21
เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2567, 01:16:51 PM
|
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share
|
โคลงสี่สุภาพ (เป็นตัวแบบ คือ เอก โท ถูกต้องตามตำรา)
@ ดุจอาทิตย์รุ่งแจ้ง ....แสงงาม พลังสว่างชูชีพวาม ....อร่ามกล้า เดือนดาวเด่นประดับยาม ....เย็นค่ำ แสงส่องเชิญชวนท้า ....ท่องหล้าดับเข็ญ
@ เป็นลมโหมกระหน่ำร้าย ....เลวทราม บ ปล่อยคอยคุกคาม ....ขุ่นแค้น ฝนเสริมส่งชีพงาม ....วามทั่ว กระทำผ่านกาลนาน แม้น ....ไม่ได้ใครชม
* เชื่อมบท แบบ ลิลิต
|
22
เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2567, 04:50:08 AM
|
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร
|
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๖☆ . (เมขลาอวตาร๑๒) . (มาลีมาลัย๒ ลีลาวดี)
☆ณ.คืนหนึ่งคนึงฝันวันแห่งสุข มาลัยซุกกายซ่อนตอนยามสอง แอบไปหามาลีที่หวังปอง ที่ริมคลองไม้ใหญ่ใกล้บ้านนาง
☆ใต้ร่มหมอกดอกฟ้าลีลาวดี นวลนรีนั่งจ้องมองดาวหาง อธิษฐานผ่านเสียงเพียงแผ่วบาง แหงนหน้าค้างตั้งใจในอารมณ์
☆ถลากุมซุ่มกอดแม่ยอดจิต ก้มจุมพิตข้างปรางอย่างสุขสม นางร้องกรี๊ดขีดข่วนป่วนระงม เอาแต่ก้มหลบตาน่ารักจริง
☆ว่ายน้ำข้ามตามนัดมิขัดข้อง มาพบน้องเคียงข้างแม่นางหญิง หนีตะเข้ปลาปลวกแถมพวกปลิง นั่งนิ่งนิ่งเถิดน้องอย่าร้องเลย
☆หวังชมชื่นกลืนล้ำความฉ่ำหวาน แม่ลูกตาลขาวใสใจเฉลย อย่าเง้างอนวอนเว้าเจ้าทรามเชย อยากกอดเกยเนื้อหอมจึงยอมทน
☆ขอนอนพักสักหน่อยอย่าถอยหนี ตักคนดีนุ่มนิ่มอิ่มทุกหน ทิ้งตัววางคางแนบแอบซุกซน ลูบไล้จนทั่วร่างมิห่างลา
☆พลางชี้ชวนนวลน้อยกลอยสวาท ชมดาววาดผ่องเพ็ญเย็นโลกหล้า ลอยดาษดื่นคลื่นคล้องท้องนภา สุขอุรายิ่งนักยอดรักเอย
☆ดวงนั้นขาวดาวน้อยแสนร้อยเล่ห์ แอบทำเก๋วิบวับสลับเผย พอหยุดดับกลับสว่างอย่างน่าเชย ลอยไปเกยดาวศุกร์สนุกใจ
☆เบียดแสงสอดลอดส่งตรงกลางนั่น หวังสวรรค์สุขสมเกินข่มไหว แล่นละลิ่วปลิวคว้างช่างว่องไว โน้มตัวใกล้ลอยวนจนหลงทาง
☆จันทร์ไหวสั่นหวั่นแสงที่แรงกล้า โถมถลาแกว่งกวัดตวัดหาง ดาวน้อยแก่นแสนร้ายถ่ายโถมพลาง ไม่ยอมจางเลือนลดหมดน้ำยา
☆คงหูอื้อดื้อดันจนจันทร์เขิน เก่งเหลือเกินกลเม็ดเด็ดหนักหนา พ่อดาวพลอยร้อยรักมิพักลา จมจันทราหายร่างอย่างน่าดู ☆หักกิ่งงอกดอกฟ้าลีลาวดี แซมแก้มสีผ่องใสตรงใบหู รักเหลือล้ำรำพันหวั่นโฉมตรู ไปควงคู่ใครอื่นยากฝืนทน
☆ทำอย่างไรไฉนหนอท้อเหลือที่ เพราะตัวพี่ยากไร้ใจสับสน เฝ้าคิดครุ่นกรุ่นเพ้อจนเผลอตน หลับอยู่บนตักสาวเจ้ามาลี
☆ตรึงสลักรักมั่นมิหวั่นไหว ยากเพียงไหนฤๅปอดถอดใจหนี อาจดูดื้อยื้อจิตคิดวิธี ตอนหน้านี้รู้แน่แค่ติดตาม.
เริงอักษร
|
|
23
เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2567, 01:33:27 PM
|
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share
|
@ โคลง สามคำสุภาพ ไซร้ ....ให้พินิจ "บาทหนี่ง" นำลิขิต ....แต่งแต้ม "บาทสอง" ร่วมเกาะติด ....เติมต่อ "บาทสี่" จบบท แย้ม ....ดอกให้สวยสม
|
24
เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2567, 11:42:16 AM
|
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร
|
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๕☆ . (เมขลาอวตาร๑๑) . (มาลีมาลัย๑ ฐานันดรศักดิ์)
☆ชาติสุดท้ายคลายแผลแก้ผลกรรม รสแห่งธรรมเป่าเสกเมขลา กลับสวรรค์บรรเจิดเพริศนภา หมดแล้วหนาบาปเวรพิเรนวน
☆ชาติหนึ่งครา"ลาโง่"โชว์ความเขลา สองคือ"เต่ากับกระต่าย"ทำนายผล "ราชสีห์มีหนู"ผู้ช่วยตน "กบเลือกนาย"มากล้นมิพ้นภัย
☆"คนตัดฟืน"ยืนหยัดความสัตย์ซื่อ "ก่องข้าวน้อย"นั้นหรือคือเผลอไผล อัน"พ่อแม่รังแกฉัน"พลันเสียใจ "ฝาแฝด"ไซร้ในบทควรจดจำ
☆"ตอนจอนูนจอแบน"แทนเรื่องบอก จิตในนอกมีสติมิขบขำ รู้ทุกครั้งตั้งใจไม่เพลินทำ ย่อมจะนำสุขมีทุกวี่วัน
☆ชาติสุดท้ายเมขลามาแยกร่าง เป็นหญิงข้างชายข้างอย่างสร้างสรรค์ เกิดผิดแผกแตกต่างระหว่างกัน แบ่งร่างนั้นทวิภพครบสองคน
☆หญิงสูงศักดิ์รักมั่นวันฟ้าผ่อง โอ้..นวลน้องขาวจั๊วะทั่วขุมขน มองสะอาดแลสะอ้านปานอุบล ใครได้ยลลุ่มหลงแม่นงคราญ
☆ข้างฝ่ายชายกายล่ำคล้ำแดดเผา ไม่โง่เขลาแต่จนคนว่าขาน อยู่กระท่อมล้อมป่าหน้าลำธาร ชีวิตผ่านวันพ้นจนโตวัย
☆หญิงชื่อว่า"มาลี"มีเสน่ห์ ยามยิ้มเก๋แก้มป่องมองสดใส ฝ่ายชายนั้นสรรค์ซื่อชื่อ"มาลัย" คนจริงใจมิตรแท้แก่ทุกคน
☆มาประสบพบรักสลักมั่น ทุกคืนวันสิ่งใดไม่เคยสน ฐานะต่างห่างกันพลันวกวน ด้วยความจนอุปสรรคพาหนักใจ
☆มาลัยช้ำต่ำชั้นหมั่นดูเงา เห็นแล้วเศร้าจริงแท้แต่หลงไหล ผูกสมัครรักฟ้าบ้าหรือไร เป็นเรื่องใหญ่เลยยุ่งมุ่งปองดาว
☆โอ้สวรรค์บันดาลพาลลงโทษ เป็นเพราะโกรธเรื่องใดใช่สามหาว แผลงศรรักหนักอกยกเรื่องราว ปักใจหนาวจนสั่นหวั่นฤดี
☆พ่อแม่น้องปองชายหมายลูกเขย หุ่นผ่าเผยขุนพลล้นศักดิ์ศรี ผิดหรือถูกลูกรักฝักใฝ่ดี มิอาจหนีได้แน่แม้คาดเดา
☆รักกับพี่นี้แล้วนะแก้วฟ้า กลับใฝ่หาชายอื่นให้ขื่นเฉา ขอพิสูจน์พูดไปใช่มึนเมา พอสู้เขาหรือไม่ฝากไตร่ตรอง
☆หากมีใจให้จริงอย่านิ่งเฉย โปรดจงเผยวจีที่สนอง จะฝ่าฟันสวรรค์รักสลักปอง แก้วเนื้อทองตอบหน่อยจะคอยฟัง
☆เรื่องต้นทางอย่างไรในตอนหน้า มาลัยคว้าคนที่ชีวีหวัง หรือกินแห้วแนวว่าน่าเศร้าจัง นอนและนั่งเชียร์หน่อยบทร้อยกรอง.
เริงอักษร | . .
|
25
เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2567, 11:37:10 AM
|
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร
|
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๔☆ (เมขลาอวตาร๑๐ จอนูนกับจอแบน)
☆เมขลามาบรรจบภพที่เก้า ได้เป็นเจ้าครองเมืองกระเดื่องหล้า แว่นแคว้นร้อยน้อยใหญ่ในพารา ชาวไพร่ฟ้ายกย่องแซ่ซร้องพลัน
☆ทศพิธราชธรรมนำทางให้ เจริญในดวงจิตคิดสร้างสรรค์ ใจสะอ้านหวานอ่อนอาทรกัน ดุจสวรรค์บนดินถิ่นนภา
☆มีความสุขทุกวันมั่นดวงจิต สุจริตโปร่งใสไร้ปัญหา คุกเหว่ว้างว่างเปล่าเหงาในตา ต่างภาษาชาติเชื้อเกื้อหนุนกัน ☆เกิดพลิกผันวันหนึ่งถึงครายุ่ง เรื่องในมุ้งวุ่นวายหายสุขสันต์ ฝุ่นตลบอบอวลครวญรำพัน ตบตีลั่นด่าทอล่อกันนัว
☆สองสาวซ่าด่าแรงแข้งขาสั่น ถลึงถลันสาปแช่งเพื่อแย่งผัว ตะโกนลั่นสนั่นไปไม่เกรงกลัว รู้กันทั่ววนเวียนมิเปลี่ยนแปลง
☆มือถลกยกผ้าเสียงจ้าแจ๊ด แหว๋..แว๊ดแว๊ดหยาบหมดงดแถลง มิอาจจะอธิบายร่ายแจกแจง แอบตะแคงหูตั้งฟังไม่เพลิน
☆เจริญสุดพุทธมนต์จนคอแห้ง ส่อแสดงอาฆาตขาดเคอะเขิน เจ้าหน้าที่สี่เมืองเคืองเหลือเกิน ออกหมายเชิญทั้งสองไปร้องทุกข์
☆นำขึ้นศาลผ่านแน่หวังแก้ไข สิ่งคาใจฝังฝากพรากความสุข ทั้งสองแข่งแย่งกันชั้นเชิงรุก ปากขยุกตาขยิกจิกน้ำลาย
☆นางจอนูนทูลก่อนวอนให้ช่วย ดวงช่างซวยดีแท้แย่เหลือหลาย ผัวได้เสียเมียน้อย..หน๋อยไม่อาย ร้องฟูมฟายใจเหน็บเจ็บเหลือดี
☆นางจอแบนแอ่นอกยกมือบ้าง มีข้ออ้างเหมือนกันหวั่นเสื่อมศรี อยู่กินนานผ่านมากว่าห้าปี นังตัวดีจอนูนนั้นทูลเท็จ
☆จงเซ้าเซ้าหน่อยหนาอย่าว่าวหลาย เบิกตัวชายให้การหวังงานเสร็จ ไม่อยากเห็นเข่นฆ่าน้ำตาเล็ด ขี้เกียจเช็ดขัดถูดูอ่อนใจ
☆พ่อตัวดีรี่มาเบื้องหน้าศาล หมดสะท้านขาดสะทกยกหัวไหล่ โค้งคำนับรับพริ้มยิ้มละไม มีอะไรกันหรือคือโทษทัณฑ์
☆เจ้าจงตอบมอบตามความลี้ลับ ให้กระชับเรื่องราวคาวมหันต์ สองสาวนี้ที่ฟ้องร้องเรียนกัน สร้างสัมพันธ์ตอนไหนใครก่อนใคร
☆เจ้าหนุ่มงามกล้ามใหญ่ไรขนดก ทั้งก้นกกก็โด่งโป่งเป็นไห แลชำเลืองเครื่องเพศเหตุของภัย ดูช่างใหญ่เหลือรับเป็นตับพอง
☆ขอบอกความตามตรงว่าหลงใคร่ ทั้งคู่ไซร้มิเป็นเช่นเจ้าของ ผมมีเมียเสียแล้วชื่อแก้วทอง แต่เกี่ยวข้องสองสาวเพราะหนาวใจ
☆เมียขัดขืนยืนยันพร้อมสั่นหัว บอกว่ากลัวขึ้นห้องน้องไม่ไหว ทุกคืนวุ่นงุ่นง่านสะท้านใน ต้องออกไปบ้านเล็กจับเด็กกิน
☆ทั้งสองสาวพราวรักนักเลงเก๋า เก่งรุกเร้าลวดลายมิหายสิ้น เสียงคำรามครามโครมยามโลมริน โปรดีดดิ้นชวนชิมอิ่มเหลือเกิน
☆พอ..พอ..สุด หยุดเล่าไม่เอาแล้ว เห็นวี่แววไปใหญ่ไม่ขัดเขิน ดูสุขใจในท่าน่าเพลิดเพลิน พวกสายเบิร์นสายย่อล่อกันนัว
☆จงบอกมาว่าเจ้าจะเอาใคร เป็นคู่ใคร่ทุกยามด้วยนามผัว จบงงงันปัญหาหน้ามืดมัว แสดงตัวเลือกค้นแค่คนเดียว
☆โอ้ย..ไม่ได้หรอกครับรับฟังด้วย เผื่อใครป่วยแล้วอดหมดเรื่องเสียว ทั้งสองคือมือดีที่หนึ่งเชียว ยามแตกเปลี่ยวขึ้นมากลัวบ้าตาย
☆เมขลาฟังคำนำมาคิด โทษจากพิษความรักหักมิหาย จึงพิพากโทษาพาผ่อนคลาย เหตุจากชายล้นหลามกามคุณ
☆สั่งทหารด้านในให้แจงจัด เอาไปตัดสามท่อนใช้ขอนหนุน ใส่เข่งแก้วแล้วชั่งตั้งเป็นทุน ส่วนเลือดขุ่นแบ่งเถือเหมือนเนื้อวัว
☆ทั้งสามส่วนล้วนแจกห้ามแลกกลับ จอนูนรับเอาไปได้ส่วนหัว จอแบนขยับรับขาน่าจะชัวร์ นางแก้วทองรับตัวของผัวไป
☆นักปกครองต้องมีศรีและศักดิ์ ซื่อเป็นหลักมาก่อนอย่าอ่อนไหว ความเถรตรงคงรู้อยู่กลางใจ เมขลาถูกไหมให้คิดดู
☆เมขลาภพเก้าอวตาร ต่อผสานเรื่องเรียงเคียงหมวดหมู่ ทุกปางนั้นสรรค์สร้างคำพร่างพรู ชาติที่สิบจะรู้อยู่ถัดไป
☆เยื้องย่างเข้าอวสานนิทานจบ ทวิภพเมขลาพาสดใส "มาลี"หญิงควงร่ายชาย"มาลัย" เริ่มแบบไหนติดตามความเป็นมา.
เริงอักษร | . .
|
26
เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2567, 06:06:54 PM
|
เริ่มโดย สิมิลัน - กระทู้ล่าสุด โดย สิมิลัน
|
|
27
เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2567, 06:12:10 AM
|
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร
|
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๓☆ (เมขลาอวตาร๙ แฝดฝาหน้าฝรั่ง)
☆เริ่มเรื่องราวสาวเนื่องเปรื่องปัญหา เมขลามีรักสลักใส กับหนุ่มห้างต่างแคว้นจากแดนไกล มีบุตรไซร้แฝดฝาหน้าเหมือนกัน
☆ดำเนินความงามครบภพที่แปด บุตรฝาแฝดเมขลาพาสุขสันต์ สองคนมีพี่น้องท้องเดียวกัน ทุกคืนวันเติบโตโก้เหลือดี
☆หน้าตาเหมือนเรือนร่างคางละม้าย พ่อมาตายจากไกลไปเมืองผี ทั้งคู่ก็หล่อเหลาดูเข้าที รูปร่างดีเหมือนฝรั่งยังผิวเนียน
☆แฝดพี่หรือชื่อซ้ายเก่งหลายเรื่อง หัวปราดเปรื่องยิ่งนักรักขีดเขียน คนน้องชื่อคือขวาพาวิงเวียน ขาดความเพียรปากหวานยามขานคำ
☆แม่ก็หนักรักขวามากกว่าซ้าย คอยให้ท้ายทุกอย่างช่างน่าขำ ซ้ายดื้อตอบชอบเถียงเบี่ยงถ้อยคำ สอนไม่จำเบื่อนักชักระอา
☆สมบัติมีที่ดินทำกินอยู่ สิบไร่ดูนิดหน่อยน้อยนักหนา สลับเปลี่ยนเวียนวนบนผืนนา ข้าวจากกล้าโตเด่นเห็นเป็นรวง
☆พอนางตายย้ายแย่งแบ่งสมบัติ มุ่งแจงจัดเอาไว้บาปใหญ่หลวง อยู่กับขวาแปดไร่ใช่หลอกลวง รักและห่วงแต่ขวามากกว่าซ้าย
☆แค่สองไร่ให้เราซ้ายเฝ้าคิด รักลูกผิดลำเอียงเพียงคาดหมาย อยากให้ขวากินอยู่ดูสบาย แม่ใจร้ายรักเราไม่เท่ากัน
☆แต่ซ้ายเพียรเรียนเก่งยังเล็งเห็น สิ่งที่เป็นจริงได้มิใช่ฝัน คำจากพ่อหล่อหลอมล้อมชีวัน อย่าคิดสั้นจดจ้องมองให้ไกล
☆ความพอมีพอกินมิสิ้นสูญ ย่อมเกื้อกูลพูนสะพรั่งหลั่งรินไหล คำพ่อหลวงปวงชนล้นเกล้าไทย ดำรัสไว้จริงแท้แผ่เป็นทาน
☆ตั้งใจนำทำกินดินงามสม ฝนและลมนาไร่ใช้ประสาน เลี้ยงไก่เป็ดเห็ดปลาพาสำราญ ไม่เกียจคร้านหรือกร่อยด้อยกำลัง
☆ส่วนขวานั้นรั้นดื้อถือแต่ใจ ทำนาไปอย่างเดียวมิเหลียวหลัง ลืมเห็นตามความจริงสิ่งจีรัง พ่อหลวงสั่งสอนไว้ไร้จดจำ
☆ปีนี้ฝนบนฟ้าทีท่าแล้ง ขวาตะแบงปลูกข้าวราวถลำ สวดมนตร์เห่เทวดาพาฝนพรำ ต้องชอกช้ำนาแห้งกรอบแดงตาย
☆นี่แหละหนอพ่อแม่ต้องแก้ไข รักลูกให้เท่ากันพลันสมหมาย เสริมวิชาค่ารู้อยู่สบาย อย่าเสียดายเคี่ยวเข็ญเป็นครรลอง
☆ขอแนะนำทำนะพระดำรัส ท่านทรงตรัสมอบให้ไทยทั้งผอง ต่างชาติแคว้นแดนไกลยังใฝ่ปอง รับสนองศาสตร์รู้ภูมิพล
☆หมดภพนี้ดีใจเหมือนได้แก้ว เห็นวี่แววเมขลาฟ้าหลังฝน อีกสองชาติพลาดไฉนให้ตามยล จะหลุดพ้นบ่วงกรรมที่ทำมา.
เริงอักษร | . .
|
28
เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 07:06:21 PM
|
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร
|
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๒☆ (เมขลาอวตาร๘ พ่อแม่รังแกฉัน)
☆อันคนเราเขลาฉลาดอาจมีบ้าง หมั่นเสริมสร้างสติไว้ใช้คำสอน อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ...วอน พึ่งตนก่อนอย่าขอรอใครอวย
☆ภพที่เจ็ดเด็ดขาดวาสนา เมขลาเป็นลูกเหมือนถูกหวย พ่อแม่มีศรีศักดิ์หนักร่ำรวย ล้วนสืบส่วยมรดกยกต่อมา
☆มากเหลือเกินเงินทองกองเป็นถาด มิเคยขาดเหลือใช้ไร้กังขา อำนาจพร้อมน้อมนอบตอบเงินตรา สุขอุราเหลือล้นจนไม่เป็น
☆ตั้งแต่คลอดรอดตายหายใจแรก ร่างโดนแบกบนผ้าเหลียวหน้าเห็น แพรดิ้นเงินเดินทองมองเยือกเย็น ทำเหมือนเช่นลัดฟ้ามาเกิดกาย
☆คาบช้อนทองกล่องเงินเพลินใจนัก พ่อแม่รักอุ้มชูมิรู้หาย ประคบประหงมชมชื่นรื่นสบาย ทั้งเช้าสายจรดค่ำล้วนจำเจ
☆ทำอะไรไม่ว่าข้าไม่ผิด พ่อแม่คิดแก้ต่างให้อย่างเท่ นักเลงกร่างวางท่าหน้าเกเร ดูช่างเก๋มากมายในสายตา
☆จะกินข้าวคราวคำน้ำสักแก้ว เรียกอีแจ๋วเสียงลั่นสนั่นผา อยู่ที่ไหนไกลนักชักโกรธา ไล่ขว้างปาเหมือนเล่นเป็นอาจิณ
☆พ่อแม่เลี้ยงเคียงฟักสำลักสุข เปรียบเพชรซุกห่วงใยไข่ในหิน ทุกข์มิเคยเอ่ยสนจะยลยิน เสวยสิ้นแต่สุขอยู่ทุกตอน
☆ครั้นเติบใหญ่ใจห่ามมิคร้ามขลาด อวดฉลาดเด่นดังมิยั้งถอน ใช้เงินหว่านผ่านไปไม่อาวรณ์ พ่อแม่สอนนักหนาอย่ากลัวเกร็ง
☆เหล็กทั้งแท่งแกร่งกล้ายังอ้างอ เอาเงินล่อหักเปาะอย่างเหมาะเหม็ง ใจคนแกร่งแข็งเปรี้ยงเพี้ยงต้นเต็ง จะมาเก่งเกินข้าน่าหัวเราะ
☆พ่อแม่ปลื้มลืมสอนห่อนคุณค่า มิค้นหาเพิ่มเติมเสริมให้เหมาะ ทุกวันคืนชื่นใช้ไร้พอกเพาะ เริ่มจะเลาะร่อยหรอไม่พอทาน
☆หมดหรือยังครั้งนี้มีเหลือน้อย หยิบใช้สอยหนุบหนับคอยนับหาร บ่าวหญิงชายหลายกอบริวาร มิได้การจริงแท้แย่แล้วเรา
☆จะเก็บงำทำงานพาลปวดหัว วุฒิของตัวที่ได้ใช้ซื้อเขา ดอกเตอร์ปลิ้นปริญญาค่าเพียงเงา สมองเล่ากลวงโบ๋โง่กว่าควาย
☆หวังกบฏคดกินแผ่นดินชาติ กล้าบังอาจฉ้อฉลเร่งขวนขวาย สัญญาลับจับมือดื้อด้านกาย ผลสุดท้ายโดนหลอกชอกช้ำใจ
☆ห้อยละเหี่ยเพลียใจให้สิ้นท่า จึงเป็นบ้าลืมตนคนเหลวไหล สะอื้นร่ำพร่ำร้องเกินฟ้องใคร ซึ้งหทัย"พ่อแม่ รังแกฉัน"
☆เป็นขอทานซานซกถลกผ้า ขายขี้หน้าใครเห็นเป็นขบขัน ไร้คนชมถ่มซ้ำน้ำลายพลัน จวบจนวันชีพดับรับระกำ
☆อุทาหรณ์วอนต่อพ่อแม่นั้น เลี้ยงลูกกันดูหน่อยอย่าปล่อยช้ำ รักหรือแกล้งแสลงหลงจงจดจำ อย่าถลำฝึกด้วยช่วยตนเอง
☆ชาติที่แปดแฝดฝาหน้าฝรั่ง คนเขียนนั่งคิดอยู่ดูโหวงเหวง เร่งแต่งร่อนกลอนโยงแขวนโทงเทง หวังบรรเลงให้สนุกทุกบทไป.
เริงอักษร |
ขอบคุณภาพสวย จากอินเทอร์เน็ต . .
|
30
เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 05:04:16 AM
|
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร
|
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๐☆ . (เมขลาอวตาร๖ คนตัดฟืน)
☆ชาติที่ห้าฟ้าใหม่ที่ไปเกิด ฟังกันเถิดเรื่องราวสาวใจหิน เมขลาหน้าละห้อยพลอยยุพิน ยังมิสิ้นบ่วงกรรมที่ทำมา
☆เป็นเทวัญผันกายเฝ้าสายน้ำ ผดุงค้ำคอยแลแก้ปัญหา ชั่วลดละปฏิบัติวิปัสสนา คอยมองหายึดถือคือผลบุญ
☆เลือกเฟ้นค้นคนดีมีศีลสัตย์ อัตคัดยากจนพ้นบาปหนุน บันดาลทรัพย์รับทองเป็นกองทุน เพื่อเจือจุนชีวิตประสิทธิ์พร
☆บริกรรมจำเริญเพลินตบะ เสียงผัวะผะโป๊กป๊ากจากสิงขร ใครกันคึกดึกดื่นไยตื่นนอน สับหัวค้อนหรือขวานสะท้านพลัน
☆ตากระพริบวิบวับจับแว่นส่อง เพ่งแลมองผลุบโผล่พิโธ่..นั่น ชายตัดฟืนยืนเหวี่ยงเอียงตัวฟัน ไม้สะบั้นขาดลงถึงตรงโคน
☆มือขยับจับแน่นที่แก่นด้าม เอนกายตามเล่นท่าหน้าเป็นโขน แกว่งสะเอวเร็วรับกับขวานโยน ยังไม่โค่นสักทีหมดลีลา
☆เต้นกะแหย่งแทงโก้โชว์สะบัด เสียงเด่นชัดซัดนัวกัวละช่า ร่ายถอยรี่บีกินผินกายา ชะชะช่าสนุกจริงยิ่งเร่งฟัน
☆เจ้าคนแกร่งแข็งขันขยันนัก อยากรู้จักบ้านช่องห้องเรือนฝัน ยังมืดค่ำดำฟ้ามาโรมรัน เข้าห้ำหั่นไม้ใหญ่กลางไพรพง
☆สักพักเดียวเหลียวมองจ้องดูร่าง ขวานลอยคว้างหลุดมือยื้อเสียงหลง ตกลงแช่แม่น้ำทำหน้างง แรงขว้างส่งไปไกลในวารี
☆กระโดดพลันทันใดใช้ท่ากบ ว่ายบรรจบผีเสื้อเหงื่อไหลปรี่ ฟรีสไตล์ใช่เท็จเจ็ดนาที แล้วดำรี่ค้นหาเป็นบ้าบอ
☆เฝ้าดำผุดมุดว่ายอยู่หลายท่า ขวานเล่าหนาอยู่ไหนใจหงิกหงอ น้ำเย็นจริงยิ่งนักสำลักคอ หนาวตัวห่ออกสั่นพลันตะกาย
☆ปีนตลิ่งพิงฝั่งนั่งครวญคร่ำ แสนระกำด้วยขวานพาลสูญหาย สะอึกสะอื้นยืนคว้างครางฟูมฟาย เพราะเสียดายของหวงที่ล่วงลับ
☆เทวะแปลงแสดงร่างพลางยิ้มให้ โดดน้ำไปทันทีที่สดับ ผุดจากน้ำคล้ำจางร่างมันวับ ส่งขวานหมับง่าเงื้อเพื่ออ่านใจ
☆ผุดขึ้นยังครั้งแรกแบกขวานทอง ประกายส่องพรายพริ้มเป็นลิ่มใส ขวานอันนี้ของเจ้ามาเอาไป ยินเสียงว่ามิใช่ ชะ..ได้การ
☆ครั้งสองหรือคือเงินเชิญมารับ เสียงตอบกลับมิใช่ในคำขาน ชายนั้นบอกออกมาพาชื่นบาน ได้พบพานคนซื่อถือสัตย์ดี
☆ครั้งสุดท้ายปลายฐานแค่ขวานเหล็ก เล่มก็เล็กแถมบิ่นสิ้นราศรี เห็นหน้าอิ่มยิ้มแป้นแสนยินดี โอ้อันนี้แหละท่านฉันขอบใจ
☆ด้วยความซื่อถือสัตย์บรรทัดฐาน จึ่งมอบขวานหยิบยื่นเพื่อคืนให้ พร้อมขวานเงินขวานทองสียองใย จงรับไปเถิดหนาอย่าช้าเลย
☆ชายตัดฟืนยืนตะลึงซึ้งใจมาก น้ำตาหลากร่วงรินยินคำเผย พ้นความจนหนนี้ที่คุ้นเคย คงได้เชยชื่นสุขทุกทิวา
☆กลับไปเล่าเท้าความตามโชคลาภ ยกมือกราบวิงวอนอ้อนโหยหา ครวญคร่ำร้องฟ้องถึงซึ่งเทวา โปรดเมตตาแม่น้ำลึกล้ำกาย
☆จึงได้ขวานเงินทองของค่ามาก ประทานจากเทวัญพลันเศร้าหาย กินทั้งชาติมาดแม้นแสนสบาย จิตรผ่อนคลายเสพย์สุขทุกวันคืน
☆ตามีฟังคลั่งเขลาเอาแต่โลภ ใจละโมบเหลือหลายร้ายเกินฝืน กระโดดผลุงมุ่งป่ามาตัดฟืน แกล้งไปยืนเลียบฝั่งยังคงคา
☆โยงโย่ฟันหันขวานผสานส่าย มุ่งเป้าหมายเล็งแลชะแง้หา ซัมเมอร์ซอลร่อนถลันมั่นอุรา ตีลังกาปล่อยขวานผ่านลงคลอง
☆ร้องไห้บีบจีบหน้าทำตาเศร้า ชำเลืองเงาเทวามาสนอง มินานช้าอารมณ์สมใจปอง เห็นชายมองยืนคู้แลดูตน
☆ไม่พูดพร่ำทำเพลงบรรเลงท่า ดำควานคว้าทันใดได้เห็นผล ชูขวานทองมองอร่ามเมื่อยามยล ขึ้นมาพ้นชายน้ำรีบย่ำมา
☆ถามขวานนี้ที่กระดกตกลงน้ำ เจ้านั้นจำได้ไหมใช่อย่างว่า ถูกหรือเปล่าเล่าเอ่ยเผยสักครา ตามีว่าใช่แล้วแว่วเสียงครับ
☆เทวาไซร้ได้ฟังยังคำบอก เจ้ากลิ้งกลอกนักหนาคราสดับ ขาดความซื่อถือสัตย์ตระบัดรับ จึงหายวับพร้อมขวานพาลหนีไป
☆ตามียืนขืนค้างอย่างเกรี้ยวโกรธ เนื่องจากโทษละโมบโลภไฉน เสียขวานตนหม่นหมองต้องช้ำใจ เทวดานี่กระไรไร้ปรานี
☆เรื่องมาครบจบลงตรงความซื่อ หากยึดถือเอาไว้ไม่หน่ายหนี ย่อมเป็นคุณหนุนนำทำความดี เสริมชีวีสุขสันต์ทุกวันเทอญ
☆ภพต่อไปในตอนตามกลอนเล่า โปรดคอยเฝ้าวาทีวจีเกริ่น กลอนที่ขานอ่านไปใจเพลิดเพลิน ชวนครับเชิญพักสมองลองติดตาม.
เริงอักษร |
|
|