-/> ตากระตุก เกิดจากอะไร นี่คือสัญญาณเตือนสุขภาพ

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดสุขภาพสุขภาพ (ผู้ดูแล: ญิบสลิล ณ นคร, หมอกริชครับ...คมกริช... คมกริช)ตากระตุก เกิดจากอะไร นี่คือสัญญาณเตือนสุขภาพ
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ตากระตุก เกิดจากอะไร นี่คือสัญญาณเตือนสุขภาพ  (อ่าน 1661 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,135
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2558, 07:58:22 AM »

Permalink: ตากระตุก เกิดจากอะไร นี่คือสัญญาณเตือนสุขภาพ








ตากระตุก เกิดจากอะไร นี่คือสัญญาณเตือนสุขภาพ



ตากับใบหน้ากระตุก สัญญาณเตือนสุขภาพ
         ศูนย์ประสาทและสมอง โรงพยาบาลธนบุรี ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา "ตากระตุกหน้ากระตุก"
ว่าไม่ใช่แค่ความเชื่อที่มักกล่าวกันว่า "ตาเขม่นขวาร้ายซ้ายดี" เท่านั้น แต่ถือเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งที่เรียกว่า
โรคกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้ 
         ตากระตุก หรือที่เรียกว่า ตาเขม่น เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
เช่น ใต้หนังตา มุมปาก หรือเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น ภาวะนี้ในบางรายอาจเกิดเป็นประจำจนอาจติดเป็นนิสัยได้
มักจะมีอาการกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ รวมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจก่อให้เกิดอาการตาเขม่นได้บ่อยๆ
และถ้าได้รับการพักผ่อนที่เพียงพออาการเหล่านี้ก็จะหายได้เอง
         ตากะพริบค้าง (Blepharospasm) ภาวะนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกายที่เรียกว่า
 ดีสโทเนีย (Dystonia) ผู้ป่วยจะมีตากะพริบทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อรอบลูกตาหดเกร็งตัวตลอดเวลา
 ในผู้ป่วยกลุ่มนี้เราสามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ
กะพริบตาถี่ ๆ
หรือกะพริบตาปิดค้างและลืมตาไม่ขึ้น

         ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (Hemifacial Spasm) ภาวะนี้เป็นความเคลื่อนไหวผิดปกติที่พบบ่อยในคนไทย
 โดยจะพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าทั้งซีกที่เลี้ยงด้วยประสาทสมองคู่ที่ 7 จะมีการกระตุกถี่ ๆ และเกร็งค้าง
อาการของโรคนี้จะก่อให้เกิดความรำคาญและทำให้ผู้ป่วยอายไม่กล้าเข้าสังคม ซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรงแต่รักษาไม่หาย
 อาการกระตุกจะเป็นมากขึ้นเมื่อผู้ป่วยตื่นเต้น ตกใจ หรือกังวล

         อาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณแนวตรงกลางทั้งหมด (Meige Syndrome)
 ซึ่งจะประกอบด้วยอาการตากะพริบค้างร่วมกับการเคลื่อนไหวผิดปกติของปาก จมูก และคิ้วร่วมด้วย
 กลุ่มอาการนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดปกติชนิดดีสโทเนีย

         การเคลื่อนไหวผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณรอบปาก คาง และลิ้น (Orofacial Dyskinesia)
จะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาของปาก คาง และลิ้น ภาวะนี้ส่วนมากเกิดจากการแพ้ยากลุ่มยากล่อมประสาทหลัก
หรือยากลุ่มที่ใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งโดยมากมักจะพบในผู้สูงอายุ 

         การรักษาผู้ป่วยในโรคนี้ คือ การใช้สารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ ฉีดเข้าไปใร่างกาย ซึ่งจะรักษาโรคได้เพียงชั่วคราว
 ประมาณ 2-4 เดือน และผู้ป่วยจำเป็นต้องกลับมารับการรักษาซ้ำ วิธีการฉีดนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัย และยังได้ผลดีขึ้นถึง 70-75%
 ไม่เสี่ยงต่อชีวิตของผู้ป่วยเหมือนการผ่าตัด แต่ก็มีข้อจำกัดในการรักษาด้วยสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ คือ มีราคาแพง
ฤทธิ์ของยาอยู่ได้เพียงชั่วคราวต้องกลับมาฉีดซ้ำอีก และมีผลแทรกซ้อนของการฉีด ได้แก่ ตาแห้ง น้ำตาไหลเยอะ หนังตาตก
 ตาสู้แสงไม่ได้ เห็นภาพซ้อน เลือดออกบริเวณที่ฉีด ปากเบี้ยว ฝืดคอ และมีผื่นตามลำตัว
แต่อาการทั้งหมดจะเป็นเพียงชั่วคราวแล้วจะค่อยๆ หายเอง

         ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไร โรคต่าง ๆ ก็สามารถถามหาคุณได้ ก่อนที่อะไรจะสายเกินแก้หันมาใส่ใจ
 ดูแลรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรงตลอดไปกันดีกว่า เพียงแค่ตรวจร่างกายประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย
รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้คุณก็มีร่างกายที่แข็งแรงไปอีกนาน


ข้อมุล  จากไทยโพส


บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: