ยาหอมคืออะไร ทำไมต้องกินยาหอมยาหอม คือยาที่ถูกกำหนดให้เป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ สามารถจำหน่ายได้ทุกสถานที่ หมอแผนโบราณใช้รักษาอาการไข้ บำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์ แก้ลมวิงเวียน มีอยู่ 4 ตำรับที่ขึ้นทะเบียนไว้ที่ อย. คือ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมอินทจักร์ ยาหอมนวโกฐ และเป็นตำรับที่ใครก็สามารถลอกนำไปใช้ได้ เป็นสูตรยาตายตัว ซึ่งจะเป็นกลุ่มยาสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมแต่ปัจจุบันได้มีการกำหนดสรรพคุณใหม่ให้เป็น่ยาที่สรรพคุณแก้ลมวิงเวียน ยังมีแต่ตำรับยาหอมเทพจิตรเท่านั้นที่ระบุสรรพคุณชัดเจนว่าใช้บำรุงหัวใจทำไมคนไทยต้องกินยาหอม? ตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทย มีการใช้ยาหอมแก้โรคลมมาช้านานและมีหลากหลายตำรับที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ โรคลม มี 2 ประเภท คือลมกองหยาบ กับลมกองละเอียด
1. ลมกองหยาบ คือ ลมหายใจเข้าออก ลมในท้องและลำไส้ มักจะมีอาการจุก แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เรอ และผายลม
2. ลมกองละเอียด คือ ลมที่ก่อให้เกิดอาการหน้ามือตาลาย เวียนศรีรษะ ใจสั่นสวิงสวาย อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ตกใจ เสียใจ แพ้ท้อง และทำงานกลางแดดจัดนาน ๆ
ถ้านำกลุ่มอาการที่เกิดจากโรคลมทั้ง 23 กองมาวิเคราะห์ตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบันแล้วจะสามารถเทียบเคียงได้กับกลุ่มอาการของโรค
- อาการบ้านหมุน (Vertigo)
- อาการใจสั่น (Papitation)
- อารมณ์เครียด (Einolional Stress)
- ปวดศรีษะ (Headache)
ซึ่งกลุ่มอาการของโรคดังกล่าวมานี้สามารถใช้ยาหอมไทยรักษาได้ รวมถึงอาการเมารถเมาเรือก็สามารถใช้ยาหอมแก้อาการได้
สรุปแล้วคนไทยกินยาหอมเพราะมีอาการเกี่ยวกับโรคลมและตัวยาหอมจะสามารถช่วยรักษาและแก้ไขอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนไทยจึงใช้ยาหอมมาช้านาน
ทำยาหอมไว้กินเองทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
ถ้าผู้บริโภคไม่ซื้อยาหมอกินเองทางเลือกที่ดีก็น่าจะทำยาหอมไว้รับประทานเอง โดยอาจจะเลือกตำรับยาหอมสามัญประจำบ้านทั้ง 4 ตำรับ ดังที่กล่าวข้างต้น หรือยาหอมตำรับอื่น ๆ ของหมอแผนไทย ซึ่งมีจำนวนมากมาย โดยเอาตัวยาเหล่านี้ไปหาซื้อตามร้านขายยาสมุนไพรที่เชื่อถือได้และให้ทางร้านจัดปริมาณตัวยาตามที่กำหนดไว้เลยแล้วเอามาปรุงเองตามกรรมวิธีที่บอกไว้ในตำรับ และขอแนะนำยาหอมไว้ 2 ตำรับ ตำรับแรกคือยาสามัญประจำบ้านที่มีสรรพคุณแก้ลม วิงเวียน และบำรุงหัวใจ ส่วนตำรับที่ 2 เป็นของหมอประกอบ อุบลขาว ท่านแนะนำไว้บอกว่าทางภาคใต้ใช้ตำรับยานี้กันอย่างแพร่หลายเหมือนกัน ก็เลยนำมาฝากไว้ที่นี้ด้วย
ตำรับยาหอมเทพจิตร (ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ)
วัตถุส่วนประกอบ
- ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ ลูกกระวาน กานพลู จันทร์แดง จันทร์ขาว กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปราะหอม แฝกหอม หนักสิ่งละ 2 ส่วน
- ผิวมะกรูด ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว ผิวส้ม ตะรังกะนู ผิวส้มจีน ผิวส้มโอ ผิวส้มเขียวหวาน หนักสิ่งละ 4 ส่วน
- ผิวส้มซ่า หนัก 28 ส่วน
- เกสรดอกพิกุล เกสรดอกบุนนาค เกสรดอกสารภี เกสรดอกบัวหลวง ดอกบัวขม ดอกบัวเผื่อน หนักสิ่งละ 4 ส่วน
- การบูร หนัก 1 ส่วน
- โกฐสอ โกฐเขมา โกฐหัวบัว โกฐเชียง โกฐจุฬาลัมพา โกฐกระดูก โกฐก้านพร้าว โกฐพงปลา โกฐชฎามังสี หนักสิ่งละ 4 ส่วน
- เทียนดำ เทียนแดง เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก เทียนตาตั๊กแตน เทียนเยาวพาณี เทียนสัตตบุษย์ เทียนเกล็ดหอย เทียนตากบ หนักสิ่งละ 4 ส่วน
- พิมเสนหนัก 4 ส่วน
- ดอกมะลิ หนัก 184 ส่วน
วิธีทำ บดเป็นผง ผสมน้ำดอกไม้เทศ ทำเป็นเม็ด หนักเม็ดละ 0.2 กรัม
รับประทาน ครั้งละ 5-7 เม็ด
สรรพคุณ แก้ลม บำรุงหัวใจ
ยาหอมชื่นใจ (หมอประกอบ อุบลขาว)
วัตถุส่วนประกอบ
- โกศสอ โกศหัวบัว เปราะหอม ชะเอมเทศ ชะเอมไทย อบเชยเทศ อบเชยไทย หนักอย่างละ 30 กรัม
- ผงลิ้นทะเล หนัก 15 กรัม
- พิมเสน(เกล็ด)หนักอย่างละ 7.5 กรัม
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมดเป็นผงบดให้ละเอียดผสมกัน
รับประทาน ครั้งละ ½ ช้อนชา ชงกับน้ำอุ่น รับประทานตอนเช้าและก่อนนอน
สรรพคุณ แก้อารมณ์เครียด รับประทานแล้ว ทำให้ชื่นใจ ป้องกันลมอันมีพิษทั้งปวง บำรุงหัวใจ แก้ความดันต่ำที่มา 108 แพทย์แผนไทย