You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยกระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
 31 
 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 04:56:33 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร





☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๙☆
.  (เมขลาอวตาร๕ กบเลือกนาย)

☆ปางสี่เติมเริ่มต้นปนสงสัย
เจ้าทรามวัยเมขลามารศรี
เกิดเป็นกบภพหนึ่งพึ่งวารี
ในชาตินี้รุมเร้าเศร้าอุรา

☆ยามฝนพรำร่ำร้องทั่วท้องทุ่ง
วิ่งกันยุ่งพลุกพล่านพาลร้องหา
มองหาคู่อยู่ไหนไยมิมา
หลบหนีหน้าหรือแอบแนบใหม่ควง

☆ตะโกนกลบอ๊บอ๊บไม่จบสิ้น
กระโดดดิ้นแด่วแด่วแววหึงหวง
หนุ่มหล่อร้ายกายล่ำขอย้ำทวง
คิดเป็นห่วงบ้างไหมใครเขารอ

☆ชะโงกหน้าตาถลนก่นเสียงกู่
ยู่ฮู้ฮูให้ควั่กรักมากหนอ
เงียบฉี่เลยเคยเคล้าพะเน้าคลอ
ปล่อยให้พ้อถึงพี่นี่กระไร

☆ลืมหรือยังครั้งก่อนตอนฝนตก
น้องงันงกหนาวสั่นกว่าวันไหน
พี่พร่ำพรอดยอดรักปักฤทัย
น้องทรามวัยซึมซับกับน้ำตา

☆ความผูกพันนั้นเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย
ไม่เคยเหนื่อยรักเลยที่เคยหา
เพราะเจอแล้วแก้วฤดีคือพี่ยา
เหมือนดั่งฟ้าประทานหวานอารมณ์

☆ทุกวันคืนชื่นฉ่ำน้ำฝนพร่าง
จันทร์กระจ่างคราใดใจสุขสม
พี่ชวนน้องสองเราเฝ้าชี้ชม
ลุยโคลนตมชื้นแฉะไม่แกะกาย

☆ดิ้นขลุกขลักทุลักทุเลดูเท่ห์มาก
หัวเราะก๊ากเป็นปลื้มมิลืมหาย
มุดซอกซอนย้อนซุกสุขสบาย
แหวกธารสายหญ้าพงทั่วดงดอน

☆เถลือกถลนขนไชไม่ถลอก
ทั่วหน่อหนอกร่างกายหลายโขดขอน
ปล่อยน้ำเมือกเกลือกกลั้วกลิ้งตัวนอน
เฝ้าตะลอนแถไถลไพรพนา

☆เก็บดอกไม้ไขว้หูจนดูแน่น
ต้องคาบแทนด้วยปากมากสรรหา
เสพสุขสองร้องลั่นพรรณนา
จนท้องฟ้าหมดฝนเทล้นใจ

☆แล้วลืมวันกันลงหรือปลงแล้ว
ทิ้งน้องแก้วเหว่ว้ากล้าไฉน
โกนหัวบวชชวดชมขมหทัย
อยู่วัดไหนกันเล่าเศร้าเหลือดี

☆เสียงขลักขลุกจุ๊กกรู้หูข้างซ้าย
พอเหลียวกายถูกหอมแล้วอ้อมหนี
อ้อ..พ่อหนุ่มตุ่มหล่อยืนรอรี
เที่ยวไหนนี่เพิ่งมาท่าเว้าวอน

☆พี่งับปลาอาหารคลานมาฝาก
ด้วยรักมากจริงใจใช่หลอกหลอน
มีน้องซึ้งหนึ่งแน่แค่บังอร
โฉมสมรของพี่อย่าบีฑา

☆ภิรมย์สุขคลุกเคล้ากบสาวหนุ่ม
ทุกวันชุ่มฉ่ำรักเป็นนักหนา
เร่งเร้ารุกสุขสันต์วันเวลา
มินานช้าลูกหลานคลานเรียงกัน

☆อาศัยซึ่งบึงใหญ่ในป่ากว้าง
แลสล้างเย็นชื่นรื่นเขตขัณฑ์
ทั้งญาติมิตรชิดเชื้อเกื้อเผ่าพันธุ์
คืนและวันเลื่อนผ่านสำราญดี

☆ปลาอมิตรคิดร้ายหมายพิฆาต
อาละวาดจับกินถิ่นวิถี
งาบงับถูกลูกน้อยลอยวารี
มิอาจหนีหลีกหลบจบชีพวาร

☆ซ้ำวันนี้ที่แย่มีแม่ปลา
ไม่รู้มาจากไหนไกลถิ่นฐาน
มุดแผ่นดินดิ้นโผล่โชว์เหงือกบาน
กินลูกหลานเกือบหมดสลดใจ

☆จึงผนวกพวกพร้อมล้อมวงแห่
ทั้งฆ้องแตรตีกลองมองตาใส
เทวะจ๋าฟ้าสวยช่วยห่วงใย
เถอะส่งใครปกป้องโปรดมองมา

☆เทวดาครายินตอนบินตรวจ
เขตสำรวจปกปักอารักษ์ขา
เห็นฝูงกบหลบร้อนวอนพึ่งพา
จึงหันคว้าขอนไม้ให้หนึ่งลำ

☆บอก..นี่แนะกบน้อยจงคอยหลบ
ปลาไล่ขบยามใดไม่ถลำ
แอบตัวนอนขอนใหญ่มิใช่ดำ
ปลาว่ายล้ำจึ่งจรใช้ซ่อนกาย

☆ค่อยลงน้ำตามเดิมเพิ่มขอนให้
จำเอาไว้นะเจ้าเศร้าจงหาย
ทั้งป้องปกนกกาค่ามากมาย
จะไม่ตายแน่นอนลาก่อนเอย

☆กบได้ฟังดังนั้นพลันบอกต่อ
บุญคุณพ่อเทวดามาเฉลย
ระลึกจำคำวาดไม่พลาดเลย
ลูกหลานเอ๋ยเรียนรู้อยู่ร่วมกัน

☆หลบทุกทีวี่วันมันเหน็ดเหนื่อย
หนีอยู่เรื่อยเจ่าจุกทุกข์หมันต์
เทวะรู้อยู่ไหนให้ช่วยพลัน
ร้องกระชั้นเซ็งแซ่แย่เหลือเกิน

☆เทวาเห็นเช่นนั้นพลันงานยาก
ช่างเรื่องมากแน่ไซร้ไม่ขัดเขิน
เอาแต่ขอรอจ้องมองเพลิดเพลิน
ไยจึงเมินไม้ขอนที่หย่อนไป

☆ส่งกระสาถลาว่อนร่อนมาช่วย
ฝูงปลาม้วยกลาดเกลื่อนตามเงื่อนไข
มินานช้าปลาหมดลดเภทภัย
แหล่งน้ำใสสิ้นปลามารบกวน

☆ฝูงนกน้อยลอยฟ้าใครกล้าแหยม
กระสาแฮ่มร้องไล่ไม่คืนหวน
หากินไกลไปลับมิกลับทวน
ฝูงกบล้วนดีใจไร้กังวล

☆เพียงสุขได้ไม่นานพาลหมดปลื้ม
เพราะว่าลืมนึกไปใจสับสน
กระสาลิ้นกินเนื้อเพื่อร่างตน
ให้หลุดพ้นความหิวทั่วริ้วกาย

☆ขาดทั้งปลาหานกก็อกหัก
อาหารหลักคือกบจบความหมาย
กระสาเพลินเดินกินชีวินวาย
กบล้มตายสูญพันธุ์ถึงบรรลัย

☆นี่แหละหนอขอกันฝันจะสุข
กลับรับทุกข์ตามมาพาตักษัย
อ่านแล้วคิดสิทธิ์นั้นอันเป็นไป
เพียงแค่ไหนจึงพอต่อชีวา

☆นักปกครองตรองดูให้รู้ซึ้ง
มีหรือหนึ่งคนดีที่ใฝ่หา
เลือกขอนไม้ไร้แสงแห่งศรัทธา
หรือกระสาปากงอโก่งคอกิน.

                    เริงอักษร



 32 
 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2567, 04:34:42 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๘☆
 (เมขลาอวตาร๔ ราชสีห์กับหนู)

☆ภพที่สามตามเรื่องต่อเนื่องผ่าน
อวตารเรือนร่างอย่างโก้หรู
หุ่นองอาจราชสีห์มีหัวฟู
อาศัยอยู่ป่าใหญ่กลางไพรพง

☆มีสนมสมใจเพื่อใช้สอย
มากกว่าร้อยเนื้อนวลชวนไหลหลง
ทุกคนเลิศเพริศพริ้งเกินทิ้งลง
จึงยังคงแวะเวียนเปลี่ยนที่นอน

☆มารตีสีสวาทนั้นปราดเปรื่อง
รู้ทุกเรื่องบนเตียงเคียงสมร
ถึงวันพลิ้วคิวถึงพึงรีบจร
เสียงฉะอ้อนค่ะขาพาอิ่มเอม

☆ฉัตรหทัยใสปิ๊งยามกลิ้งเกลือก
ไม่เคยเลือกซุกไซ้ใจเกษม
ผิวน้ำตาลหวานซึ้งกึ่งชะเอม
ยามเคล้าเคลมซ่านลิ้นจากกลิ่นนาง

☆ตรียุพาหน้าขาวราวตาลเฉาะ
เสียงเสนาะนักหนาเวลาสาง
ร้องเพลงกล่อมคร่อมอกหมกกายพลาง
ฟังน้องครางงึมงำแล้วฉ่ำทรวง

☆แม่ทองหยอดกอดเดินเพลินลอยหน้า
หนุ่มอิจฉาจริงเว้ยเฮ้ย..ข้าหวง
เอวอ้อนแอ้นแขนงอนตอนเคียงควง
อยากจะล้วงดอกรักปักทรวงใน

☆น้องสายหยุดสุดเก่งนักเลงหรา
ตั้งแต่ฟ้าเริ่มดำคล้ำไศล
ปรนนิบัติพัดวีดีกว่าใคร
ถูกฤทัยทุกครั้งยังจดจำ

☆เจ้าจันทร์ผาขาโหดมิโกรธแน่
ชอบใช้แซ่ฟาดบ่อยเป็นรอยจ้ำ
มันเจ็บแสบแปลบคันหวั่นตอนทำ
เป็นสุขล้ำหากเสร็จสำเร็จการ

☆เปลี่ยนความแซ่บแบบนี้ช่างมีสุข
ไร้ความทุกข์จริงแท้แม้อาหาร
ทุกนางน้อยคอยป้อนนอนสำราญ
อยู่มานานเนิ่นนักสักสิบปี

☆เช้าวันหนึ่งซึ้งใจในแดดสาง
เดินเยื้องย่างนวยนาดมาดสุขี
เฝ้าเที่ยวท่องมองหาดารุณี
ถ้วนทุกที่ทั่วดงแนวพงไพร

☆เห็นหนูน้อยห้อยหัวตัวครามเขียว
ท่าปราดเปรียววิ่งรี่ชี้มือใส่
ยืนเต้นย้ายสายย่อล้อเลียนใคร
กล้าไฉนหรือบ้าหน้ายวนยี

☆ตะครุบรัวหัวหางนางปัดป้อง
กระโจนร้องจี๊ดจิ๊ดคิดจะหนี
โชว์มาดสิงห์ชิงรุกสนุกดี
คล่อมมือบี้เร็วไวในทำนอง

☆ขยับหนีบคีบหูหนูขาสั่น
อะไรกันเล่านี่ที่กู่ก้อง
เสียงโวยวายคล้ายบ้าให้ข้ามอง
แหกปากร้องแล่นเลาะเพราะอะไร

☆หนูน้อยกลัวตัวสั่นหวั่นเกรงโทษ
อย่าเพิ่งโกรธหนูเลยเผยสงสัย
มายืนล้อข้อฉงนเหตุกลใด
บอกออกไปสิ้นซากรัวปากพลัน

☆ด้วยตัวน้องครองโสดแสนโฉดเฉา
เพื่อนท้าเราหนอยแน่ะแคะคุ้ยฉัน
อีกสิบชาติขาดชายม่ายชีวัน
สอนให้หมั่นพร่ำพรอดทอดสะพาน

☆กล้าพอไหมไปเต้นทะเล้นหน้า
ทำกึ่งบ้าใบ้บอต่อหน้าท่าน
เด็ดหนวดขาดราชสีห์ที่แตกพาน
ถือเป็นด่านวัดใจในเรื่องแฟน

☆ถ้าทำได้ใจถึงจึงจะช่วย
โรคที่ป่วยจากรักหนักเหลือแสน
ประกาศกู่คู่ให้ในดินแดน
จะได้แฟนแน่นอนบังอรเอย

☆จึงมาเต้นเล่นล้อเพื่อรอท่าน
หวังรางวัลงดงามตามเฉลย
ถึงตัวหายตายจากอยากชมเชย
เพราะไม่เคยมีใครได้ร่วมเรียง

☆หากมิพบครบแผนแฟนที่หมาย
ก็ขอตายดีกว่ากล้าขึ้นเขียง
ให้ท่านฟัดกัดขาดสิ้นชาติเพียง
จะไม่เลี่ยงหลีกหนีฤดียอม

☆ราชสีห์หรี่ตาคราครุ่นคิด
หนูน้อยผิดจากรักหนักกระหม่อม
ไร้ชายเชื้อเจือจานพาลตรมตรอม
เจ้าจงน้อมรับไว้ในอุบาย

☆อันหนุ่มนายหลายหลากนั้นมากที่
เราจะชี้หนทางอย่างคิดหมาย
กลเม็ดเคล็ดลับจับผู้ชาย
แค่เรียบง่าย"สามข้อ"ขอจงฟัง

☆หนึ่ง..พูดหวานซ่านหูไม่รู้หาย
ยามกรีดกรายงามผุดสุดเสียงสังข์
อย่าบึ้งตึงขึงหน้าพาชิงชัง
ร่ายมนตร์ขลังด้วยยิ้มที่พิมพ์ใจ

☆สอง..การบ้านงานเรือนเตือนเธอด้วย
สะอาดสวยทุกซอกบอกขานไข
อาหารสดรสชาติวาดวิไล
ต้องอาศัยปลายจวักหลักประกัน

☆สาม..เสพเล่ห์เมถุนพร้อมอุ่นอิ่ม
ชายใดชิมคลั่งไคล้ไต่สวรรค์
หาโปรฯใหม่ไม้เด็ดเคล็ดโรมรัน
เพียงเท่านั้นก็พอหนอผู้ชาย

☆หนูหูตั้งฟังไปเหมือนได้แก้ว
โอ้..มาแล้วพระเอกเสกสิ่งหมาย
ต่อไปนี้มีแฟนแสนซำบาย
ใจคลี่คลายเรื่องลดคงหมดตรม

☆มองภาพเห็นเป็นปลื้มลืมความช้ำ
พร้อมจดจำเพื่อใช้ไร้ขื่นขม
วันหน้าพี่มีภัยให้คอยชม
จะคลายปมคืนมอบตอบแทนคุณ

☆ราชสีห์หัวร่อจนงอหาย
ตราบวันตายยากนักจักเกื้อหนุน
ข้านั้นเล่าเจ้าป่าฟ้าเจือจุน
อย่าได้วุ่นวายใจกระไรเลย

☆เพียงผ่านผันวันเดียวเชียวหรือนี่
ราชสีห์ติดบ่วงหนอดวงเอ๋ย
หนูมาพบสบทีที่ภิเปรย
กัดเชือกเสยขาดผึ๋งจึงปลอดภัย

☆กัลยาณมิตรประสิทธิ์ผล
ยามอับจนพึ่งพักหลักอาศัย
เป็นน้องพี่ดีกว่าพาสุขใจ
ชีวิตวัยทุกสถานดุจว่านเครือ

☆อุทาหรณ์สอนใจให้รู้ว่า
กรุณาย่อมดีมีค่าเหลือ
ส่งน้ำจิตรติดสอยคอยจุนเจือ
จงอย่าเบื่อให้อภัยในทุกยาม

☆ร่ายมาครบจบก่อนในตอนสี่
แม่คนดีเมขลาจะพาข้าม
กลอนบทหน้าอวตารให้อ่านตาม
จะงดงามถูกใจอย่างไรดี.

                      เริงอักษร
.
.



 33 
 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2567, 06:33:52 PM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๗☆
  (เมขลาอวตาร๓ กระต่ายกับเต่า)

☆ปางที่สองล่องฟ้ามาจุติ
เรื่องบานผลิแตกกอส่อคำสอน
มิตรรักรื่นยืนนั่งรอฟังกลอน
เรียงคำซ่อนอิ่มอ่านสำราญใจ

☆อวตารผ่านเห็นเป็นกระต่าย
ขาวทั่วกายหูตั้งปลั่งสดใส
กระโดดดึ๋งผึ๋งโผนกระโจนไว
ฝากฝีไม้ลายมือแสนลือชา

☆ดั่งจรวดรวดเร็วเอวยักถี่
ในโลกนี้โลกไหนไรักังขา
ใครนักเลงเก่งเอ้า..เจ้าจงมา
แข่งกับข้าสักครั้งคอยนั่งรอ

☆ชะอ้อนแอ้นแก่นแก้วแม่แต๋วจ๋า
วิ่งไล่ท้าทุกคนจนกลัวหงอ
ชนะบ่อยร้อยครั้งยังมิพอ
เฝ้าคุยจ้อข่มทับขับเสภา

☆ชะเอิงเอยเฮ้ยแนะกระแดะปาก
ไม่กระดากขวยอายร้ายเดียงสา
หากใครแน่แท้จริงอย่านิ่งนา
เร็วเถิดมาแข่งด่วนชวนประลอง

☆วิ่งยักเยื้องเมืองกรุงมุ่งร้อยเอ็ด
ข้ามอีกเจ็ดย่านน้ำล้ำเที่ยวท่อง
ออกจากไทยไปธิเบตเขตปกครอง
ข้าขอจองตั๋วก่อนอยากนอนไป

☆ปีนเขาแอลป์แถวเทียบเหยียบปุยเมฆ
จะเขยกขาเขย่งเกรงที่ไหน
แม้นมุดน้ำดำดินถิ่นแดนใด
อย่าสงสัยชนะแน่แพ้มิเป็น

☆รออยู่นานพาลเบื่อจนเหลือที่
คนลองดีมีไหมไอ้ขี้เหม็น
ตั้งแต่เช้าเหงาหงอยคอยถึงเย็น
ก็มิเห็นคนไหนใครรับคำ

☆พอเห็นเต่าเฝ้าคลานเลยผ่านหน้า
ตะโกนท้าลองไหมด้วยใจขำ
ย้ายยืดเยื้อเหลือเกินเดินเหมือนคลำ
เอ่ยเสียงย้ำยียวนกวนบาทา

☆เจ้าเต่าน้อยพลอยคิดจะผิดไหม
ด้วยเจ็บใจเหลือล้ำคำกล่าวหา
ลองสู้นิดคิดกลผลออกมา
แพ้หรือว่าชนะนั้นฉันไม่แคร์

☆ทั่วป่ากรูรู้ข่าวเรื่องราวเด็ด
รวบรวมเสร็จของพนันประชันแห่
ต่อกระต่ายทายผลทุกคนแล
ชนะแน่เต่าน้อยด้อยแรงเดิน

☆ขาก็สั้นบั้นท้ายย้ายมิเก่ง
กระดองเต่งอนิจจังยังงกเงิ่น
ถ่วงติดตัวหัวขาพาหนักเกิน
มองประเมินรู้แน่คงแพ้เยอะ

☆พอถึงวันขันแข่งต่างแย่งที่
อยากชมชี้แถวหน้ามาบานเบอะ
มองเห็นชัดถนัดตาดีกว่าเนอะ
วุ่นกันเปรอะเชียวหนอเพื่อรอเชียร์

☆ทางที่ท้าห้าโยชน์จากโขดหิน
แล้วสุดสิ้นกลางพงคงได้เสีย
ใครถึงนะชนะแน่แต่ขอเคลียร์
แพ้เป็นเบี้ยรับใช้ไปจนตาย

☆พอนับหนึ่งถึงสามตามที่นัด
กระต่ายงัดเอวพลิ้วปลิวตัวหาย
ดั่งลมกรดทดบึ่งตะบึงกาย
เห็นแดดสายส่องจับลับกายา

☆เต่าสตาร์ทมาดเข้มเต็มสปีด
จิกเท้ากรีดหนักแน่นแล่นถลา
มองกระต่ายหายวับไปกับตา
ได้แต่อ้าปากค้อนถอนใจยาว

☆กระต่ายวิ่งชิงถึงครึ่งทางแข่ง
ผ่อนเรี่ยวแรงที่จุดแล้วหยุดหาว
เอามือป้องจ้องแดดแผดร้อนพราว
แสนอบอ้าวเหลือดีมิมีลม

☆เห็นใต้สนต้นไทรที่ใบแน่น
โอบเป็นแผ่นเงาพร่างช่างสุขสม
พักเสียทีดีกว่าน่าภิรมย์
เห็นเงางมของเต่าเราค่อยไป

☆ความอวดดีขี้เล่นเช่นกระต่าย
นั่งผ่อนคลายเคลิบเคลิ้มเริ่มหลับไหล
ลมสะบัดพัดผ่านสำราญใจ
จึงเผลอไผลพลาดพลั้งเกินยั้งตัว

☆เต่าอืดอาดมาดว่ามานะมาก
อดทนลากกระดองดั้นเดินชันหัว
แดดจะร้อนชอนไชไม่เคยกลัว
ย่ำเท้ารัวไปเรื่อยยอมเหนื่อยกาย

☆มิช้านานคลานถึงจึงสำเร็จ
ชนะเสร็จเด็ดขาดตามวาดหมาย
กระต่ายตื่นฟื้นมาเกือบบ้าตาย
ต้องแพ้พ่ายแก่เต่าเศร้าอุรา

☆ต้องตกเป็นเช่นทาสอนาถนัก
จ่งประจักเรื่องสอนอ่อนเดียงสา
ใฝ่เรียนรู้สู้บั่นหมั่นตรวจตา
อย่าชักช้าเสียงานพาลเสียใจ

☆ขอจบตอนกลอนเต้นเป็นหางว่าว
เรื่องยืดยาวสักหน่อยปล่อยลื่นไหล
ปางสามเสกเมขลาว่าต่อไป
เป็นอะไรกันเล่าโปรดเดาดู.

                      เริงอักษร

 34 
 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2567, 01:05:40 PM 
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share

@ "ร่าย"เล่าเรื่อง ร่ำลือ
ชายผู้ถือ รวยล้ำ
อยากคิดย้ำ ผู้คน
ตนคือ ผู้สามารถ
เก่งกาจ รถระยับแพง
สำแดง ขับโฉบโชว์
อวดโต จอดเด่นไว้
เด็กเห็นให้ สนใจ
พาพวกไว ล้อมเล่น
ปีนโชว์เช่น เจ้าของ
เด็กหนึ่งจอง พื้นที่
ขีดถี่ถี่ หลายหน
บัดดล ชายนั้นมา
เด็กพลันพา หลบหนี
มีเพียง หนึ่งไม่รู้
นั่งคู้คู้ ขีดเขียน
โกรธจัดเจียน จักบ้า
ชายนั้นคว้า มือมา
หาได้ ก้อนหิน-พลัน
ทันที ทุบมือนั้น
ครั้นหัน เห็นใบหน้า
โอ้ลูกข้า นี่เอง
กริ่งเกรง เป็นอันตราย
รีบผันผาย หาหมอ
พอผลออก อาจพิการ
เดินบนบาน เทพเจ้า
กลับเข้า ใกล้ตัวรถ
ปรากฏ ตัวหนังสือ
คือ "ผมรักพ่อครับ"
แทบล้มพับ จับไข้
โฮใหญ่ สำนึกได้
"[โอ้!] พ่อนั้นสุดเลว"

 35 
 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2567, 06:50:02 PM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๖☆
 .      (เมขลาอวตาร๒ ลาโง่)

☆ปางที่หนึ่งจึ่งเกิดกำเนิดร่าง
กลายเป็นนางจิ้งหรีดกรีดเสียงใส
ละครเอกเมขลาจะพาไป
เป็นอย่างไรต่อเนื่องจากเรื่องราว

☆ลาหนุ่มชินกินหญ้าเป็นอาหาร
ยามว่างงานภารกิจบิดตัวหาว
แทะเล็มหาหญ้าอ่อนสลอนพราว
ทั้งต้นขาวเหลืองแดงแห่งทุ่งทอง

☆ลิ้นลิ้มเลียเกลี่ยรากเอาปากถอน
บางต้นงอนงดงามอร่ามผ่อง
บ้างต้นรกดกดื่นยามยืนมอง
มิลืมลองซอนซุกทุกสายพันธุ์

☆งับกระชากลากทึ้งไม่ถึงขาด
เอาลิ้นกวาดจนพับขยับหัน
น้ำลายสอคอเอียงเบี่ยงไรฟัน
ร้องสุขสันต์ฮี้ห่อก็สุขดี

☆พบต้นแย่แก่หง่อมถนอมหน่อย
เอื้อมเพียงค่อยเขี่ยดันกลัวหันหนี
ขบฟันเน้นเล่นท่ามิช้าที
เคี้ยวขยี้บดเอื้องต่อเนื่องกัน

☆ได้ชิมรสหมดแล้วแถวท้องทุ่ง
จิตหมายมุ่งป่าใหญ่เหนือไพรสัณฑ์
ขึ้นเรียงรายหลายที่มีร้อยพันธุ์
หญ้าสวรรค์เหลืองทองมองสุดตา

☆เดินร้องวี้ฮี้ห่อขอหม่ำหน่อย
ถิ่นหญ้าดอยต่างแดนแสนฝันหา
อยากขอลิ้มชิมลองต้องอุรา
ให้รู้ว่าหวานเด็ดเท็จหรือจริง

☆ข้ามเนินกองสองลูกจมูกสั่น
หญ้าอยู่นั่นสีทองร้องครางหงิง
กระโดดกร่างกลางกอย่อท่าลิง
เอากายกลิ้งเกลือกกลั้วไม่กลัวคาย

☆พลิกหน้าหลังคลั่งขุ่นฝุ่นตลบ
ยามมาพบของจริงยิ่งกระหาย
เคี้ยวคอโก่งโยงโย่โถไม่อาย
จนน้ำลายไหลหยดหมดเรี่ยวแรง

☆สะดุ้งตื่นคืนดึกรู้สึกได้
เสียงอะไรกันหนอล้อลมแฝง
ดังกริ๊ดกริ๊ดกรีดกริ่งพริ้งแสดง
สำเนียงแห่งหนใดใครกระทำ

☆เหลือบตาปิ้งจิ้งหรีดที่กรีดเสียง
แอบมองเมียงช่างเสนาะเหมาะคมขำ
อยากร้องบ้างอย่างเจ้าเฝ้าจดจำ
ไพเราะล้ำลึกลับจับหทัย

☆เราร้องวี้ฮี้ห่อแบบล่อลา
จึ่งอิจฉาเสียงเจ้าเฝ้าหลงไหล
จิ้งหรีดเอยเผยหน่อยกลอยหทัย
ทำอย่างไรเคล็ดลับกับเสียงนาง

☆เมขลาพาซื่อคือจิ้งหรีด
จึงปราณีตบอกชัดมิขัดขวาง
เสียงเสนาะเพราะกินทั่วถิ่นวาง
หยาดน้ำค้างยอดหญ้ายามมาเยือน

☆ลาได้ฟังดังนั้นจิตมั่นหมาย
ทุกตอนสายหวังมีเสียงที่เหมือน
เล็มน้ำลอดยอดหญ้ามาเกือบเดือน
กระดูกเคลื่อนซูบผอมกล้ายอมตาย

☆ยังร้องวี้ฮี้ห่ออยู่หนอนี่
ไม่เห็นมีเสียงสังข์พลังฉาย
จิ้งหรีดหลอกบอกเราเฝ้างมงาย
ทั้งร่างกายร่วงโรยระโหยแรง

☆แท้ที่จริงจิ้งหรีดใช่คิดหลอก
คำที่บอกเอาไว้ไร้เคลือบแฝง
เพราะลาโผโง่งงถึงลงแดง
ไม่แจกแจงถูกผิดคิดถึงตน

☆อุทาหรณ์กลอนนี้ช่วยชี้สอน
อย่าขาดตอนรั้งสติมิลืมผล
ทำไม่คิดผิดมัวตัวอับจน
ต้องสิ้นคนหมดท่าช่างบ้าบอ

☆ดั่งลาไซร้ในเรื่องหวังเปรื่องปราชญ์
หมดฉลาดลืมเฉลียวเลยเชียวหนอ
ควรไตร่ตรองมองทำย้ำเพียงพอ
ฝากเป็นข้อเตือนใจให้ทุกคน

☆เมขลาอวาตารผ่านชาติแรก
เนื้อหาแทรกเร่งกระชับอย่าสับสน
ปางสองอ้างอย่างไรจะได้ยล
ออกดอกผลแล้วสนุกทุกคำกลอน.

                   เริงอักษร

 36 
 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2567, 10:24:08 AM 
เริ่มโดย สิมิลัน - กระทู้ล่าสุด โดย สิมิลัน




         ♤ฟ้าฝน♤

♤สายฝนซาฟ้าสร่างกระจ่างสี
แสงสุรีย์จับจ้องมองสดใส
ลบความหม่นมัวม่านที่ผ่านไป
เหลือสายใยแห่งสุขทั่วทุกทาง

♤ฝากรอยไว้ให้เห็นอยู่เช่นนั้น
แปรเปลี่ยนผันเรื่อยไปไร้แตกต่าง
หากพินิจพิศรู้ซึ่งลู่วาง
อย่าระคางเคียดแค้นจนแน่นทรวง

♤ใจมนุษย์สุดบ่อชอบต่อต้าน
เพียงไม่นานพังหายสลายร่วง
ธรรมชาติฟาดฟันทุกวันทวง
สิ่งทั้งปวงแตกดับย่อยยับไป

♤สายฝนหลั่งถั่งโถมโหมกี่ครั้ง
มิอาจยั้งหยุดลงณ.ตรงไหน
หล่นลงมาถลาร่วงทุกช่วงไป
หวั่นและไหวทุกคราช่างน่ากลัว

♤ฝากรอยชี้ที่เห็นเป็นวิถี
ทุกสิ่งมีหนทางอย่างสุดขั้ว
ตรึงดุจหลักปักว่าอย่าลืมตัว
ชีวิตมัวหลงไหลไปตามการณ์

♤ใจมนุษย์ขุดค้นเกินวนกลับ
หวังแต่รับผลได้ไร้เขตขาน
ถึงวันหนึ่งพึงรู้อยู่ไม่นาน
ต้องซมซานเปียกฝนบ่นไยฤๅ.

                 สิมิลัน
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต



 37 
 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2567, 05:10:29 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร




☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๕☆
 .     (เมขลาอวตาร๑)

☆เมขลาอวาตารตำนานเรื่อง
จะต่อเนื่องแบบไหนในคำถาม
ดำเนินตอนกลอนเล่าเคล้าบทความ
ใต้ฟ้างามพื้นเขตประเทศไทย

☆ยักษ์หน้างามรามสูรพิบูลศักดิ์
ขว้างขวานปักเมขลาพาตักษัย
หวังนำแก้วแวววับเอากลับไป
เพื่อมอบให้ราหูผู้เพื่อนตน

☆เมขลาคราตายระบายร่ำ
ถ้วนถ้อยคำจับใจในเหตุผล
ทรุดกายนั่งฟังแล้วแววกังวล
แม่หน้ามนคนซื่อถือรักจริง

☆สงสารจริงยิ่งนักรักของเจ้า
มาโดนเขาทิ้งขว้างร้างมนตร์สิง
ไร้พำนักพักใจใครแอบชิง
โถ..แม่กิ่งแก้วฟ้าน่าเสียดาย

☆อันตัวเราเศร้านักเพราะรักร้าง
ต้องอ้างว้างทุกวันฝันสลาย
อยากมีคนดลจิตมิตรข้างกาย
แต่สุดท้ายอดสูไร้คู่ครอง

☆ใจนางซื่อถือศักดิ์รักผ่องผุด
เปรียบประดุจแก้วสีมิมีสอง
สวยสลักนักหนาค่าควรปอง
อยากขอจองพิศวาสสักชาตินึง

☆คิดและฟังดังนั้นพลันประคอง
ศพนวลน้องเมขลาพาเหาะถึง
สรวงสวรรค์หลั่นหาวดาวดึงส์
หวังที่พึ่งอิศวรด่วนเลยเชียว

☆กราบทูลออกบอกความตามท้องเรื่อง
สุดแค้นเคืองวายวุ่นใจขุ่นเขียว
รักเพื่อนมากปากพลั้งมิยั้งเกลียว
จึงมาเทียวฆ่าคนหมองหม่นทรวง

☆ขอพรหลักสักข้อพอใช้บาป
เพราะไม่ทราบเหตุซ้อนซ่อนหึงหวง
โปรดฟื้นเสกเมขลามาเคียงควง
ลดาดวงมั่นรักให้สักคน

☆พระอิศวรทวนฟังยังคำเล่า
จงอย่าเศร้าไปนักยักษ์หน้าขน
เมขลาถ้าตายวายชีพชนม์
จะหลุดพ้นบ่วงกรรมที่ทำมา

☆ต้องกำเนิดเกิดใหม่ในพื้นโลก
จึงหมดโศกสิบชาติวาสนา
จะกลับเงาอวตารสะอ้านตา
เป็นนางฟ้าดังเดิมเพิ่มด้วยบุญ

☆แต่ต้องฝ่าภาระชนะฝัน
แก้วสวรรค์ต้องหามานำหนุน
จิตมนุษย์หลุดบาปอาบการุณย์
สร้างเป็นคุณแก่โลกพ้นโศกภัย

☆แก้วสารพัดนึกผลึกนี้
คือหน้าที่นำกลับนับเงื่อนไข
เมขลาพ้นกรรมทำลงไป
ณ.วันใดวันนั้นพลันเรืองรอง

☆ชะโลมแสงแห่งธรรมค้ำจุนโลก
หมดทุกข์โศกฝูงชนคนทั้งผอง
อีกสิบชาติมาตรว่าอย่าพลาดมอง
ตีตั๋วจองนอนอ่านสำราญใจ.

             เริงอักษร

 38 
 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2567, 05:06:05 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร




  ☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๔☆
.    (จบตอน รามสูรขว้างขวาน)

☆เมขลาขอพรตอนลักแก้ว
จงคลาดแคล้วโพยภัยใจฮึกเหิม
มิกลัวเหตุเภทร้ายกายคอนเฟิร์ม
ตายแล้วเริ่มชีพใหม่ได้ด้วยมนตร์

☆ป่าวประกาศกราดทั่วชายชั่วช้า
หลั่งน้ำตาแตกกระเซ็นเป็นเม็ดฝน
ส่งลำแรงแสงแก้วแวววับวน
เจ็บเสียจนฤทัยหมองข้องอุรา

☆นี่กระไรใจหญิงจริงในรัก
ย่อมเน้นหนักแน่แท้ใช่แค่หา
เพียงคู่ครองร้องร่ำจำนรรจา
ปรารถนารักตอบยามชอบพอ

☆น่าสงสารนานเนิ่นทางเดินผิด
มอบชีวิตแก่ชายร้ายจริงหนอ
ดูรึทำช้ำใจได้ลงคอ
จะเดินต่อแสนล้าเพราะราคี

☆มิรักหญิงจริงใจไยเหี้ยมโหด
มาลงโทษสร้างคาวให้สาวศรี
หมดคุณค่าว้าวุ่นกุลสตรี
ทั้งชีวีย่อยยับกับความลวง

☆แต่ละวันมั่นหมายยามปลายฟ้า
คล้ำนภามืดมิดจิตหึงหวง
เมขลาหาคำร่ายบำบวง
สาปคู่ควงชายโฉดลงโทษทัณฑ์

☆ฝั่งตรงข้ามรามสูรพิบูลศักดิ์
ด้วยว่ารักราหูผู้เพื่อนนั่น
ต่างสมัครภักดิ์จิตรผูกมิตรกัน
ยามเจ็บพลันยิ่งยวดย่อมปวดตาม

☆ตีลังกาฟ้าหมุนจนฝุ่นกลบ
ร้อยตลบทีท่าน่าเกรงขาม
หัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถลาจาม
แม่คนงามเจอแล้วเอาแก้วมา

☆ไยมิคืนยื่นให้ใจเคืองแท้
จะจามแม่ด้วยขวานผ่านเวหา
ตามนานนักอักโขโชว์เวลา
นับเกินกว่าศตวรรษแสนขัดใจ

☆เห็นคนเก่งเพ่งพิศพินิจแล้ว
เจ้าน้องแก้วเมขลาหน้าสวยใส
แอบลักลอบกอบแก้วแสงแววไว
รู้หรือไม่ราหูอยู่เดียวดาย

☆เมขลาฤๅสนคนหน้ายักษ์
มาหาญหักเซ้าซี้มีเสียหาย
เปล่ารู้จักมักจี่ขี้โวยวาย
คารมคายขุ่นเคืองเขื่องจังเลย

☆กระโดดกิงก่องแก้วแล้วหันกลับ
โผขยับเหินฟ้าหน้าตาเฉย
ถ้าอยากได้ใจกล้ามานะเอย
ก็จงเผยสักนิดฤทธิ์ที่มี

☆รามสูรได้ฟังแทบคลั่งจับ
มือขยับด้ามขวานอ่านวิถี
ขว้าง โป๊ะโดน โป๊ะโดน โดนทุกที
แม่ตัวดียิ้มสยายมิวายชนม์

☆เพราะอำนาจศาสตร์พรกำจรแกร่ง
จะขว้างแรงแค่ไหนไม่เป็นผล
เมขลาหน้ารื่นชื่นกมล
แลบลิ้นวนล่อหลอกบอกไม่กลัว

☆ทำอย่างไรได้หนอพ่อขวานเพชร
เจอทีเด็ดเข้าแล้วแววปวดหัว
ขว้างจนเหนื่อยเมื่อยเงื้อเหงื่อท่วมตัว
เอาแต่จั่วจนล้าคว้าแต่ลม

☆จะขว้างค้นบนล่างนางรับได้
หลบขวานไวจริงหนอท้อขื่นขม
แอ่นอกล่อล้อหน้าท้าระงม
เกินจะข่มใจแล้วนะแก้วตา

☆เดี๋ยวขึ้นบนวนล่างไม่ค้างหยุด
สองแขนฉุดยึกยักผลักแข้งขา
เหงื่อไหลร่วงพวงหยดหมดแรงลา
เฝ้าเงื้อง่าเล็งลานแกว่งขวานไกว

☆ครั้งสุดท้ายหมายขวานผ่านหว่างขา
เมขลาหลงกลชนกลางไหล่
สิ้นชีวิตปลิดปลงลงทันใด
เป็นอย่างไรเรื่องต่อโปรดรอตาม.

             เริงอักษร

 39 
 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2567, 04:30:44 PM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๑๓☆
.      (รามสูรขว้างขวาน ๔)

☆โอ้ย..ไปแอบแบบไหนกระไรนี่
แม่ตัวดีเมขลากล้าหลอกหลอน
ลุยบุกค้นจนทั่วจนหัวคลอน
เจ้างามงอนไร้เงาเฝ้าโกรธา

☆อยู่ที่แคว้นแดนใดในพื้นโลก
เคาะขวานโป๊กลิ่วลั่นฟันหน้าผา
เสียงครืนครางห่างก้องท้องนภา
ขุ่นโกรธาลัดเลาะไล่เฉาะฟัน

☆ข่าวเมื่อคืนขึ้นฮอถ่อหาพี่
คอยอยู่ที่สิงคโปร์โอ้สวรรค์
เครื่องบินด่วนส่วนตัวกลัวโทษทัณฑ์
เหินหน้าหันฟ้าสูงจูงกันไป

☆บ้างว่าคอยลอยเรือเหนือน่านน้ำ
คนชักนำชวนชี้อยู่สีไหน
คะเนคิดอิดหนาระอาใจ
ทำอย่างไรดีหนอท้อเรือนกาย

☆จนกระทั่งพลั้งปะพระธุดงค์
ท่านตั้งองค์สมาบัติเป็นฉัตรฉาย
เท่ห์จริงนะพระอินทร์ผินรูปกาย
แปลงร่างหมายชี้ค้นหนทางนำ

☆รามสูรทูลกราบว่าทราบไหม
อยู่ที่ไหนเมฆขลาป่าหรือถ้ำ
วานท่านด้วยช่วยใบ้ให้ซักคำ
จะได้จำใส่จดทดทิศทาง

☆พระธุดงค์บ่งชี้ทีท่าบอก
ตะวันออกไกลนิดติดคลองขวาง
แสงกระพริบวิบวับจับเลือนลาง
นั่นแหละนางอย่าท้อขอให้พร

☆รามสูรทูลลาพากายเหาะ
ข้ามละเมาะเขาสูงมุ่งสิงขร
เร่งเครื่องคว้างกลางไพรไม่หลับนอน
หาที่ซ่อนเมขลามิช้าที

☆ทะลุล่วงห้วงฟ้ามหาสมุทร
ก็ไม่หยุดรุ่มร้อนถอนทุกข์หนี
ให้กลุ้มนักชักล้าหาวิธี
แม่ตัวดีอยู่ไหนใต้เขตคาม

☆อา..พิโธ่โชว์เด่นเผ่นเหนือเมฆ
เหาะโยกเยกรีบร้อนตอนตีสาม
ฝนที่โรยโปรยลงซ่อนนงราม
เจ้าคนงามเมฆขลาข้าเจอแล้ว

☆ลอยส่องแสงแรงลิบกะพริบฟ้า
ฝนหลั่งหล้าพร่างห่มพรมเป็นแถว
วะวับวาบอาบเรืองเฟื่องฟุ้งแนว
มองเห็นแก้วลับล่อพอมั่นใจ

☆สะบัดข้ามด้ามขวานทะยานขว้าง
หวังถูกนางแน่น้องต้องตักษัย
จะเก็บผูกลูกแก้วแล้วนำไป
คืนกลับให้ราหูผู้เพื่อนตน

☆ขว้างครั้งแล้วครั้งเล่าสำเนาผิด
แสนจนจิตขว้างเสยเลยทุกหน
เมขลาคว้าล้อล่อแสงกล
ขว้างขวานจนเหนื่อยหนักจึ่งพักกาย

☆เรื่องราวนี้มีต่อต้องรอหน่อย
เพียงเล็กน้อยแรงใจในจิตหมาย
จะได้เขียนเพียรกลั่นลั่นคมคาย
กลอนกระจายล้อมมุกสนุกเติม.

              เริงอักษร
.
.


 40 
 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2567, 04:26:28 PM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๑๒☆
.     (รามสูรขว้างขวาน๓)

☆รามสูรหุ่นดีขี่ไก่ฟ้า
บินถลาผ่านแคว้นแดนสยาม
บ้านเรือนรวยสวยสดดูงดงาม
ทั้งอารามวัดวาฟ้ารุ่งเรือง

☆ถิ่นคนไทยกระไรนี่ที่แลเห็น
มองเหมือนเช่นเสกสรรสวรรค์เหลือง
ทาบทองทาฟ้าสะพรั่งไปทั้งเมือง
ตึกฟูเฟื่องคอนโดโอ่อ่าจริง

☆รถไฟฟ้าน่านั่งยังไม่เสร็จ
คนระเห็จโอดพลางครางหงุงหงิง
ขึ้นรถเมล์เห่ฟ้อนร่อนเป็นลิง
สนุกจริงทุกครั้งทั้งหญิงชาย

☆ได้ข่าวว่าภาษีที่จัดเก็บ
ฟังแล้วเจ็บใจแค้นแทนไม่หาย
คนจนเสียเบี้ยมากลำบากกาย
เศรษฐีจ่ายจริงแท้แค่นิดเดียว

☆สวัสดิการด้านชราแสนอาภัพ
ลมแทบจับเมื่อรู้ดูแล้วเสียว
หกร้อยพอต่อเดือนเตือนไว้เชียว
กินเพียงเกี้ยวบะหมี่ทุกวี่วัน

☆คนมีเงินเพลินชุ่มใช่กลุ่มใหญ่
โกงกินได้สารพัดแบ่งจัดสรร
วิ่งเส้นสนคนโตโผหากัน
กินจนมันย้อยปากยากจับกุม

☆ถูกจับได้ไม่รับกลับภาคเสธ
เหมือนดั่งเปรตแลบลิ้นชินรอยหลุม
บอกผิดโดยบริสุทธิ์ศาลหยุดคุม
หนีไปซุ่มต่างแดนน่าแค้นใจ

☆บ้างกลิ้งกลอกบอกป่วยช่วยฉันหน่อย
นอนเป็นง่อยเจ็บหนักชักไม่ไหว
ยามศาลนัดผลัดต่อขอมิไป
เพราะเป็นไข้โคม่าอย่าว่าเลย

☆น่าสับสนคนไทยใจลืมง่าย
เรื่องลับหายเพียงครู่ดูมองเฉย
คนโกงรุกสุขสบายง่ายจริงเอย
ทำอย่างเคยเรื่อยไปไม่เกรงกลัว

☆รัฐบาลผ่านมาหลายหน้าฝน
ไปวิ่งวนอยู่ไหนให้ปวดหัว
คนจนดิ้นกินแกลบแทบหมดตัว
เป็นควายวัวรับใช้ไถแต่นา

☆รามสูรขุ่นแคลงแห่งความนี้
เจ็บใจจี๋ทันใดในปัญหา
ต้องเก็บงำคำร้องฟ้องเพื่อนยา
ที่เห็นมาจริงแน่แก่ราหู

☆รีบเร่งเร้าเข้าฝันเพื่อบั่นถอน
ความโอนอ่อนคนไทยให้กล้าสู้
สิ่งที่เห็นเป็นมาคราแลดู
เพื่อนจงรู้เถิดหนาทุกอาการ

☆ตัวเรานะจะไปไล่กวดจับ
สาวลึกลับเมฆขลาคว้ากลับฐาน
แหม๋..ช่างโง่โทษาน่าประจาน
ที่อาจหาญลักแก้วแล้วหนีไป

☆บรั่นดีนี้หรือคือของฝาก
อย่ากินมากนะเพื่อนจะเตือนให้
สติแตกแปลกจิตคิดอะไร
ล้ำเลยไกลเส้นสาจะบ้าเอา

☆บอกสำเร็จเสร็จเรื่องขี่เครื่องเจ็ท
บินไปเจ็ดย่านน้ำล้ำเขตเขา
เมขลาหน้าเนื้อเหลือแต่เงา
แล้วนี่เจ้าหลบไปที่ไหนกัน

☆บุกนรกยกชั้นดั้นด้นสุด
มิพบจุดได้เจอตัวเธอนั่น
มองซ้ายขวาหาเจ้าอย่างเมามัน
แม้สวรรค์ชั้นไหนก็ไม่มี

☆จะตามพบจบไหมในตอนหน้า
เมขลาเร้นหายซ่อนกายหนี
เรื่องพอกพูนคูณหารบานบุรี
แต่คืนนี้ขอหลับดับไฟนอน.

           เริงอักษร
.
.







หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10