-/> การปลูก ฝักทอง

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: การปลูก ฝักทอง  (อ่าน 2462 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,136
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 27 เมษายน 2556, 12:52:46 PM »

Permalink: การปลูก ฝักทอง





การปลูกฟักทอง



ฟักทอง จัดเป็นผักในตระกูลแตงที่มีการใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนานที่สุดชนิดหนึ่ง
 คาดการณ์ว่ามีการปลูกมานานไม่ต่ำกว่า 10,000 ปี สำหรับการปลูกฟักทองในประเทศไทย
ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง คนไทยนิยมบริโภคฟักทองที่มีขนาดน้ำหนักผลเฉลี่ย 2-3 กิโลกรัม
เปลือกมีสีเขียวคล้ำ ร่องผลเป็นพูสม่ำเสมอหรือเปลือกขรุขระแบบหนังคางคก เนื้อสีเหลืองหนาและเหนียว
พันธุ์ฟักทองที่เกษตรกรไทยนิยมปลูกเป็นการค้าส่วนใหญ่จะซื้อพันธุ์ลูกผสมที่ มีราคาค่อนข้างแพง
ให้ผลผลิตสูงแต่ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ต่อได้ ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งเป็นพันธุ์ฟักทอง
ที่ได้จากการผสมปล่อยและได้มีการคัด เลือกพันธุ์จนมีความนิ่งระดับหนึ่งเมื่อปลูกไปแล้ว
สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ ทำพันธุ์ต่อได้

ผศ.ดร.จานุลักษณ์ ขนบดี จากสถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรลำปาง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้มีการเผยแพร่ วิธีการปลูกฟักทองแบบปลอดภัย
เริ่มต้นจากการปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดีโดยใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ มีการคลุมดินด้วยวัสดุจากธรรมชาติ
 เช่น ฟางข้าว ซากพืชและสัตว์ที่ผุพัง มีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อลดการระบาดของศัตรูพืช
และมีการอนุรักษ์แมลงที่ เป็นประโยชน์ การราดน้ำปุ๋ยหมักชีวภาพลงในดินที่ใช้ปลูกฟักทอง
จะเป็นการเพิ่มปริมาณ จุลินทรีย์ให้แก่ดินบริเวณรากพืช
จุลินทรีย์จะใช้อาหารจากปุ๋ยหมักชีวภาพและตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้

ในการเตรียมพื้นที่ปลูกฟักทอง เกษตรกรจะต้องทราบสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน
 ถ้าดินมีค่า pH ต่ำกว่า 5.5 จะต้องใส่ปูนขาวหรือปูนโดโลไมท์ อัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่
 และจะต้องใส่ก่อนลงมือปลูกอย่างน้อย 1 อาทิตย์

หลังจากนั้นให้ไถพรวนผสมคลุกเคล้าให้ปูนผสมกับดินและตากดินทิ้งไว้
การไถพรวนตากดินควรให้มีความลึกอย่างน้อย 30 เซนติเมตร

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่เกษตรกรผู้ปลูกฟักทองควรคำนึงคือ
ต้นฟักทองจะมีการเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิเฉลี่ย 18-27 องศาเซลเซียส
จัดเป็นพืชผักที่ไม่ทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด พบว่าต้นฟักทองจะชะงักการเจริญเติบโต
ในสภาพอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส

หลังจากที่เพาะเมล็ดฟักทองในถาดเพาะกล้านานเฉลี่ย 10-13 วัน
 หรือเมื่อต้นฟักทองมีใบจริง 1-2 ใบจึงทำการย้ายปลูก
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีความปลอดภัยต่อเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมด้วย
 การรองก้นหลุมด้วยสารสตาร์เกิล จี อัตรา 2 กรัมต่อหลุม

พบว่าในระยะการเจริญเติบโตของต้นกล้าจนต้นฟักทองมีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร
 สารสตาร์เกิล จี จะป้องกันการทำลายของแมลงปากดูดทุกชนิดรวมถึงกำจัดเต่าแตงที่เข้ามาทำลายใบ
 ฟักทองได้ด้วย ในการปลูกฟักทอง ในเชิงพาณิชย์แนะนำให้ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 1 เมตร
 ระยะระหว่างแถว 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 400 ต้น.



ประโยชน์ของ การปลูกฟักทอง
ฟักทองมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินเอและสารต่อต้านการผสมกับออกซิเจนกับเกลือแร่
และมี “กรดโปรไพโอนิค” กรดนี้ทำให้ทำให้เซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลง


ประโยชน์ทางยา

ส่วนที่ใช้เป็นยา เมล็ด ราก ขั้ว น้ำมันจากเมล็ด เยื่อกลางผล ยาง
รสและสรรพคุณในตำรายาไทย

เมล็ด รสมัน ขับพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ บำรุงร่างกาย แก้พิษปวดบวม
ราก รสเย็น ต้มน้ำดื่ม บำรุงร่างกาย แก้ไอ ถอนพิษของฝิ่น ดับพิษสัตว์กัดต่อย

ขั้ว รสเย็น ฝนกับมะนาวผสมใยฝ้ายเผาไฟ รับประทานแก้พิษกิ้งกือกัด
น้ำมันจากเมล็ด รสหวานมัน รับประทานบำรุงประสาท

เยื่อผลกลาง รสหวานเย็น พอก แก้ฟกช้ำ แก้ปวดอักเสบ
ยาง แก้พิษผื่นคัน เริมและงูสวัด

ขอบคุณ....ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: