.....~.. เพ้อ ..~.....
~.. โคลงสี่สุภาพ ..~
จันทราลอยล่องฟ้า.......สวยสุด
ผุดผ่องเปรียบประดุจ.....พักตร์น้อง
ชายเคียงคู่นงนุช.........พูดพร่ำ
เคยเอ่ยเพลงขับร้อง......ยั่วเย้าอนงค์
หลงคำหวานมอบให้......ใจเขา
จึงปล่อยตัวมัวเมา..........เร่าร้อน
มิครวญใคร่ตัวเรา..........ฝันใฝ่
หวังเพื่อเพียงออดอ้อน....เหนี่ยวรั้งชิดเชย
วันคืนเลยล่วงพ้น..........ยาวนาน
เขาไม่หวนคืนมาน.........บอบช้ำ
จิตขมขื่นซมซาน............ประหวั่น
จึงคร่ำครวญกลืนกล้ำ.......ผ่าวร้อนฤทัย
เหตุใดเขาหลบลี้........หนีหาย
เราขื่นขมเจียนตาย.....ค่ำเช้า
หลับหรือตื่นมิวาย.......หนาวสั่น
ไยปล่อยใจเราเศร้า.....อ่อนล้าตรอมตรม
จิตจมลงสู่ห้วง............ความเหงา
คงหม่นหมองซึมเซา.....แน่แล้ว
มิระรื่นใจเรา..............แหนงหน่าย
ยากไถ่ถอนมิแคล้ว...... ยิ่งย้ำฝังตรึง
เพราะรักจึงชอกช้ำ........กำสรวล
ใจป่วนจนเซซวน.........หมกไหม้
เหมือนกับดั่งถูกตรวน....ขึงล่าม
ติดบ่วงสวาทไซร้..........ตอกย้ำยาวนาน~... กลอนแปด ...~
จันทร์ทอแสงกลางหาวสะกาวพร่าง
ส่องสว่างแสงนวลชวนหลงใหล
พี่กอดน้องเพ้อพร่ำรำพันไป
มิห่างไกลคอยเฝ้าเย้าอนงค์
หลงคำหวานจึงพร้อมมอบใจให้
ปล่อยตัวไปมัวเมาเฝ้าลุ่มหลง
มิใคร่ครวญเพราะรักปักมั่นคง
หวังดำรงเคียงคู่อยู่ชิดเชย
วันเดือนปีเปลี่ยนผันสัมพันธ์ห่าง
เขามาขอแยกทางจากเราเฉย
ตัองขมขื่นซมซานดวงมานเอย
โธ่เราเอ๋ยกลืนกล้ำช้ำฤดี
เขาพบหญิงคนใหม่ใจสุขสม
เราขื่นขมเกือบตายคล้ายกับผี
หลับหรือตื่นมิวายหน่ายชีวี
อยากจะหนีลาโลกสิ้นโศกตรม
จิตดำดิ่งติดบ่วงห้วงความเหงา
ทั้งหม่นหมองซึมเซาเข้าผสม
มิระรื่นใจเราเฝ้าระทม
เจ็บระบมเพราะรักปักฝังตรึง
เพราะรักต้องชอกช้ำเฝ้ากำสรวล
จึงคร่ำครวญพร่ำเพ้อละเมอถึง
เหมือนดั่งถูกโซ่ตรวนมาล่ามดึง
ติดบ่วงขึงสวาทมิอาจคลาย
พิมพ์อุบล
๒ มีนาคม ๒๕๖๒