“ไส้เดือนดิน” จัดอยู่ในกลุ่มผู้ย่อยสลายซากอินทรีย์ในระบบนิเวศ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามที่อยู่อาศัยและนิสัยในการกินอาหารคือ
ไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์ และไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ใต้ดินโดยการขุดรูอยู่
โดยไส้เดือนดินที่อยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์จะมีประสิทธิภาพในการย่อย สารอินทรีย์ในดินได้ดีกว่า
และมีการขยายพันธุ์ที่รวดเร็วกว่าด้วย โดยทั่วไปในธรรมชาติไส้เดือนดินมีอายุที่ยาวนาน ตั้งแต่ 4-10 ปี
ขึ้นอยู่กับชนิดของไส้เดือนดิน แต่เมื่อนำมาเพาะเลี้ยงมักพบว่าไส้เดือนดินมีอายุสั้นลง โดยทั่วไปจะมีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 2 ปี
สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตของไส้เดือนดินประกอบด้วย
1.ความชื้นไส้เดือน ดินแต่ละชนิดจะเจริญเติบโตได้ดี ในความชื้นที่แตกต่างกัน เช่น ความชื้นที่เหมาะสมต่อไส้เดือนดินที่อาศัย
อยู่ใต้ดินคือ 40-70% ส่วนไส้เดือนดินที่อาศัยใต้กองมูลสัตว์หรือซากอินทรีย์จะเจริญเติบโตได้ดี ที่ความชื้น 70-80% เป็นต้น
2.อุณหภูมิอุณหภูมิ ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไส้เดือนดิน อยู่ในช่วง 15-28 องศาเซลเซียส
โดยไส้เดือนดินในเขตร้อนจะทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดีกว่าไส้เดือนดินในเขตอบอุ่น
3.ความเป็นกรด-ด่างความ เป็นกรด-ด่างของ ดินมีผลต่อไส้เดือนดิน โดยทั่วไปความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสมต่อไส้เดือนดิน
อยู่ในช่วง 6.0-8.0 อย่างไรก็ตามพบว่าไส้เดือนดินบางชนิดสามารถอาศัยอยู่ในสภาพที่เป็นกรดจัดได้ (3.7-4.7)
4.ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไส้เดือนดินจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในดิน
ที่มีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ระหว่าง 0.01-11.5% ถ้ามีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อยู่สูงกว่าที่กำหนดจะเป็นอันตรายต่อ ไส้เดือนดิน
จากลักษณะการกินอาหาร (ซากอินทรีย์) และการอยู่อาศัยของไส้เดือนดิน
ทำให้มีประโยชน์ต่อดินในแง่ของการย่อยสลายซากอินทรีย์ในดิน ทำให้ดินมีธาตุอาหารและสารต่าง ๆ
ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งการเคลื่อนที่ไปหาอาหารของไส้เดือนดินเป็นการไชชอนดิน
ทำให้ดินมีความร่วนซุย มีการระบายของน้ำและการแพร่กระจายของอากาศในดินได้ดี
จึงเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตในดินไม่ว่าจะเป็นพืช จุลินทรีย์ และสัตว์ขนาดเล็กอื่น ๆ
วัตถุประสงค์ของการนำไส้เดือนดินมา เพาะ เลี้ยงในประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายอยู่ 2 ประการคือ ประการแรกเป็นอาหารสัตว์
ประการที่สอง คือนำมาใช้ย่อยสลายวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตรและอาหารเพื่อผลิตเป็นปุ๋ย
อินทรีย์ เช่น เศษผัก ผลไม้หรือมูลสัตว์ เป็นต้น
ไส้เดือนดินวิธีการเพาะเลี้ยงไส้เดือนดินสำหรับผลิตปุ๋ยอินทรีย์มีด้วยกันหลายชนิด โดยสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมดังนี้
1. การเลี้ยงไส้เดือนดินในภาชนะต่าง ๆ เช่น กระถางปลูกต้นไม้ ลังไม้ หรือบ่อซีเมนต์เป็นต้น เป็นการเลี้ยงขนาดเล็ก
และทำได้ทุกครัวเรือน ใช้พื้นที่น้อย การดูแลง่าย แต่ปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้ก็น้อยตามขนาดของภาชนะที่เลี้ยง
2. การเลี้ยงไส้เดือนดินในภาชนะเป็นชั้น ๆ เช่น ชั้นไม้ หรือชั้นตู้พลาสติก เป็นต้น เป็นการเลี้ยงที่ใช้พื้นที่จำกัดได้ดี
แต่มีข้อจำกัดคือต้องใช้แรงงานในการจัดการค่อนข้างมากและสิ้นเปลืองเวลา
3. การเลี้ยงไส้เดือนดินแบบแปลงกลางแจ้ง เป็นการเลี้ยงไส้เดือนดินที่ใช้เทคนิคง่าย ๆ ด้วยการตั้งกองอาหารเป็นแปลง
สำหรับเลี้ยงไส้เดือนดิน คลุมอาหารของไส้เดือนดินด้วยฟางและตาข่าย สำหรับป้องกันสัตว์มาคุ้ยเขี่ย
แต่มีข้อจำกัดตรงที่ไส้เดือนดินสามารถเลื้อยหนีออกได้ง่ายเมื่อสภาวะไม่ เหมาะสม เช่น อาหารหมดหรือน้ำท่วม เป็นต้น
4. การเลี้ยงไส้เดือนดินในโรงเรือน เป็นการเลี้ยงที่นิยมสำหรับฟาร์มเกษตรกรส่วนใหญ่ เพราะสามารถจัดการสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ในการเลี้ยงไส้เดือนดินได้ง่าย เช่น การก่อบล็อกสำหรับทำซองหรือคอกเลี้ยงไส้เดือนดิน
โรงเรือนจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับต้นทุนของผู้เลี้ยงไส้เดือนดินเป็น หลัก
5. การผลิตไส้เดือนดินแบบอัตโนมัติ เป็นการเลี้ยงไส้เดือนดินอย่างเป็นระบบ ทำให้จัดการได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดตรงที่ต้นทุนสูงมาก
ดังนั้นต้องมีการศึกษาพันธุ์ที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด
ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จาก ไส้เดือนดิน มีอยู่ 2 ชนิดคือ ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดแห้งและปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุดิบหรืออาหารที่ใช้
โดยทั่วไปถ้าเป็นจากเศษพืชหรือผักจะได้ปุ๋ยอินทรีย์ทั้งชนิดน้ำและแห้ง แต่มีปริมาณน้อย ส่วนมูลสัตว์จะได้ปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ที่มากกว่า แต่ไม่ได้ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ยินดีต้อนรับสู่ .. ธีธัชฟาร์ม
(Welcome to Teetat Farm)
คุณจะมีอาชีพอิสระแบบพอเพียง..ติดตัวไปตลอดชีวิต…ด้วยการเริ่มต้นจากเงินทุนเพียง 2,500 บาทเท่านั้น..!!
@Teetatfarm Fanpage(ธีธัชฟาร์มไส้เดือนดิน) เราเป็นศูนย์กลางการอบรมการเลี้ยงไส้เดือน
ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการอบรมการเพาะเลี้ยงไส้เดือนเพื่อกำจัดขยะอินทรีย์ ตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(บางเขน)
จึงกล้ารับประกันองค์ความรู้ 100% และมีผู้ที่ผ่านการอบรมไปแล้วมากว่า 1,000 คน ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งส่วนใหญ่สามารถเป็นผู้ประกอบการอิสระ มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้แบบพอเพียง การเลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพที่มีต้นทุนต่ำสุด
ใช้เศษขยะเป็นอาหาร ไม่มีสารเคมีใดๆทั้งสิ้น
คอนโดไส้เดือน..พร้อมเลี้ยงของแท้100% ประกอบอาชีพได้ทันที ต้องที่ @Teetatfarm Fanpage(ธีธัชฟาร์มไส้เดือนดิน)
คุณสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ได้แบบง่ายๆ และราคาถูก จากการเลี้ยงไส้เดือนดินด้วยคอนโดไส้เดือน
หรือตู้ลิ้นชักพลาสติกไส้เดือนดิน ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว จากการกินขยะในครัวของท่านที่ทิ้งลงไป
ซึ่งผลผลิตจากการเลี้ยงไส้เดือนดินด้วยคอนโด หรือตู้ลิ้นชัก 4 ชั้น คือ น้ำหมักชีวภาพมูลไส้เดือนดิน
เป็นน้ำปุ๋ยเร่งราก บำรุงดิน ที่ดีที่สุด ที่คุณสามารถให้พืชของคุณเจริญเติบโตแบบรวดเร็วทันใจ
“ธีธัชฟาร์ม”>เรามีชุดสำหรับการฝึกการเพาะเลี้ยงไส้เดือน ซึ่งภายในคอนโด หรือตู้ลิ้นชักพลาสติกมีไส้เดือนพร้อมเลี้ยง สายพันธุ์อาฟริกัน(ตัวใหญ่)
มากกว่า 3,000 ตัว
>เรากำลังเปิดบริการอบรมให้เป็นรายบุคคล คุณจะได้รับการอบรมทุกขั้นตอนในการเพาะเลี้ยงไส้เดือน ให้เป็นผู้เลี้ยงแบบมืออาชีพ
ได้ภายในระยะเวลา 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น
>เรากำลังเปิดรอบรมให้เป็นรายบุคคลผู้เข้าอบรมสามารถกำหนดวันเข้าอบรมได้ตามความสะดวก
>เราบริการด้านองค์ความรู้ให้กับคนไทยฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการอบรม มีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าอุปกรณ์(ตู้ลิ้นชักพลาสติกหรือคอนโดไส้เดือน)
และพ่อแม่พันธุ์ไส้เดือนเท่านั้น
***สนใจโทรมาคุยได้ที่ 02-873-8524, 089-827-2715 (ธีธัชฟาร์ม)
ดูรายละเอียดได้ที่เวปไซต์
http://teetatfarm.wordpress.com/training/ เฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/teetatfarmtrainingcenter ทวิตเตอร์
https://twitter.com/TeetatFarm[/img]