได้ แต่ผลการปฏิบัติปรากฏว่า คนที่โดยงูมาซุกหัวนอนไม่โดนงูเห่ากัด แต่คนที่ไปช่วยจับงูออกมาโดนกัด แต่ก็ได้รับการฉีดเซรุ่มในทันที จึงปลอดภัย

        สรุปลุ้นเอาใจเพื่อนๆ จนถึงตีสองจึงได้นอน
           เคยได้ยินคำโบราณสอนว่า “งูนั้นเป็นสัตว์อาฆาต พยาบาทที่แรงมาก จนมีคำสอนว่าถ้าตีงูต้องตีให้ตาย อย่าตีให้แค่บาดเจ็บสาหัสแล้วปล่อยหนีไปได้  ไม่งั้นจะถูกงูมาไล่ล่าเอาคืน”   เรื่องนี้จะเป็นไปตามคำโบราณกล่าวไว้หรือไม่ ท่านผู้อ่านลองคิดดูครับ.....









    
บันทึกการเข้า

♪♪♪ รวมผลงาน ของพงศภัค  http://www.khonphutorn.com/index.php/topic,16566.msg39174.html#msg39174
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต เพลงจากยูทูป
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: