-/> 5 กฎการกิน เพื่อความอ่อนเยาว์ไปนาน ๆ

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: 5 กฎการกิน เพื่อความอ่อนเยาว์ไปนาน ๆ  (อ่าน 2314 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 4206
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลบอร์ดนักโพสดีเด่น
กระทู้: 681
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« เมื่อ: 06 เมษายน 2556, 10:52:21 AM »

Permalink: 5 กฎการกิน เพื่อความอ่อนเยาว์ไปนาน ๆ
5 กฎการกิน เพื่อความอ่อนเยาว์ไปนาน ๆ

           ความสวยงามขึ้นอยู่กับคนมอง แต่ความเยาว์วัยขึ้นอยู่กับการเปล่งประกาย จากภายในร่างกาย เรามาเริ่มดูแลอาหารการกินตั้งแต่วันนี้กันนะคะ เผลอ ๆ อีก 50 ปีข้างหน้าจะได้พบกันเหมือนวันนี้ที่ยังสาว

1.มองหาสีสัน

           ความจริงแล้วอาหารเป็นสิ่งสวยงามมากเลยนะ เริ่มจากสีแดงในมะเขือเทศ สีเขียวในบร็อกโคลี่ สีน้ำเงินเข้มจากบลูเบอร์รี่ ฯลฯ สีสันสดใสของผลไม้เหล่านี้ จะเป็นตัวบ่งบอกถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกันออกไป และสารเหล่านี้ล่ะที่จะช่วยหยุดริ้วรอยบนใบหน้า พร้อมกับที่ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดของเราตีบตัน ซึ่งนอกจากจะชะลอริ้วรอยต่าง ๆ แล้วสารต้านอนุมูลอิสระ ยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหายเมื่อเราอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

           ทั้งนี้ สารต้านอนุมูลอิสระมีหลายประเภท ตั้งแต่วิตามินเอ ซี อี ซีลีเนียม โคเอนไซม์ Q10 เราจึงต้องเลือกกินผักและผลไม้สีสันต่าง ๆ คละเคล้ากันไป เช่น สีแดงเข้มจากทับทิมอาจปกป้องเราจากโรคสโตรกและโรคหัวใจ ในขณะที่สีเขียวจากบร็อกโคลี่จะช่วยขับไล่มะเร็งเต้านม เป็นต้น

2.เพิ่มไขมัน

           อย่ากลัวไขมันไปเลย ลองหยิบฉลากอาหารขึ้นมา ค้นหา "Monounsaturated Fat" หรือไขมันไม่อิ่มตัวโมเลกุลเดี่ยว เพราะไขมันเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของคุณเยาว์วัยออกมาจากภายใน และลดความเสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคเบาหวาน มะเร็ง หรือแม้แต่โรคอัลไซเมอร์

           "กรดไขมันจำเป็น" โอเมก้า-3 นับเป็นสุดยอดสารอาหารอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเราสามารถหาได้จากปลาต่าง ๆ ที่มี DHA และ EPA อยู่มากมาย นอกจากปลาแซลมอนที่เรารู้จักกันดีแล้ว ลองมองหาปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาแฮร์ริ่ง ปลาโอ หรือน้ำมันที่มี ALA อย่างน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา หรือแม้แต่น้ำมันถั่วเหลืองที่เราคุ้นเคย

3.จิบไวน์แดง
        มาเพิ่มความหรูหราสุขภาพดีให้ชีวิตด้วยการจิบไวน์แดง ควรจิบหลังหรือระหว่างมื้ออาหาร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างช้า ๆ การดื่มไวน์วันละหนึ่งแก้ว จะลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้จากทุกสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ โรคหัวใจ (ลด LDL แต่เพิ่ม HDL) ป้องกันไม่ให้เส้นเลือดอุดตัน ลดความดันโลหิต
ประโยชน์ส่วนหนึ่งต้องยกให้แอลกอฮอล์ในไวน์ ที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของหลอดเลือดแดง แต่โดยตัวของไวน์แดงเองจะมีฟลาวานอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากผิวองุ่นแดงอยู่มาก

4.ดื่มชาเขียว
           ชาเขียวอัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่า คาเตชิน (Catechin) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันอนุมูลอิสระมากพอ ๆ กับวิตามินอีหรือซีที่เรารู้จักกันดี โดยทั่วโลกมีการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของชาเขียวมากมาย และค้าหาว่าเราต้องดื่มชาเขียววันละกี่แก้วจึงจะเกิดผลดีที่สุด การดื่มชาเขียวเพียงวันละแก้ว จะลดความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ถึง 46% และถ้าดื่มมากกว่านั้นก็อาจลดได้ถึง 65%

           หากคุณเป็นสาวกชาเขียว จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับคุณมากมาย ตั้งแต่ทำให้หลอดเลือดหัวใจปลอดโรค ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดตีบ ระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง เนื่องจากสารคาเตชินจะไปกระตุ้นน้ำย่อยจากตับอ่อน ซึ่งจะช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้น แต่ถึงชาเขียวจะป้องกนมะเร็งได้ดีแค่ไหน การดื่มชาเขียวก็ไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษาโรคมะเร็งได้นะคะ

5.กินให้น้อยลง
           นักวิจัยจาก Harvard School of Public Health ค้นพบว่าหญิงสาว ที่มีน้ำหนักตัวใกล้เคียงกับตอนที่อายุ 18 จะลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานประเภทสอง และโรคนิ่วได้ถึง 66% เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่น้ำหนักขึ้นจากวัยสาว 5-10 กิโลกรัม โชคร้ายที่เมื่อเราอายุมากขึ้น น้ำหนักตัวก็รังแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ายังกินของเดิม ๆ และใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 0.5-1 กิโลกรัมและถึงแม้คุณจะพยายามมากแค่ไหน แต่ฮอร์โมนที่ดูแลกล้ามเนื้อจะลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ เมื่อเราอายุมากขึ้น เป็นสาเหตุให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นตามอายุ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือลดปริมาณอาหารลงเสีย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : LISA Weekly
ขอบคุณภาพจาก : อินเตอร์เน็ต
บันทึกการเข้า




หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: