จริงหรือ...ที่ไข่เป็นของแสลง

จริงหรือที่ไข่เป็นของแสลง

จริงหรือที่ไข่เป็นของแสลง
หลายครั้งที่ไข่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าทำให้เกิดอาการผิดปกติต่อบาดแผล หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดีอย่างไข่ดิบ
ไข่ลวก ค้นหาข้อเท็จจริงได้จากบทความนี้ค่ะ

โภชนาการ หมายถึง อาหารที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ แล้วร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์
ในด้านการเจริญเติบโต การค้ำจุน และการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นการได้อาหารที่เพียงพอและถูกสัดส่วน
จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับมนุษย์ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สำหรับ “ไข่” เป็นที่ยอมรับว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์
หลายชนิดโดยเฉพาะโปรตีนในไข่ที่มีปริมาณกรดอะมิโนจำเป็นครบทุกชนิด
ถือว่าไข่ให้โปรตีนที่มีคุณภาพดีที่สุด แต่ความดีนี้กลับเป็นดาบสองคมเมื่อไข่กลายเป็นของแสลงในความเชื่อเรื่องแผล
รวมทั้งการกินไข่ดิบ ไข่ลวก ที่ส่งผลด้ายลบต่อสุขภาพก็ด้วยโปรตีนที่มีคุณภาพของไข่นี่เอง

ลองมาพิจารณาข้อเท็จจริงแต่ละอย่างกันค่ะ
- “กินไข่แล้วแผลจะเน่าจะปูด”
เป็นความเชื่อคลาสลิคที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายในเรื่องการดูแลแผล เรามักจะได้ยินว่า
ไข่เป็นของแสลงกับแผลทุกชนิดเพราะถ้ากินไข่จะทำให้แผลปูดนูนหรือทำให้แผลเน่าได้

ข้อเท็จจริง : เรื่องการดูแลเรื่องแผล ไม่ว่าแผลถลอก แผลเล็กๆ ที่โดนมีดบาด
แผลที่ถูกมีดเฉือน แผลตะปูตำ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลผ่าตัด สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจมีอยู่ 2 ประการ
คือ การดูแลรักษาความสะอาดของแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค และการบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีประโยชน์
เพื่อทำให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งอาหารที่จะทำให้แผลหายเร็วนี้ได้แก่ อาหารพวกโปรตีน ซึ่งมีในอาหารจำพวก ไข่ เนื้อทุกชนิด
(ไก่ หมู ปลา ฯลฯ) และมีในพืชประเภทถั่วไม่ว่าจะเป็นถั่วงอก ถั่วฝักยาว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ฯลฯ
อาหารโปรตีนพวกนี้จะไปเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้บาดแผลสนิทและหายในที่สุด

ไข่จึงไม่ใช่ของแสลง และไม่ได้ทำให้แผลเน่า ที่แผลเน่าอาจเป็นเพราะแผลสกปรก มีเชื้อโรคเข้าไปทำให้
อักเสบเป็นหนอง ส่วนแผลเป็นที่ปูดโตไม่ได้เกี่ยวกับการกินไข่ เนื่องจากเป็นธรรมชาติของเนื้อหนังของคนๆ
นั้น ดังนั้น ถ้าหากท่านมีแผล ไม่ว่าจะเป็นแผลเล็ก แผลกลาง แผลใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ควรจะได้ปฏิบัติ
ตัวอย่างเคร่งครัดใน 2 ประการที่กล่าวมาแล้ว จะทำให้แผลหายได้โดยที่ร่างกายก็แข็งแรงด้วยค่ะ

- “กินไข่ลวก ไข่ดิบสิ บำรุงกำลังดีนะ”
บางคนชอบกินไข่ดิบ ไข่ที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ไข่ดาว ไข่ลวก เพราะคิดว่าบำรุงร่างกายและย่อยง่าย
ถ้าไข่แดงเป็นยางมะตูมอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่ากับกินไข่ขาวที่เป็นยางใสๆ

ข้อเท็จจริง : เรื่องนี้ต้องขออธิบายยาวๆ ประการแรก ไข่ขาวที่เป็นยางใสๆ นั่นเป็น antibiotin
albumen และ antipancreas protease สำหรับ antibiotin albumen สามารถรวมเข้ากับ biotin
ไม่เพียงแต่ทำให้ biotin กลายเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้แล้ว ยังทำให้วิตามินบีในอาหารที่จะเป็น
ประโยชน์ต่อร่างกายเสื่อมหายไป หากร่างกายขาด biotin จะทำให้ไม่อยากกินอาหาร อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ
ผิวหนังอักเสบ ขนคิ้วร่วง เป็นต้น สำหรับ antipancreas protease นั้น จะทำให้โปรตีนสลายตัวยาก และทำให้การย่อยอาหารผิดปกติ

ประการที่สอง โปรตีนในไข่ดิบมีโครงสร้างที่หนาแน่น ส่วนใหญ่ร่างกายจะได้สามารถดูดซึม
ผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ เนื่องจากโปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิดรวมกัน จะต้องผ่านการแยกสลายในลำไส้
ทำให้มีขนาดเล็กลง ร่างกายจึงสามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้

ประการที่สาม ไข่ดิบมีกลิ่นคาวสามารถยับยั้งการทำงานของประสาทส่วนกลาง ทำให้น้ำลาย
น้ำย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้ถูกขับออกมาน้อย ทำให้ไม่อยากกินอาหาร อาหารไม่ย่อย พูดง่ายๆ การกินไข่ดิบ
ไข่ขาวจะย่อยยาก เนื่องจากไข่ขาวดิบทั้งหมดเป็น “อัลบูลมิน” ถ้าไม่สุกจะทำให้มีปัญหาเรื่องลำไส้ ไม่ค่อยย่อย
ยิ่งถ้าเป็นคนแก่จะไม่มีน้ำย่อยมาย่อย “อัลบูลมิน” ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี

ดังนั้น วิธีกินไข่ที่ดีและถูกต้องจึงควรกินไข่ที่สุกแล้ว และการกินไข่ก็ไม่ได้ทำให้แผลปูดแผลเน่าอย่างที่เชื่อกันมาโดยตลอด
จึงสามารถกินไข่ได้อย่างสบายใจค่ะและหมั่นดูแลรักษาความสะอาดแผลให้ดีก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะถึงอย่างไร
ไข่ก็ยังเป็นขวัญใจในหลายๆ เมนูอร่อยแถมยังมีคุณค่าราคาถูกด้วยนี่ค่ะ

KBeautifullife