ข้าวโพดคั่ว กับ สุขภาพ

ข้าวโพดคั่ว กับ สุขภาพ

ข้าวโพดคั่ว หรือ “ป๊อปคอร์น” เป็นอาหารว่างที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี มีขายตั้งแต่งานวัด ตลาดนัด ร้านชำ ร้านสะดวกซื้อ ถึงโรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า แถมยุคนี้มีหลายรสให้เลือกซื้อหามารับประทานตามใจปาก แต่จะมีใครรู้บ้างว่า“ข้าวโพดคั่ว” มีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่ อย่างไร

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า ถ้าย้อนไปหลายศตวรรษก่อนข้าวโพดคั่วเป็นนวัตกรรมอาหารว่างที่ถูกอกถูกใจเข้าขั้นยอดนิยมของผู้คนในทวีปอเมริกามาก ซึ่งนอกจากอเมริกันชนแล้วคนไทยเราเองก็ชื่นชอบรสชาติของข้าวโพดคั่วแสนอร่อยนี้เหมือนกัน

ด้วยความที่ข้าวโพดคั่วมีทั้งความกรอบ หอมและมัน เคี้ยวเพลินจนหมดไม่รู้ตัว ข้าวโพดคั่วจึงเป็นของว่างที่แสนถูกใจมวลมหาประชาชนไม่เคยตกอันดับนับแต่โรงหนังกลางแปลงมาจนถึงปัจจุบัน ที่มันก็ยังคงเป็นของว่างประจำโรงหนังและยังก้าวเข้าไปในบ้านเป็นอาหารกินเล่นของครอบครัวอีก ตัวข้าวโพดคั่วมีสารอาหารที่บรรจุอยู่มากในความอร่อยหอมมันของมัน ในแต่ละคำของข้าวโพดคั่วให้สารอาหารที่น่าสนใจที่สำคัญคือ ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ สารอาหารให้พลังงาน

มีการศึกษาประโยชน์ที่ได้จากข้าวโพดคั่วหรือป๊อปคอร์นอยู่หลายแห่ง อาทิ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแครนตัน แห่งสหรัฐอเมริกา ชี้ว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระแบบเดียวกับที่มีในข้าวโพดสดและผลไม้สดอื่น ๆ นั่นคือ “โพลีฟีนอลส์” แต่มีในปริมาณที่เข้มข้นกว่า ด้วยกลไกง่ายๆว่าข้าวโพดคั่วแห้งกว่านั่นเอง และน้ำในเม็ดข้าวโพดที่มีอยู่น้อยนิดนั่นเองที่เป็นตัวทำให้ข้าวโพดแตกพองสวยเป็นข้าวโพดคั่วเมื่อโดนความร้อน

ส่วนรายงานจากองค์การเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าข้าวโพดคั่วมี “ดัชนีน้ำตาล” ที่อยู่ในเกณฑ์ดี พูดง่าย ๆ ว่าไม่หวานฉ่ำอันตรายเหมือนอาหารหลาย ๆ ชนิด โดยเฉพาะป๊อปคอร์นธรรมชาติที่ไม่ปรุงรสซึ่งจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกอิ่มเต็มท้องพอ ๆกับกินขนมปังขาวหลายแผ่นในขณะที่ได้ความอ้วนน้อยกว่า หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นของว่างที่เหมาะกับการลดน้ำหนัก หากไม่ปรุงรสมากจนเกินไป

เทคนิคกินข้าวโพดคั่วให้ปลอดภัย

1. เลือกรสธรรมชาติ ส่วนใหญ่ข้าวโพดคั่วในงานวิจัยที่ว่าดีมีประโยชน์มักเป็นชนิดที่เป็นรสธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่งหวาน เค็ม ราดคาราเมล โรยผงรสชีสหรือใส่เนย ซึ่งสารปรุงแต่งที่ว่ามามีผลกับสุขภาพได้มาก ดังนั้นการเลือกรสธรรมชาติหรือ “ปรุงแต่งให้น้อยที่สุด” จะดี ที่สำคัญคือระวังข้าว โพดไหม้ไม่ควรรับประทานบ่อย

2. ระวังขนาด ข้าวโพดคั่วยุคใหม่มาคล้ายเสื้อ ผ้า คือ มาพร้อมขนาดให้เลือก เล็ก กลาง ใหญ่ ในการรับประทานให้สุขภาพดีควรเลือกขนาดให้เหมาะ โดยปกติขนาดเล็กพอกินอิ่มหนึ่งคนนั้นก็ให้พลังงานพอสมควรแล้วซึ่งควรหยุดได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ “ลืมตัว” รับประทานมากเกินไปจึงควรเลี่ยงขนาดใหญ่ที่สุดหรือขนาดครอบครัว

3. ปราศจากน้ำอัดลม ข้าวโพดคั่วมักมาเป็นแพ็กคู่ เพราะเคี้ยวข้าวโพดแล้วคอแห้งจึงต้องดื่มน้ำตาม การดื่มน้ำอัดลมจะทำให้ได้ยิ่งเพิ่ม “แคลอรี” ให้ร่างกายเสี่ยงอ้วนขึ้น และที่สำคัญคือน้ำอัดลมผสมกับข้าวโพดคั่วในท้องจะทำให้ท้องอืดและสามารถทำให้เกิดอาการปวดแน่นท้องไม่สบายได้ โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ

4. ไม่ผสมหวานเกิน ข้าวโพดคั่วที่ปรุงหวานจนหยุดใส่ปากไม่ได้นั้นเป็นเพราะความหวานทำให้สมองของเราติดใจ ซึ่งความหวานที่ว่ามาได้จากการราดคาราเมล เติมรสช็อกโกแลตและใส่น้ำตาลลงไปให้หวานถูกลิ้น คนเป็น “เบาหวาน” ควรระวัง ซึ่งการกินข้าวโพดคั่วรสหวานนั้นอาจให้พลังงานสูงพอกับกินข้าวแกงหนึ่งจานได้เลย

5. อย่าเพลินกับเค็ม ความเค็มจากข้าวโพดคั่วนั้นมากใช้ได้เลย เพราะมาจาก “สารปรุงรส” ที่มี “โซเดียม” กระตุ้นความดันได้ โดยเฉพาะรสชาติต่อไปนี้ได้แก่ รสเค็ม รสชีส รสเผ็ด หรือรสยอดนิยมอื่น ๆ นอกจากรสธรรมชาติ ควรระวังในผู้ที่มีความดันสูง โรคไต และโรคหัวใจ

6. เลี่ยงเติมเต็มรส ข้าวโพดคั่วบางยี่ห้อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคปรุงรสที่ชอบได้เพิ่ม เช่น ราดคาราเมลเติมผงชีสหรือเติมผงรสเผ็ดปาปริก้า ซึ่งการเติมเต็มรสที่มากไปส่วนใหญ่ไม่ดีต่อสุขภาพนักเพราะเพิ่มทั้ง “พลังงาน” และ “ความเค็ม” พูดง่าย ๆ ว่า เติมแต่ละครั้งอาจหมายถึง “เติมพุงและเติมโรค” เข้าตัว

7. ให้งดกินบ่อย เช่นเดียวกับของว่างหรือของกินเล่นหลาย ๆ อย่างที่ไม่ควรกินบ่อยไปเพราะจะทำให้ได้พลังงานส่วนเกินสะสมจนได้ผลลัพธ์คือ “อ้วน” ได้เช่นกัน โดยเฉพาะข้าวโพดคั่วที่ปรุงรสหวานยิ่งกินยิ่งเพลิน ถ้ารับประทานบ่อย ๆ ทำให้อ้วนได้ไม่รู้ตัว

8. อย่าปล่อยให้มัน ความมันของข้าวโพดคั่วมาจาก “เนย” หรือ “สารเคมี” ที่ปรุงแต่งรสให้คล้ายเนย ซึ่งความมันจากทั้ง 2 แหล่งมีผลต่อสุขภาพ ผลของเนยที่มากเกินไปทำให้เสียสุขภาพจาก “ไขมันอิ่มตัว” และ “ทรานส์แฟ็ท” ซึ่งเป็นไขมันมฤตยูที่มีผลมากกับหลอดเลือดหัวใจและอวัยวะสำคัญอย่างสมอง

9. สำคัญที่ล้างมือ นักกินข้าวโพดคั่วรู้ดีว่า 2 มือที่พ่อแม่ให้มานี้คืออุปกรณ์กินข้าวโพดคั่วที่ดีที่สุด ซึ่งการใช้มือนั้นถ้าใช้เพียงคนเดียวก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าเป็นข้าวโพดสามัคคีแบ่งกันสอยคนละหนุบละหนับต้องระวังได้เชื้อเอื้ออาทรกัน โดยเฉพาะ ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบีหลังจากเข้าห้องน้ำ เชื้อท้องเสียขณะหยิบข้าวโพดในโรงหนังมืด ๆ

10. ให้ถือว่าเป็นของว่าง ถึงข้าวโพดคั่วจะเป็นเพื่อนแก้เหงาปากที่ดีอย่างไรแต่ก็เป็นเพียงอาหารว่าง ขอให้สร้างกติกาเล็ก ๆไว้ในใจว่ามื้อไหนรับประทานข้าวโพดคั่วเพลินเหงือกแล้ว มื้อต่อไปขอให้รับประทานผักผลไม้สดบ้าง เพราะการรับประทานของสดจะทำให้ได้สารอาหารครบที่สุด

http://www.thaihealth.or.th/