ถีบฉันหน่อยซิ
“อะไรเอ่ย..... นั่งรถก็เร็วเกินไป ถ้าเดินก็ช้าไป” ?…หลายท่านคงหาคำเฉลยไม่ได้ใช่ไหมเอ่ย
คำตอบคือ
“จักรยานไงครับ”สมัยก่อนคนไทยรุ่นเก่าๆหรือพี่น้องสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเรียกขานพาหนะชนิดนี้ว่า
“รถถีบ” ถือเป็นยานพาหนะที่พาไปได้ทุกที่ ไม่ว่าสภาพถนนหนทางจะเป็นอย่างไร
จักรยานถือกำเนิดเมื่อราว 120 ปีก่อนในยุโรป ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกับตราบเท่าทุกวันนี้ว่าอิตาลี, ฝรั่งเศส
หรือเยอรมันกันแน่ ที่เป็นต้นตำรับ มีตำนานบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย เริ่มต้นสมัยแรกๆ จักรยานจะมีล้อหน้าล้อหลังใหญ่ไม่เท่ากัน
แกนถีบจะอยู่ที่ล้อหน้าและกินแรงมาก แถมมีราคาค่อนข้างสูง จึงมีใช้เฉพาะในกลุ่มคนมีฐานะ
แต่ต่อมาก็พัฒนาแพร่ขยายจนได้รูปลักษณ์แบบที่เห็นทุกวันนี้ และกลายเป็นพาหนะสามัญที่คนทุกระดับสามารถมีไว้ครอบครองได้
ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ คนไทยหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย
(มีตัวเลขประมาณการคร่าวๆว่าในขณะนี้มีอยู่ประมาณ 5 แสนคน) และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลายคนเชื่อว่าการปั่นจักรยาน Bike for Dad และ Bike for Mom ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นประธานที่ปรึกษาใหญ่ริเริ่มขึ้นในปี 2558 ที่ผ่านมา
เป็นตัวช่วยจุดกระแสที่สำคัญอีกแรงหนึ่ง ทำให้กระแสการปั่นจักรยานพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทำให้ร้านขายจักรยานผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในทั่วประเทศแทบทุกจังหวัด
“สนามเขียว” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณขอบรอบนอกของสนามบินสุวรรณภูมิ
กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมที่คอปั่นจักรยานทั้งหลาย (โดยเฉพาะแนว Endurance) ต้องไปลิ้มลองสัมผัสบรรยากาศกัน
ระยะทาง 26 กม. อาจฟังดูว่ายาวไกลสำหรับมือใหม่ แต่สำหรับคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ ถือเป็นระยะทางกำลังดี
สำหรับการทดสอบสมรรถภาพของรถ และกำลังวังชาของผู้ขับขี่...
...คำถามที่หลายคนยังคาใจคือ “ทำไมต้องเป็นจักรยาน”
ในเมื่อเรามีรูปแบบการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพชนิดอื่นๆอีกมากมายให้เลือก ซึ่งใครชอบแบบไหนขึ้นกับจริต, อายุ,
สรีระร่างกาย และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย โดยสรุปแล้วการปั่นจักรยานมีข้อดีตรงที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลายส่วน
(ขา, หลัง, แขน, หน้าท้อง) ลดแรงกระแทกและสึกหรอต่อข้อเข่า (เมื่อเทียบกับการวิ่ง)
ข้อต่อมีการเคลื่อนไหวหลายส่วน ได้เดินทางท่องเที่ยวไปในตัว
ได้ความสุขจากการชื่นชมธรรมชาติและภูมิทัศน์สองฟากข้างทาง (การปั่นแบบ Touring)
ที่สำคัญที่สุด คือ เป็นกีฬาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จากการศึกษาพบว่า การปั่นจักรยานด้วยความเร็วปานกลางในเวลา 1 ชั่วโมง
เผาผลาญพลังงานได้ 400 – 600 แคลลอรี่
เมืองใหญ่ๆทั่วโลกหลายเมือง เช่น โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ค), อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์),
สตราสบูร์ก (ฝรั่งเศส) หรือ โบโกต้า (โคลอมเบีย) กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเมืองน่าขี่จักรยาน
เมืองเหล่านี้จะมี Bike land มีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกกับผู้ขี่จักรยานอย่างดี
บางเมืองประชากร 30-40% ใช้จักรยานเป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปทำงาน
มีการจำกัดความเร็วของรถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีประชากร 5.7 ล้านคน แต่มีจำนวนรถจักรยานถึง 12 ล้านคัน
ถือเป็นประเทศที่มีจำนวนจักรยานต่อประชากรสูงที่สุดในโลก ไต้หวันซึ่งเป็นประเทศในเอเซียที่เป็นเกาะ
มีทะเลล้อมรอบประกาศว่าจะทำให้ประเทศเป็น Island of Bicycle รัฐบาลไต้หวันส่งเสริมการปั่นจักรยานอย่างมุ่งมั่น
จริงจัง มีการสร้างเลนจักรยานทั่วประเทศนับพันกิโลเมตร
และกำหนดให้วันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปีเป็น “วันจักรยานแห่งชาติ”
มีการจัดแข่งขัน Tour de Taiwan มานานกว่า 10 ปีแล้ว
ซึ่งถือเป็นรายการปั่นจักรยานระดับโลกอีกรายการหนึ่ง...
...สิงคโปร์ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนเรา เริ่มสร้างที่จอดจักรยานหลายพันคันตามสถานีรถไฟฟ้า
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้จักรยาน ภายใต้แผนจักรยานแห่งชาติ (National Cycling Plan)
สิงคโปร์ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มโครงข่ายทางจักรยานให้ได้มากกว่า 700 กิโลเมตรภายใน 2030
บริเวณเกาะ Sentosa เกาะท่องเที่ยวที่คนไทยคุ้นเคยดี
มีจักรยานแบบหยอดเหรียญให้เช่าปั่นรอบเกาะและชมชายหาดได้ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆในสิงคโปร์ก็เช่นเดียวกัน
....ผู้สูงอายุหลายท่านที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, โรคอ้วน
เมื่อหันมาปั่นจักรยานอย่างสม่ำเสมอ อาการต่างๆก็มักจะดีขึ้น เยาวชนที่เคยเป็นโรคติดจอ
อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เมื่อหันมาปั่นจักรยานก็ทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น จิตใจแจ่มใส
การเรียนและการทำงานก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน
ผมมองว่า คนต่างจังหวัดมีความได้เปรียบคนในกรุงเทพในเรื่องนี้
เพราะสภาพถนนหนทางที่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่ รถยนต์ไม่แยะมากนัก
อุปสรรคสำคัญของการปั่นจักรยานคือความกลัวอุบัติเหตุรถล้ม, รถชน เนื่องจากเมืองไทย
ผู้ขับขี่ยานพาหนะทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ยังไม่เห็นคุณค่าและตระหนักถึงความงดงามและมิติทางสังคม
ด้านบวกของผู้ขี่จักรยานเหมือนในยุโรป, ไต้หวัน, สิงคโปร์ อย่างไรก็ดี หากเราปั่นจักรยานด้วยความระมัดระวัง
โดยเฉพาะการปั่นเป็นกลุ่มมีการเตรียมตัวที่ดี และในสภาพถนนที่เอื้ออำนวย
โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็จะลดน้อยลงไปแยะ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับชมรมจักรยานแห่งประเทศไทย
ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะการเดิน และการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน
(หมายเลขโทรศัพท์ 02-6184434) โดยมีการออกวารสารที่สามารถให้คำแนะนำและข้อมูลใหม่ๆ
รวมทั้งปฏิทินกิจกรรมประจำเดือน ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Email :
tcc@thaicyclingclub.org …จริงๆแล้ว เด็กกับจักรยานก็เป็นของคู่กัน การฝึกเด็กให้ขี่จักรยานได้เป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองควรใส่ใจ
ผู้ใหญ่บางคนขี่จักรยานไม่ได้ เพราะสมัยเด็กผู้ปกครองกลัวล้ม กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เด็กแต่ละกลุ่มแต่ละวัย
จะมีจักรยานที่ถูกออกแบบ ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เหมาะสมกับสรีระและส่วนสูง การพาเด็กไปปั่นตามเส้นทางชนบท
เลียบชายทุ่ง ชมนกชมไม้ เหมือนการได้ออกไปผจญภัยเล็กๆ
ทำให้เด็กไม่เบื่อและได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างไปจากในละแวกบ้านแบบเดิมๆ
...เป็นที่น่ายินดีว่า รัฐบาลไทยเริ่มหันมาใส่ใจและตอบสนองต่อกระแสการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพมากขึ้น
ล่าสุดพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ได้ขับเคลื่อนผ่านกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ให้ตั้งงบประมาณ 1,500 ล้านบาท
สร้างทางจักรยานที่ลาดด้วยแอสพัสต์ผสมยางพารา
ระยะทาง 184 กิโลเมตร จากหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปทุมธานี ไปอยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี
และไปจบที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะเป็นเลนจักรยานที่ยาวที่สุดในเอเซีย
ในส่วนต่างจังหวัด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ได้สนับสนุนงบประมาณ 1,200 กว่าล้านเพื่อพัฒนาเส้นทางจักรยานทั่วประเทศ
จังหวัดใหญ่ๆอย่างนครราชสีมา, เชียงใหม่, อุดรธานี ล้วนแล้วมีแผนพัฒนาเส้นทางในพื้นที่รองรับการปั่นจักรยานทั้งสิ้น
จังหวัดนครราชสีมามีแผนจะสร้างเส้นทางจักรยานระหว่างอำเภอวังน้ำเขียวผ่านเขาใหญ่ไปปากช่อง
จังหวัดเชียงใหม่มีแผนปรับปรุงเส้นทางในเขตเมืองเก่าและถนนนิมมานเหมินท์ เป็นเส้นทางจักรยาน
อีกเส้นเลียบคลองชลประทาน เทศบาลอีกหลายจังหวัดเริ่มจับมือกับเอกชนเปิดโครงการรถจักรยานสาธารณะ
ยืม คืน เพิ่มทางเลือกในการเดินทาง...
...คงไม่เกินเลยความจริงที่จะกล่าวว่า “จักรยาน” ไม่ได้มีมุมมองเพียงแค่มิติของการเดินทางอีกแล้ว
แต่กลายเป็นวิถีแห่งสุขภาพ การเข้าสังคม (ได้เพื่อนใหม่ๆ) ความทันสมัยและรสนิยมส่วนบุคคลที่เฉพาะตัวไปแล้วในขณะนี้
....ถีบฉันหน่อยซิ แล้วคุณจะไม่เสียใจผิดหวังเลย...
ขอบคุณที่มา หมอชาวบ้าน