การมีความต้องการทางเพศสูง การมีความต้องการทางเพศสูง คือ สภาวะที่มีความต้องการร่วมเพศมากผิดปกติ
ในผู้หญิงมีชื่อเรียก เป็นภาษาอังกฤษว่า นิมโฟแมเนีย (Nymphomania)
ในผู้ชายเรียก แซทไทริเอสิส (Satyriasis) ผู้ป่วยมักสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองบ่อยๆ อย่างยับยั้งใจไม่ได้ด้วย
ความจริงสภาวะนี้พบได้น้อยมาก แต่มักจะมีผู้กล่าวว่าเคยพบเห็น ซึ่งความจริงอาจไม่ใช่ก็ได้
นักจิตบำบัดกับนักแนะแนวชีวิตสมรสมีความเห็นสอดคล้องกันว่า เกือบทุกรายที่ถูกกล่าวหาว่า
มีความต้องการทางเพศสูง โดยเฉพาะนิมโฟแมเนียมักจะไม่ใช่ แต่เป็นเพราะความต้องการทางเพศ
ระหว่างสามีภรรยาต่างกัน ฝ่ายหนึ่งจึงคิดว่าอีกฝ่ายผิดปกติ ทั้งที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังอยู่ในขอบเขตที่เรียกว่าปกติ
ที่คนสนใจและพูดถึงกันมากคือ นิมโฟแมเนีย หญิงหลายคนถูกชายที่เป็นสามีหรือคู่ร่วมเพศกล่าวหา
เนื่องจากผู้ชายทั่วไปพอใจกับการมีความสุขสุดยอดครั้งเดียวจากการร่วมเพศครึ่งหนึ่งๆ และจะไม่ต้องการ
หรือไม่สามารถร่วมเพศได้อีกชั่วระยะหนึ่ง หญิงส่วนมากก็มักจะพอใจกับความสุขสุดยอดครั้งเดียว
จากการร่วมเพศแต่ละครั้งเช่นกัน หรือบางทีแม้จะไม่มีความสุขทุกครั้ง แต่ผู้หญิงบางคน
ซึ่งมีวุฒิภาวะทางเพศสมบูรณ์เต็มที่อาจไม่พอใจกับไคลแม็กซ์ (climax) ครั้งเดียว
เธออาจเคยมีความสุขสุดยอด 5-20 ครั้ง หรือมากกว่าระหว่างการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง
เพราะฉะนั้นผู้ชายที่ไม่เข้าใจ ธรรมชาติของผู้หญิงดีพอจะคิดว่าหญิงพวกนี้ผิดปกติ
และกล่าวหาเธอว่าเป็น นิมโฟแมเนีย
ผู้ชายอีกแบบหนึ่งคือ พวกที่ขาดความมั่นใจในตัวเองและมักมีความรู้สึกเป็นปมด้อย
การที่เขาพอใจการร่วมเพศสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ในขณะที่ภรรยาหรือคู่นอนต้องการ 6-7 ครั้ง
จะคุกคามความเป็นชายของเขา เพราะฉะนั้น เขาจะต่อสู้กับความรู้สึกนี้โดยโทษว่าเธอเป็นนิมโฟแมเนีย
เป็นการบอกว่าเธอ “ผิดปกติ” แต่เขา “ปกติ”
ลักษณะของ นิมโฟแมเนียแท้ๆ คือ การไม่สามารถควบคุมความต้องการทางเพศของตน
จะต้องได้รับการตอบสนองไม่ว่าจะเกิดผลตามมาอย่างไร
และแม้ว่าจะได้รับความสุขจากการร่วมเพศมาหลายครั้งแล้วก็ตามในระยะเวลาใกล้ๆ กันก็ยังมีความต้องการที่จะได้รับอีก
สาเหตุ
สาเหตุทางร่างกายและจิตใจบางอย่างอาจทำให้ผู้ป่วยบางรายมีความต้องการทางเพศสูง ได้แก่
1. สาเหตุทางร่างกาย
ก. โรคของสมอง
* ความผิดปกติของกลีบสมองส่วนขมับ (temporal lobe) เช่น โรคลมชักหรือเนื้องอกในบริเวณดังกล่าว
ในโรคลมชักอาการอาจเกิดภายหลังชัก หลังให้ยาต้านอาการชัก หรือหลังการทำผ่าตัดสมองส่วนขมับ
* ซิฟิลิส ของสมอง
* อื่นๆ เช่น โรคกลัวน้ำ (Rabies) อะโครเม็กกาลี่ มัลติเพิลสเคลอโรสิสในระยะที่อาการยังไม่ถึงขั้นสมองเสื่อม
ฮันทิงตันส์โคเรีย ในระยะก่อนอาการของโรคจะปรากฏชัด และการบาดเจ็บที่ศีรษะ
ข. การใช้ยาบางอย่างมากเกินไป เช่น กัญชา โคเคน แอมเฟตามีน ฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเทอโรน
และยาต้านโรคสันนิบาต (antiparkinson) บางตัว เช่น แอลโดป้า
2. สาเหตุทางจิตใจ
ก. โรคของจิตใจ
* โรคจิตทางอารมณ์ (Affective psychoses) โดยเฉพาะแบบคลั่ง ความต้องการทางเพศจะเพิ่มมากผิดปกติ
มีการร่วมเพศมากขึ้น และสำส่อนทางเพศ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
* สภาวะซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจมีความต้องการทางเพศมาก ขณะที่มีอารมณ์เศร้าอย่างรุนแรง
* โรคจิตเภท ในระยะแรกของโรคผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยมีความต้องการทางเพศมากผิดปกติ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
จะแสดงออกโดยการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองบ่อยเกินขนาด การข่มขืนกระทำชำเรา การสำส่อนทางเพศ
หรือการพยายามร่วมเพศกับเด็ก แบบของโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดอาการนี้ได้บ่อยคือ
แบบธรรมดา (simple type) และแบบเฮบิฟรีนิค (herbephrenic type)
* การติดสุรา สุราอาจทำให้ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นและมีพฤติกรรมทางเพศที่ก้าวร้าว
อันเป็นผลจากสุราไปกดสมองส่วนที่ควบคุมการยับยั้งอารมณ์เพศ แต่ขณะเดียวกันสุรา
ก็ทำให้สมรรถภาพทางเพศเสีย เพราะฉะนั้นในรายที่สมรรถภาพทางเพศยังดี สุราอาจทำให้เกิดอาชญากรรมทางเพศได้
* บุคลิกภาพแบบต่อต้านสังคมหรืออันธพาล (sociopath) คนที่มีบุคลิกภาพแบบอันธพาลอาจพบว่า
มีความต้องการทางเพศสูงได้บ่อยเช่นกัน มีผู้ศึกษาคนเหล่านี้และพบว่ากว่าครึ่งมีอาการสำส่อนทางเพศ
โดยเฉพาะผู้หญิง และอาจมีความวิปริตทางเพศอย่างอื่นด้วย เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในที่สาธารณะ
การข่มขืนกระทำชำเรา การร่วมเพศระหว่างบุคคลร่วมสายโลหิต และการอวดอวัยวะเพศ
* ปัญญาอ่อน บางคนจะมีลักษณะอารมณ์ไม่คงที่ หงุดหงิด อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
และมักมีปัญหาทางเพศเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น พฤติกรรมทางเพศเป็นแบบขาดการยับยั้งชั่งใจ
และสำส่อนทางเพศ หญิงอาจไปเป็นโสเภณี แต่ผู้ชายนอกจากสำส่อนทางเพศแล้ว
ยังอาจมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็ก คนชรา หรือสัตว์ด้วย
ข. ปัจจัยทางจิตวิทยา อธิบายว่าอาการนี้อาจเกิดขึ้นเพราะ
* เป็นวิธีลดความตึงเครียดทางอารมณ์ที่มีมากเกินไปอย่างหนึ่ง
โดยแสดงออกเป็นความต้องการ ร่วมเพศอย่างมาก และเมื่อได้รับการตอบสนองแล้วความตึงเครียดนั้นจึงหมดไป
ความตึงเครียดดังกล่าวไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเพศ
* ในจิตไร้สำนึกกลัวการเป็นกามตายด้าน (frigidity) หรือการเป็นรักร่วมเพศแบบแฝง (latent homosexual)
จึงพยายามพิสูจน์ว่าตนเองไม่ใช่โดยการมีความต้องการทางเพศสูง
* ตามทฤษฎีของฟรอยด์ ปัญหานี้อาจเกิดจากการที่ความขัดแย้งภายในจิตไร้สำนึกเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ทางเพศกับบิดาหรือมารดาที่เป็นเพศตรงกันข้าม ไม่ได้รับการแก้ไขในวัยเด็ก
และใช้เพศตรงกันข้ามเป็นตัวกลางในการแก้แค้นพ่อ
* สาหตุที่พบบ่อยคือความต้องการอย่างมากเหลือเกินที่จะเป็น ที่รักและเป็นที่ยอมรับ
ร่วมกับการมีทัศนคติว่าร่างกายสามารถใช้เป็นเครื่องดึงดูดความสนใจ ทำให้เป็นที่รู้จัก
และเป็นที่ยอมรับได้ เพราะฉะนั้นจึงใช้ร่างกายเป็นเครื่องแลกกับสิ่งที่ตนต้องการนั้น
การรักษา
1. รักษาสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความผิดปกตินี้ เช่น การเป็นโรคจิต หรือการเป็นโรคของสมอง ฯลฯ
2. ใช้วิธีจิตวิเคราะห์หรือจิตบำบัดในกรณีที่อาการเกิดจากปัญหาในจิตไร้สำนึก
ตัวอย่างผู้ป่วย
ผู้ป่วยหญิงโสด อายุ 20 ปี การศึกษาชั้นประถมปีที่ 7 ยังไม่มีงานทำแน่นอน เริ่มมีความต้องการทางเพศ
อย่างรุนแรงตั้งแต่อายุ 13 ปี
ผู้ป่วยเป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวน 4 คน มีพี่สาว 1 คน และน้องสาว 1 คน บิดาและมารดาอายุเท่ากัน คือ 45 ปี
แต่บิดาเสียชีวิตไปแล้ว 7 ปี มีอาชีพขายของเบ็ดเตล็ด และทะเลาะกันเป็นประจำ บิดาเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยมีเหตุผล
เล่นการพนัน และตีลูกรุนแรงเสมอ ส่วนมารดาเป็นคนไม่ค่อยพูด และร้องไห้ง่าย ผู้ป่วยไม่สนิทสนมกับทั้งบิดาและมารดา
ตั้งแต่เล็กยายเป็นคนเลี้ยงผู้ป่วยจนกระทั่งอายุประมาณ 10 ขวบ จึงกลับมาอยู่กับบิดามารดา ทั้งตาและยายขี้บ่น
ด่าเก่ง และไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เมื่อมาอยู่กับบิดามารดา ผู้ป่วยและน้องต้องนอนห้องเดียวกับบิดามารดา
ได้เห็นและได้ยินการร่วมเพศระหว่างบิดามารดาเป็นประจำ บิดาชอบเปลือยกายเวลาร่วมเพศ
เมื่อผู้ป่วยเห็นแล้วรู้สึกหนาวและเกิดอารมณ์ซึ่งอธิบายไม่ถูก
บิดามารดาร่วมเพศกันค่อนข้างบ่อย และผู้ป่วยจะเฝ้าคอยดูการร่วมเพศนั้นทุกคืน
สิ่งแวดล้อมข้างบ้านผู้ป่วยเป็นซ่องโสเภณี ผู้ป่วยจะพยายามแอบดูการร่วมเพศในซ่องแห่งนั้นเสมอ
และเคยแอบดูการร่วมเพศของพี่สาวกับพี่เขยด้วย จนกระทั่งผู้ป่วยเข้าวัยแตกสาวจึงหันมาอ่านหนังสือเกี่ยวกับการร่วมเพศแทน
เมื่อจบการศึกษาประถมปีที่ 7 (อายุ 15 ปี) ต้องออกจากโรงเรียนเพราะมารดาไม่สามารถส่งเสีย
จึงมาช่วยพี่สาวเลี้ยงหลานที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งผู้ป่วยไปเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา ได้ไปพักที่บ้านอา
บังเอิญคืนหนึ่งอาสาวไม่อยู่ อาเขยจึงเข้ามาปลุกปล้ำผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยนอนนุ่งกระโจมอก
และไม่ได้ล็อคประตูห้อง ผู้ป่วยยอมรับว่ามีอารมณ์เพศกับอาเขยด้วยเมื่อถูกอาเขยจับเต้านม
หลังจากนั้นก็มีความรู้สึกทางเพศกับผู้ชายหลายคน แค่มองหน้าก็มีความต้องการจะร่วมเพศด้วย
ผู้ป่วยมีเพื่อนชายที่จะสับเปลี่ยนกันร่วมเพศกับผู้ป่วยถึง 5 คนในเวลาเดียวกัน เคยตั้งครรภ์
และทำแท้ง 2-3 ครั้ง เมื่อเพื่อนบ้านเล่าให้ญาติพี่น้องของผู้ป่วยทราบ ผู้ป่วยจึงถูกส่งตัว
ไปอยู่กับพี่ชายแต่ก็ยังคงประพฤติเช่นเดิม บางครั้งแม้แต่ชายแปลกหน้าหรือคนที่เพิ่งรู้จักกันผู้ป่วยก็ยังเปิดประตูรับ
ให้เข้าไปนอนด้วย เมื่อพี่ชายทราบก็ถูกลงโทษ พี่ชายเคยตีผู้ป่วยจนเดินไม่ได้เพราะสาเหตุนี้
ผู้ป่วยมีความต้องการทางเพศเกือบตลอดวัน วันละหลายครั้ง ถ้าไม่ได้ร่วมเพศจะใช้ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง
โดยใช้มือและวิธีฉีดน้ำไปที่อวัยวะเพศ ครั้งสุดท้ายก่อนถูกพามาพบแพทย์
ผู้ป่วยมาอาศัยอยู่กับญาติผู้หญิงคนหนึ่งและเกิดความต้องการทางเพศอย่างรุนแรงขนาดเปลือยกาย
ออกมาจากห้อง และเชื้อเชิญใครๆ ให้ร่วมกิจกรรมทางเพศกับตน
การตรวจสภาพจิตพบว่าผู้ป่วยเป็นหญิงสาวหน้าตาดี และสุภาพเรียบร้อย อารมณ์เศร้า
และรู้สึกละอายที่ตนมีอารมณ์เพศมากและรุนแรงเช่นนั้น น้อยใจบิดามารดาและพี่ๆ
ที่ไม่รักตน มักจะเสือกไสไล่ส่งให้ไปอยู่ที่อื่น และมีความคิดอยากตายด้วย
ไม่พบอาการของโรคจิต หรือความผิดปกติของสมอง
การตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ และไม่พบว่าผู้ป่วยใช้ยาใดๆ ในระยะที่มีอาการ
วินิจฉัยว่าเป็นนิมโฟแมเนียร่วมกับอารมณ์เศร้า และได้ให้การรักษาโดยวิธีจิตบำบัด
แบบประคับประคองร่วมกับยาแก้อารมณ์เศร้า ความต้องการทางเพศและอารมณ์เศร้าของผู้ป่วยลดลงภายในระยะ 2 สัปดาห์
แต่ผู้ป่วยไม่ได้มาติดตามการรักษาอีกเลย
บทความโดยศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค