You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยกระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
 21 
 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2567, 01:16:51 PM 
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share

โคลงสี่สุภาพ
(เป็นตัวแบบ คือ
เอก โท ถูกต้องตามตำรา)


@ ดุจอาทิตย์รุ่งแจ้ง
....แสงงาม
พลังสว่างชูชีพวาม
....อร่ามกล้า
เดือนดาวเด่นประดับยาม
....เย็นค่ำ
แสงส่องเชิญชวนท้า
....ท่องหล้าดับเข็ญ

@ เป็นลมโหมกระหน่ำร้าย
....เลวทราม
บ ปล่อยคอยคุกคาม
....ขุ่นแค้น
ฝนเสริมส่งชีพงาม
....วามทั่ว
กระทำผ่านกาลนาน แม้น
....ไม่ได้ใครชม

* เชื่อมบท แบบ ลิลิต

 22 
 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2567, 04:50:08 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



 
☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๖☆
.      (เมขลาอวตาร๑๒)
.     (มาลีมาลัย๒ ลีลาวดี)

☆ณ.คืนหนึ่งคนึงฝันวันแห่งสุข
มาลัยซุกกายซ่อนตอนยามสอง
แอบไปหามาลีที่หวังปอง
ที่ริมคลองไม้ใหญ่ใกล้บ้านนาง

☆ใต้ร่มหมอกดอกฟ้าลีลาวดี
นวลนรีนั่งจ้องมองดาวหาง
อธิษฐานผ่านเสียงเพียงแผ่วบาง
แหงนหน้าค้างตั้งใจในอารมณ์

☆ถลากุมซุ่มกอดแม่ยอดจิต
ก้มจุมพิตข้างปรางอย่างสุขสม
นางร้องกรี๊ดขีดข่วนป่วนระงม
เอาแต่ก้มหลบตาน่ารักจริง

☆ว่ายน้ำข้ามตามนัดมิขัดข้อง
มาพบน้องเคียงข้างแม่นางหญิง
หนีตะเข้ปลาปลวกแถมพวกปลิง
นั่งนิ่งนิ่งเถิดน้องอย่าร้องเลย

☆หวังชมชื่นกลืนล้ำความฉ่ำหวาน
แม่ลูกตาลขาวใสใจเฉลย
อย่าเง้างอนวอนเว้าเจ้าทรามเชย
อยากกอดเกยเนื้อหอมจึงยอมทน

☆ขอนอนพักสักหน่อยอย่าถอยหนี
ตักคนดีนุ่มนิ่มอิ่มทุกหน
ทิ้งตัววางคางแนบแอบซุกซน
ลูบไล้จนทั่วร่างมิห่างลา

☆พลางชี้ชวนนวลน้อยกลอยสวาท
ชมดาววาดผ่องเพ็ญเย็นโลกหล้า
ลอยดาษดื่นคลื่นคล้องท้องนภา
สุขอุรายิ่งนักยอดรักเอย

☆ดวงนั้นขาวดาวน้อยแสนร้อยเล่ห์
แอบทำเก๋วิบวับสลับเผย
พอหยุดดับกลับสว่างอย่างน่าเชย
ลอยไปเกยดาวศุกร์สนุกใจ

☆เบียดแสงสอดลอดส่งตรงกลางนั่น
หวังสวรรค์สุขสมเกินข่มไหว
แล่นละลิ่วปลิวคว้างช่างว่องไว
โน้มตัวใกล้ลอยวนจนหลงทาง

☆จันทร์ไหวสั่นหวั่นแสงที่แรงกล้า
โถมถลาแกว่งกวัดตวัดหาง
ดาวน้อยแก่นแสนร้ายถ่ายโถมพลาง
ไม่ยอมจางเลือนลดหมดน้ำยา

☆คงหูอื้อดื้อดันจนจันทร์เขิน
เก่งเหลือเกินกลเม็ดเด็ดหนักหนา
พ่อดาวพลอยร้อยรักมิพักลา
จมจันทราหายร่างอย่างน่าดู
                        
☆หักกิ่งงอกดอกฟ้าลีลาวดี
แซมแก้มสีผ่องใสตรงใบหู
รักเหลือล้ำรำพันหวั่นโฉมตรู
ไปควงคู่ใครอื่นยากฝืนทน      

☆ทำอย่างไรไฉนหนอท้อเหลือที่
เพราะตัวพี่ยากไร้ใจสับสน
เฝ้าคิดครุ่นกรุ่นเพ้อจนเผลอตน
หลับอยู่บนตักสาวเจ้ามาลี

☆ตรึงสลักรักมั่นมิหวั่นไหว
ยากเพียงไหนฤๅปอดถอดใจหนี
อาจดูดื้อยื้อจิตคิดวิธี
ตอนหน้านี้รู้แน่แค่ติดตาม.

           เริงอักษร


 23 
 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2567, 01:33:27 PM 
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share


@ โคลง สามคำสุภาพ ไซร้
....ให้พินิจ
"บาทหนี่ง" นำลิขิต
....แต่งแต้ม
"บาทสอง" ร่วมเกาะติด
....เติมต่อ
"บาทสี่" จบบท แย้ม
....ดอกให้สวยสม


 24 
 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2567, 11:42:16 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๕☆
.        (เมขลาอวตาร๑๑)
.   (มาลีมาลัย๑ ฐานันดรศักดิ์)

☆ชาติสุดท้ายคลายแผลแก้ผลกรรม
รสแห่งธรรมเป่าเสกเมขลา
กลับสวรรค์บรรเจิดเพริศนภา
หมดแล้วหนาบาปเวรพิเรนวน

☆ชาติหนึ่งครา"ลาโง่"โชว์ความเขลา
สองคือ"เต่ากับกระต่าย"ทำนายผล
"ราชสีห์มีหนู"ผู้ช่วยตน
"กบเลือกนาย"มากล้นมิพ้นภัย

☆"คนตัดฟืน"ยืนหยัดความสัตย์ซื่อ
"ก่องข้าวน้อย"นั้นหรือคือเผลอไผล
อัน"พ่อแม่รังแกฉัน"พลันเสียใจ
"ฝาแฝด"ไซร้ในบทควรจดจำ

☆"ตอนจอนูนจอแบน"แทนเรื่องบอก
จิตในนอกมีสติมิขบขำ
รู้ทุกครั้งตั้งใจไม่เพลินทำ
ย่อมจะนำสุขมีทุกวี่วัน

☆ชาติสุดท้ายเมขลามาแยกร่าง
เป็นหญิงข้างชายข้างอย่างสร้างสรรค์
เกิดผิดแผกแตกต่างระหว่างกัน
แบ่งร่างนั้นทวิภพครบสองคน

☆หญิงสูงศักดิ์รักมั่นวันฟ้าผ่อง
โอ้..นวลน้องขาวจั๊วะทั่วขุมขน
มองสะอาดแลสะอ้านปานอุบล
ใครได้ยลลุ่มหลงแม่นงคราญ

☆ข้างฝ่ายชายกายล่ำคล้ำแดดเผา
ไม่โง่เขลาแต่จนคนว่าขาน
อยู่กระท่อมล้อมป่าหน้าลำธาร
ชีวิตผ่านวันพ้นจนโตวัย

☆หญิงชื่อว่า"มาลี"มีเสน่ห์
ยามยิ้มเก๋แก้มป่องมองสดใส
ฝ่ายชายนั้นสรรค์ซื่อชื่อ"มาลัย"
คนจริงใจมิตรแท้แก่ทุกคน

☆มาประสบพบรักสลักมั่น
ทุกคืนวันสิ่งใดไม่เคยสน
ฐานะต่างห่างกันพลันวกวน
ด้วยความจนอุปสรรคพาหนักใจ

☆มาลัยช้ำต่ำชั้นหมั่นดูเงา
เห็นแล้วเศร้าจริงแท้แต่หลงไหล
ผูกสมัครรักฟ้าบ้าหรือไร
เป็นเรื่องใหญ่เลยยุ่งมุ่งปองดาว

☆โอ้สวรรค์บันดาลพาลลงโทษ
เป็นเพราะโกรธเรื่องใดใช่สามหาว
แผลงศรรักหนักอกยกเรื่องราว
ปักใจหนาวจนสั่นหวั่นฤดี

☆พ่อแม่น้องปองชายหมายลูกเขย
หุ่นผ่าเผยขุนพลล้นศักดิ์ศรี
ผิดหรือถูกลูกรักฝักใฝ่ดี
มิอาจหนีได้แน่แม้คาดเดา

☆รักกับพี่นี้แล้วนะแก้วฟ้า
กลับใฝ่หาชายอื่นให้ขื่นเฉา
ขอพิสูจน์พูดไปใช่มึนเมา
พอสู้เขาหรือไม่ฝากไตร่ตรอง

☆หากมีใจให้จริงอย่านิ่งเฉย
โปรดจงเผยวจีที่สนอง
จะฝ่าฟันสวรรค์รักสลักปอง
แก้วเนื้อทองตอบหน่อยจะคอยฟัง

☆เรื่องต้นทางอย่างไรในตอนหน้า
มาลัยคว้าคนที่ชีวีหวัง
หรือกินแห้วแนวว่าน่าเศร้าจัง
นอนและนั่งเชียร์หน่อยบทร้อยกรอง.

               เริงอักษร
.
.



 25 
 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2567, 11:37:10 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๔☆
(เมขลาอวตาร๑๐ จอนูนกับจอแบน)

☆เมขลามาบรรจบภพที่เก้า
ได้เป็นเจ้าครองเมืองกระเดื่องหล้า
แว่นแคว้นร้อยน้อยใหญ่ในพารา
ชาวไพร่ฟ้ายกย่องแซ่ซร้องพลัน

☆ทศพิธราชธรรมนำทางให้
เจริญในดวงจิตคิดสร้างสรรค์
ใจสะอ้านหวานอ่อนอาทรกัน
 ดุจสวรรค์บนดินถิ่นนภา

☆มีความสุขทุกวันมั่นดวงจิต
สุจริตโปร่งใสไร้ปัญหา
คุกเหว่ว้างว่างเปล่าเหงาในตา
ต่างภาษาชาติเชื้อเกื้อหนุนกัน
                                                                   
☆เกิดพลิกผันวันหนึ่งถึงครายุ่ง
เรื่องในมุ้งวุ่นวายหายสุขสันต์
ฝุ่นตลบอบอวลครวญรำพัน
ตบตีลั่นด่าทอล่อกันนัว

☆สองสาวซ่าด่าแรงแข้งขาสั่น
ถลึงถลันสาปแช่งเพื่อแย่งผัว
ตะโกนลั่นสนั่นไปไม่เกรงกลัว
รู้กันทั่ววนเวียนมิเปลี่ยนแปลง

☆มือถลกยกผ้าเสียงจ้าแจ๊ด
แหว๋..แว๊ดแว๊ดหยาบหมดงดแถลง
มิอาจจะอธิบายร่ายแจกแจง
แอบตะแคงหูตั้งฟังไม่เพลิน

☆เจริญสุดพุทธมนต์จนคอแห้ง
ส่อแสดงอาฆาตขาดเคอะเขิน
เจ้าหน้าที่สี่เมืองเคืองเหลือเกิน
ออกหมายเชิญทั้งสองไปร้องทุกข์

☆นำขึ้นศาลผ่านแน่หวังแก้ไข
สิ่งคาใจฝังฝากพรากความสุข
ทั้งสองแข่งแย่งกันชั้นเชิงรุก
ปากขยุกตาขยิกจิกน้ำลาย

☆นางจอนูนทูลก่อนวอนให้ช่วย
ดวงช่างซวยดีแท้แย่เหลือหลาย
ผัวได้เสียเมียน้อย..หน๋อยไม่อาย
ร้องฟูมฟายใจเหน็บเจ็บเหลือดี

☆นางจอแบนแอ่นอกยกมือบ้าง
มีข้ออ้างเหมือนกันหวั่นเสื่อมศรี
อยู่กินนานผ่านมากว่าห้าปี
นังตัวดีจอนูนนั้นทูลเท็จ

☆จงเซ้าเซ้าหน่อยหนาอย่าว่าวหลาย
เบิกตัวชายให้การหวังงานเสร็จ
ไม่อยากเห็นเข่นฆ่าน้ำตาเล็ด
ขี้เกียจเช็ดขัดถูดูอ่อนใจ

☆พ่อตัวดีรี่มาเบื้องหน้าศาล
หมดสะท้านขาดสะทกยกหัวไหล่
โค้งคำนับรับพริ้มยิ้มละไม
มีอะไรกันหรือคือโทษทัณฑ์

☆เจ้าจงตอบมอบตามความลี้ลับ
ให้กระชับเรื่องราวคาวมหันต์
สองสาวนี้ที่ฟ้องร้องเรียนกัน
สร้างสัมพันธ์ตอนไหนใครก่อนใคร

☆เจ้าหนุ่มงามกล้ามใหญ่ไรขนดก
ทั้งก้นกกก็โด่งโป่งเป็นไห
แลชำเลืองเครื่องเพศเหตุของภัย
ดูช่างใหญ่เหลือรับเป็นตับพอง

☆ขอบอกความตามตรงว่าหลงใคร่
ทั้งคู่ไซร้มิเป็นเช่นเจ้าของ
ผมมีเมียเสียแล้วชื่อแก้วทอง
แต่เกี่ยวข้องสองสาวเพราะหนาวใจ

☆เมียขัดขืนยืนยันพร้อมสั่นหัว
บอกว่ากลัวขึ้นห้องน้องไม่ไหว
ทุกคืนวุ่นงุ่นง่านสะท้านใน
ต้องออกไปบ้านเล็กจับเด็กกิน

☆ทั้งสองสาวพราวรักนักเลงเก๋า
เก่งรุกเร้าลวดลายมิหายสิ้น
เสียงคำรามครามโครมยามโลมริน
โปรดีดดิ้นชวนชิมอิ่มเหลือเกิน

☆พอ..พอ..สุด หยุดเล่าไม่เอาแล้ว
เห็นวี่แววไปใหญ่ไม่ขัดเขิน
ดูสุขใจในท่าน่าเพลิดเพลิน
พวกสายเบิร์นสายย่อล่อกันนัว

☆จงบอกมาว่าเจ้าจะเอาใคร
เป็นคู่ใคร่ทุกยามด้วยนามผัว
จบงงงันปัญหาหน้ามืดมัว
แสดงตัวเลือกค้นแค่คนเดียว

☆โอ้ย..ไม่ได้หรอกครับรับฟังด้วย
เผื่อใครป่วยแล้วอดหมดเรื่องเสียว
ทั้งสองคือมือดีที่หนึ่งเชียว
ยามแตกเปลี่ยวขึ้นมากลัวบ้าตาย

☆เมขลาฟังคำนำมาคิด
โทษจากพิษความรักหักมิหาย
จึงพิพากโทษาพาผ่อนคลาย
เหตุจากชายล้นหลามกามคุณ

☆สั่งทหารด้านในให้แจงจัด
เอาไปตัดสามท่อนใช้ขอนหนุน
ใส่เข่งแก้วแล้วชั่งตั้งเป็นทุน
ส่วนเลือดขุ่นแบ่งเถือเหมือนเนื้อวัว

☆ทั้งสามส่วนล้วนแจกห้ามแลกกลับ
จอนูนรับเอาไปได้ส่วนหัว
จอแบนขยับรับขาน่าจะชัวร์
นางแก้วทองรับตัวของผัวไป

☆นักปกครองต้องมีศรีและศักดิ์
ซื่อเป็นหลักมาก่อนอย่าอ่อนไหว
ความเถรตรงคงรู้อยู่กลางใจ
เมขลาถูกไหมให้คิดดู

☆เมขลาภพเก้าอวตาร
ต่อผสานเรื่องเรียงเคียงหมวดหมู่
ทุกปางนั้นสรรค์สร้างคำพร่างพรู
ชาติที่สิบจะรู้อยู่ถัดไป

☆เยื้องย่างเข้าอวสานนิทานจบ
ทวิภพเมขลาพาสดใส
"มาลี"หญิงควงร่ายชาย"มาลัย"
เริ่มแบบไหนติดตามความเป็นมา.


                         เริงอักษร
.
.


 26 
 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2567, 06:06:54 PM 
เริ่มโดย สิมิลัน - กระทู้ล่าสุด โดย สิมิลัน



               ใจเจ้าเอย

-เห็นดาวเดือนเกลื่อนกล่นอยู่บนฟ้า
ในอุราล่องลอยเคลื่อนคล้อยฝัน
เฝ้ายื่นมือถือยุดอยากฉุดจันทร์
เพ็ญดวงนั้นมาแนบแอบดวงใจ

-แลสุดเอื้อมเงื้อมเงาน่าเศร้าจิต
ครวญพินิจทุกวันชวนหวั่นไหว
มันเลือนลางห่างค่ามาแสนไกล
ยิ่งคว้าไขว่ยิ่งคว้างกลางทะเล

-ลมหนาวร่ำซ้ำรอยเหมือนคอยแกล้ง
ใจคนแล้งอกสั่นฝันหักเห
จากเปียกโชกโลกหม่นด้วยฝนเท
โดนลมเห่ให้สะท้านเกินต้านแรง

-ต้องจมปลักหนักโคลนที่โยนถม
ไฟอารมณ์รุมเร้ารุกเข้าแฝง
คุกโชนกรุ่นฝุ่นไอใจระแวง
นี่จะแกล้งเร่งยื้อหรืออย่างไร

-อยากสงบจบลงณ.ตรงนี้
หวังฤดีพลิกฟื้นตื่นหลับไหล
พบความจริงสิ่งซึ้งตรึงทรวงใน
แล้วเมื่อไหร่จึงเห็นยากเย็นเกิน

-หากเป็นนกผกผินโผบินได้
จะเอาใจหอบอุ่นละมุนเหิน
เติมแต่งปีกหลีกหม่นพ้นทางเดิน
มุ่งเผชิญฟ้าฟากที่อยากไป.

             สิมิลัน
ขอบคุณภาพสวย จากอินเทอร์เน็ต

.
.


 27 
 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2567, 06:12:10 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๓☆
 (เมขลาอวตาร๙ แฝดฝาหน้าฝรั่ง)

☆เริ่มเรื่องราวสาวเนื่องเปรื่องปัญหา
เมขลามีรักสลักใส
กับหนุ่มห้างต่างแคว้นจากแดนไกล
มีบุตรไซร้แฝดฝาหน้าเหมือนกัน

☆ดำเนินความงามครบภพที่แปด
บุตรฝาแฝดเมขลาพาสุขสันต์
สองคนมีพี่น้องท้องเดียวกัน
ทุกคืนวันเติบโตโก้เหลือดี

☆หน้าตาเหมือนเรือนร่างคางละม้าย
พ่อมาตายจากไกลไปเมืองผี
ทั้งคู่ก็หล่อเหลาดูเข้าที
รูปร่างดีเหมือนฝรั่งยังผิวเนียน

☆แฝดพี่หรือชื่อซ้ายเก่งหลายเรื่อง
หัวปราดเปรื่องยิ่งนักรักขีดเขียน
คนน้องชื่อคือขวาพาวิงเวียน
ขาดความเพียรปากหวานยามขานคำ

☆แม่ก็หนักรักขวามากกว่าซ้าย
คอยให้ท้ายทุกอย่างช่างน่าขำ
ซ้ายดื้อตอบชอบเถียงเบี่ยงถ้อยคำ
สอนไม่จำเบื่อนักชักระอา

☆สมบัติมีที่ดินทำกินอยู่
สิบไร่ดูนิดหน่อยน้อยนักหนา
สลับเปลี่ยนเวียนวนบนผืนนา
ข้าวจากกล้าโตเด่นเห็นเป็นรวง

☆พอนางตายย้ายแย่งแบ่งสมบัติ
มุ่งแจงจัดเอาไว้บาปใหญ่หลวง
อยู่กับขวาแปดไร่ใช่หลอกลวง
รักและห่วงแต่ขวามากกว่าซ้าย

☆แค่สองไร่ให้เราซ้ายเฝ้าคิด
รักลูกผิดลำเอียงเพียงคาดหมาย
อยากให้ขวากินอยู่ดูสบาย
แม่ใจร้ายรักเราไม่เท่ากัน

☆แต่ซ้ายเพียรเรียนเก่งยังเล็งเห็น
สิ่งที่เป็นจริงได้มิใช่ฝัน
คำจากพ่อหล่อหลอมล้อมชีวัน
อย่าคิดสั้นจดจ้องมองให้ไกล

☆ความพอมีพอกินมิสิ้นสูญ
ย่อมเกื้อกูลพูนสะพรั่งหลั่งรินไหล
คำพ่อหลวงปวงชนล้นเกล้าไทย
ดำรัสไว้จริงแท้แผ่เป็นทาน

☆ตั้งใจนำทำกินดินงามสม
ฝนและลมนาไร่ใช้ประสาน
เลี้ยงไก่เป็ดเห็ดปลาพาสำราญ
ไม่เกียจคร้านหรือกร่อยด้อยกำลัง

☆ส่วนขวานั้นรั้นดื้อถือแต่ใจ
ทำนาไปอย่างเดียวมิเหลียวหลัง
ลืมเห็นตามความจริงสิ่งจีรัง
พ่อหลวงสั่งสอนไว้ไร้จดจำ

☆ปีนี้ฝนบนฟ้าทีท่าแล้ง
ขวาตะแบงปลูกข้าวราวถลำ
สวดมนตร์เห่เทวดาพาฝนพรำ
ต้องชอกช้ำนาแห้งกรอบแดงตาย

☆นี่แหละหนอพ่อแม่ต้องแก้ไข
รักลูกให้เท่ากันพลันสมหมาย
เสริมวิชาค่ารู้อยู่สบาย
อย่าเสียดายเคี่ยวเข็ญเป็นครรลอง

☆ขอแนะนำทำนะพระดำรัส
ท่านทรงตรัสมอบให้ไทยทั้งผอง
ต่างชาติแคว้นแดนไกลยังใฝ่ปอง
รับสนองศาสตร์รู้ภูมิพล

☆หมดภพนี้ดีใจเหมือนได้แก้ว
เห็นวี่แววเมขลาฟ้าหลังฝน
อีกสองชาติพลาดไฉนให้ตามยล
จะหลุดพ้นบ่วงกรรมที่ทำมา.

                เริงอักษร
.
.


 28 
 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 07:06:21 PM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร




☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๒☆
  (เมขลาอวตาร๘ พ่อแม่รังแกฉัน)

☆อันคนเราเขลาฉลาดอาจมีบ้าง
หมั่นเสริมสร้างสติไว้ใช้คำสอน
อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ...วอน
พึ่งตนก่อนอย่าขอรอใครอวย

☆ภพที่เจ็ดเด็ดขาดวาสนา
เมขลาเป็นลูกเหมือนถูกหวย
พ่อแม่มีศรีศักดิ์หนักร่ำรวย
ล้วนสืบส่วยมรดกยกต่อมา

☆มากเหลือเกินเงินทองกองเป็นถาด
มิเคยขาดเหลือใช้ไร้กังขา
อำนาจพร้อมน้อมนอบตอบเงินตรา
สุขอุราเหลือล้นจนไม่เป็น

☆ตั้งแต่คลอดรอดตายหายใจแรก
ร่างโดนแบกบนผ้าเหลียวหน้าเห็น
แพรดิ้นเงินเดินทองมองเยือกเย็น
ทำเหมือนเช่นลัดฟ้ามาเกิดกาย

☆คาบช้อนทองกล่องเงินเพลินใจนัก
พ่อแม่รักอุ้มชูมิรู้หาย
ประคบประหงมชมชื่นรื่นสบาย
ทั้งเช้าสายจรดค่ำล้วนจำเจ

☆ทำอะไรไม่ว่าข้าไม่ผิด
พ่อแม่คิดแก้ต่างให้อย่างเท่
นักเลงกร่างวางท่าหน้าเกเร
ดูช่างเก๋มากมายในสายตา

☆จะกินข้าวคราวคำน้ำสักแก้ว
เรียกอีแจ๋วเสียงลั่นสนั่นผา
อยู่ที่ไหนไกลนักชักโกรธา
ไล่ขว้างปาเหมือนเล่นเป็นอาจิณ

☆พ่อแม่เลี้ยงเคียงฟักสำลักสุข
เปรียบเพชรซุกห่วงใยไข่ในหิน
ทุกข์มิเคยเอ่ยสนจะยลยิน
เสวยสิ้นแต่สุขอยู่ทุกตอน

☆ครั้นเติบใหญ่ใจห่ามมิคร้ามขลาด
อวดฉลาดเด่นดังมิยั้งถอน
ใช้เงินหว่านผ่านไปไม่อาวรณ์
พ่อแม่สอนนักหนาอย่ากลัวเกร็ง

☆เหล็กทั้งแท่งแกร่งกล้ายังอ้างอ
เอาเงินล่อหักเปาะอย่างเหมาะเหม็ง
ใจคนแกร่งแข็งเปรี้ยงเพี้ยงต้นเต็ง
จะมาเก่งเกินข้าน่าหัวเราะ

☆พ่อแม่ปลื้มลืมสอนห่อนคุณค่า
มิค้นหาเพิ่มเติมเสริมให้เหมาะ
ทุกวันคืนชื่นใช้ไร้พอกเพาะ
เริ่มจะเลาะร่อยหรอไม่พอทาน

☆หมดหรือยังครั้งนี้มีเหลือน้อย
หยิบใช้สอยหนุบหนับคอยนับหาร
บ่าวหญิงชายหลายกอบริวาร
มิได้การจริงแท้แย่แล้วเรา

☆จะเก็บงำทำงานพาลปวดหัว
วุฒิของตัวที่ได้ใช้ซื้อเขา
ดอกเตอร์ปลิ้นปริญญาค่าเพียงเงา
สมองเล่ากลวงโบ๋โง่กว่าควาย

☆หวังกบฏคดกินแผ่นดินชาติ
กล้าบังอาจฉ้อฉลเร่งขวนขวาย
สัญญาลับจับมือดื้อด้านกาย
ผลสุดท้ายโดนหลอกชอกช้ำใจ

☆ห้อยละเหี่ยเพลียใจให้สิ้นท่า
จึงเป็นบ้าลืมตนคนเหลวไหล
สะอื้นร่ำพร่ำร้องเกินฟ้องใคร
ซึ้งหทัย"พ่อแม่ รังแกฉัน"

☆เป็นขอทานซานซกถลกผ้า
ขายขี้หน้าใครเห็นเป็นขบขัน
ไร้คนชมถ่มซ้ำน้ำลายพลัน
จวบจนวันชีพดับรับระกำ

☆อุทาหรณ์วอนต่อพ่อแม่นั้น
เลี้ยงลูกกันดูหน่อยอย่าปล่อยช้ำ
รักหรือแกล้งแสลงหลงจงจดจำ
อย่าถลำฝึกด้วยช่วยตนเอง

☆ชาติที่แปดแฝดฝาหน้าฝรั่ง
คนเขียนนั่งคิดอยู่ดูโหวงเหวง
เร่งแต่งร่อนกลอนโยงแขวนโทงเทง
หวังบรรเลงให้สนุกทุกบทไป.

                    เริงอักษร
ขอบคุณภาพสวย จากอินเทอร์เน็ต
.
.


 29 
 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 06:36:04 PM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



r


☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๑☆
 (เมขลาอวตาร๗ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่)

☆ชาติที่หกตกฟากอยากมาเกิด
เมืองฟ้าเปิดถิ่นแคว้นแดนสยาม
ยโสธรนครรู้เฟื่องฟูงาม
ปลายเขตคามแห่งหนึ่งกึ่งดินดอน

☆เกิดเป็นชายนายทองทำนองชื่อ
นิสัยดื้อดึงดันเกินบั่นถอน
โมโหร้ายหายเร็วสะเอวงอน
ไม่ฟังก่อนผลุนผลันทุกวันไป

☆อยู่กับแม่แก่ชรากำพร้าพ่อ
ตะวันทออรุณรุ่งมุ่งคราดไถ
งานประจำทำนามานานวัย
จนเติบใหญ่เป็นหนุ่มแม่อุ้มชู

☆ทำนาด้วยช่วยแม่ที่แก่ล้า
ร่างโรยราห่อหดน่าอดสู
จึงฉายเดี่ยวเชี่ยวคล่องในตองอู
สำนึกรู้แทนคุณบุญมารดา

☆วันนี้เห็นเช่นกันกับวันก่อน
ต้องตื่นนอนแต่เช้าเยาว์อุษา
เพียงไก่ขันถลันกายหมายทุ่งนา
สองมือคว้าคราดไถดั่งใจจง

☆จูงควายทุยลุยเก่งนักเลงเก่า
ปีนข้ามเขาหกเนินมิเกินหลง
ก็ถึงดินถิ่นถางวางคราดลง
ผูกควายสงกลางนากินหญ้าพลาง

☆เอื้อมหยิบข้าวสาวแผ่แม่ห่อให้
เก็บเอาไว้กินเช้าเข้ารุ่งสาง
เพิ่มแรงเรี่ยวเกี่ยวไถในแถวราง
ก่อเป็นทางปลูกข้าวคราวทำกิน

☆มีเนื้อเค็มเต็มหน้าฝากระติบ
บรรจงหยิบแยกค้นไว้บนหิน
ข้าวเหนียวจกยกร้อนซ่อนไอริน
เสพย์จนสิ้นถึงก้นจึงพ้นหิว

☆แม่บอกก่อนตอนเที่ยงมิเบี่ยงเกิน
จะดุ่มเดินกายคล้องก่องข้าวหิ้ว
ข้ามสันโดดโขดเขินเหินแนวทิว
มาทันคิวแน่นอนตอนกลางวัน

☆กินเสร็จสรรพกลับไปเอาไหล่แบก
หยิบโคนแอกใส่ควายหมายวาดฝัน
จูงกระชั้นทันใดกลัวไม่ทัน
จิตมุ่งมั่นไถคราดเต็มมาดชาย

☆ตรงไหนดอนถอนไถไม่ปักแน่น
หากเจอแก่นตอสวนรวนคันส่าย
เขยกย่างร่างย่องท่องกราดกราย
โยกหัวควายมือขยับจับให้ตรง

☆ไถถ้วนทั่วรัวพื้นที่ชื้นฝน
บดหญ้าขนหญ้าแขกแหลกเป็นผง
ร่องไหนชื้นยืนซอยค่อยบรรจง
ปักไถลงให้หนักทะลักดิน

☆แซะทุกร่องปล่องรางอล่างอ้า
มือจับคร่าคันไถใจดั่งหิน
กระแทกย้ำซ้ำรอยพลอยเหงื่อริน
ทะลายสิ้นคราดแทรกแตกกระเซ็น

☆ละเลงร่ายก่ายลึกไม่นึกหน่าย
ดึงหัวควายเลี้ยวกลับกระชับเข็น
จากไถแปรแถกลบจบลำเค็ญ
นาที่เห็นสวยพร่างกระจ่างเงา

☆มองอาทิตย์ติดหัวเหนื่อยตัวสั่น
พอแล้วกันร้อนแดดที่แผดเผา
ขอนอนพักสักหน่อยคอยทุเลา
นั่งบรรเทาความร้อนตอนเที่ยงวัน

☆ชะเง้อมองจ้องหาทั้งหน้าหลัง
หิวเสียจังแม่จ๋า..ทุกคราหัน
ซ้ายขวาไซร้ไร้เงาเฝ้างงงัน
ในท้องลั่นโครกครากเพราะอยากกิน

☆เริ่มหงุดหงิดบิดกายหายใจขัด
แม่ไม่จัดข้าวมาพาโกรธหิน
กระทืบส่งลงส้นบนพื้นดิน
แผลแหว่งวิ่นทั่วเท้าเฝ้าครวญคราง

☆ข้างฝ่ายแม่แก่ชรามาเป็นไข้
เผลอหลับไปเนิ่นนานพาลหม่นหมาง
ตกใจตื่นฟื้นงงหลงลืมพลาง
พอเริ่มสร่างรีบรุดไม่หยุดมือ

☆ห่วงลูกหิวนิ่วหน้าถ้าผิดนัด
รีบแจงจัดข้าวปลาไขว่คว้าถือ
ผ้าถุงทึบพึ่บพั่บสับกระพือ
สองแขนยื้อก่องข้าวเร่งก้าวเดิน

☆กระเตงหอบลอบหืดฝืดเสลด
ไม่กลัวเหตุหน้ามืดยืดกายเหิน
นาของเราเล่าไฉนไกลเหลือเกิน
ไถลเนินเท้าแตกแหลกเต็มกลืน

☆มาถึงสายบ่ายคล้อยพร้อมรอยช้ำ
ไม่บ่นคำสักนิดจิตรทนฝืน
ถึงเป็นไข้ไม่สบายอยู่หลายคืน
พร้อมกับยื่นข้าวห่อพ่อลูกชาย

☆ลูกมิฟังยั้งใจอย่างไรอยู่
เพราะไม่รู้แม่ป่วยแทบม้วยหมาย
ด้วยความหิวกริ้วโกรธโทษมากมาย
คว้าเอาปลายคันไถฟาดใส่พลัน

☆กระติบข้าวจาวเล็กเหมือนเด็กกิน
ควักไม่สิ้นเกินขอบชอบหุนหัน
แม่อัดข้าวพราวแน่นไยแค้นกัน
จนอิ่มนั้นแค่กึ่งอีกครึ่งมี

☆เริ่มใจหายกายแม่นอนแน่นิ่ง
มิไหวติงเรือนร่างพลางขวัญหนี
โอ้..แม่จ๊ะแม่จ๋าลุกมาซี
ข้าวในนี้เหลือมากเอ่ยปากชวน

☆น่าเสียดายง่ายแท้เพราะแค่หิว
สร้างรอยริ้วแห่งบาปเกินหาบหวน
ลืมเหตุผลกลในให้ทบทวน
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินสิ้นครรลอง

☆ลูกชายโศกโลกเศร้าเรามันบ้า
ไยถึงฆ่าแม่ได้ให้หม่นหมอง
ขุดดินร้างสร้างธาตุประกาศจอง
ชื่อว่า"ก่องข้าวน้อย" รอยวจี

☆ขอจบเรื่องเมืองนี้ที่อยากเล่า
โอ้น้องเจ้าเมขลาบอกอย่าหนี
ชาติหน้าเห็นเป็นได้อะไรดี
ตามอ่านซีจะรู้อยู่บนกลอน.

             เริงอักษร
.
.
.

ขอบคุณภาพสวย จากอินเทอร์เน็ต

 30 
 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 05:04:16 AM 
เริ่มโดย เริงอักษร - กระทู้ล่าสุด โดย เริงอักษร



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๐☆
.   (เมขลาอวตาร๖ คนตัดฟืน)

☆ชาติที่ห้าฟ้าใหม่ที่ไปเกิด
ฟังกันเถิดเรื่องราวสาวใจหิน
เมขลาหน้าละห้อยพลอยยุพิน
ยังมิสิ้นบ่วงกรรมที่ทำมา

☆เป็นเทวัญผันกายเฝ้าสายน้ำ
ผดุงค้ำคอยแลแก้ปัญหา
ชั่วลดละปฏิบัติวิปัสสนา
คอยมองหายึดถือคือผลบุญ

☆เลือกเฟ้นค้นคนดีมีศีลสัตย์
อัตคัดยากจนพ้นบาปหนุน
บันดาลทรัพย์รับทองเป็นกองทุน
เพื่อเจือจุนชีวิตประสิทธิ์พร

☆บริกรรมจำเริญเพลินตบะ
เสียงผัวะผะโป๊กป๊ากจากสิงขร
ใครกันคึกดึกดื่นไยตื่นนอน
สับหัวค้อนหรือขวานสะท้านพลัน

☆ตากระพริบวิบวับจับแว่นส่อง
เพ่งแลมองผลุบโผล่พิโธ่..นั่น
ชายตัดฟืนยืนเหวี่ยงเอียงตัวฟัน
ไม้สะบั้นขาดลงถึงตรงโคน

☆มือขยับจับแน่นที่แก่นด้าม
เอนกายตามเล่นท่าหน้าเป็นโขน
แกว่งสะเอวเร็วรับกับขวานโยน
ยังไม่โค่นสักทีหมดลีลา

☆เต้นกะแหย่งแทงโก้โชว์สะบัด
เสียงเด่นชัดซัดนัวกัวละช่า
ร่ายถอยรี่บีกินผินกายา
ชะชะช่าสนุกจริงยิ่งเร่งฟัน

☆เจ้าคนแกร่งแข็งขันขยันนัก
อยากรู้จักบ้านช่องห้องเรือนฝัน
ยังมืดค่ำดำฟ้ามาโรมรัน
เข้าห้ำหั่นไม้ใหญ่กลางไพรพง

☆สักพักเดียวเหลียวมองจ้องดูร่าง
ขวานลอยคว้างหลุดมือยื้อเสียงหลง
ตกลงแช่แม่น้ำทำหน้างง
แรงขว้างส่งไปไกลในวารี

☆กระโดดพลันทันใดใช้ท่ากบ
ว่ายบรรจบผีเสื้อเหงื่อไหลปรี่
ฟรีสไตล์ใช่เท็จเจ็ดนาที
แล้วดำรี่ค้นหาเป็นบ้าบอ

☆เฝ้าดำผุดมุดว่ายอยู่หลายท่า
ขวานเล่าหนาอยู่ไหนใจหงิกหงอ
น้ำเย็นจริงยิ่งนักสำลักคอ
หนาวตัวห่ออกสั่นพลันตะกาย

☆ปีนตลิ่งพิงฝั่งนั่งครวญคร่ำ
แสนระกำด้วยขวานพาลสูญหาย
สะอึกสะอื้นยืนคว้างครางฟูมฟาย
เพราะเสียดายของหวงที่ล่วงลับ

☆เทวะแปลงแสดงร่างพลางยิ้มให้
โดดน้ำไปทันทีที่สดับ
ผุดจากน้ำคล้ำจางร่างมันวับ
ส่งขวานหมับง่าเงื้อเพื่ออ่านใจ

☆ผุดขึ้นยังครั้งแรกแบกขวานทอง
ประกายส่องพรายพริ้มเป็นลิ่มใส
ขวานอันนี้ของเจ้ามาเอาไป
ยินเสียงว่ามิใช่ ชะ..ได้การ

☆ครั้งสองหรือคือเงินเชิญมารับ
เสียงตอบกลับมิใช่ในคำขาน
ชายนั้นบอกออกมาพาชื่นบาน
ได้พบพานคนซื่อถือสัตย์ดี

☆ครั้งสุดท้ายปลายฐานแค่ขวานเหล็ก
เล่มก็เล็กแถมบิ่นสิ้นราศรี
เห็นหน้าอิ่มยิ้มแป้นแสนยินดี
โอ้อันนี้แหละท่านฉันขอบใจ

☆ด้วยความซื่อถือสัตย์บรรทัดฐาน
จึ่งมอบขวานหยิบยื่นเพื่อคืนให้
พร้อมขวานเงินขวานทองสียองใย
จงรับไปเถิดหนาอย่าช้าเลย

☆ชายตัดฟืนยืนตะลึงซึ้งใจมาก
น้ำตาหลากร่วงรินยินคำเผย
พ้นความจนหนนี้ที่คุ้นเคย
คงได้เชยชื่นสุขทุกทิวา

☆กลับไปเล่าเท้าความตามโชคลาภ
ยกมือกราบวิงวอนอ้อนโหยหา
ครวญคร่ำร้องฟ้องถึงซึ่งเทวา
โปรดเมตตาแม่น้ำลึกล้ำกาย

☆จึงได้ขวานเงินทองของค่ามาก
ประทานจากเทวัญพลันเศร้าหาย
กินทั้งชาติมาดแม้นแสนสบาย
จิตรผ่อนคลายเสพย์สุขทุกวันคืน

☆ตามีฟังคลั่งเขลาเอาแต่โลภ
ใจละโมบเหลือหลายร้ายเกินฝืน
กระโดดผลุงมุ่งป่ามาตัดฟืน
แกล้งไปยืนเลียบฝั่งยังคงคา

☆โยงโย่ฟันหันขวานผสานส่าย
มุ่งเป้าหมายเล็งแลชะแง้หา
ซัมเมอร์ซอลร่อนถลันมั่นอุรา
ตีลังกาปล่อยขวานผ่านลงคลอง

☆ร้องไห้บีบจีบหน้าทำตาเศร้า
ชำเลืองเงาเทวามาสนอง
มินานช้าอารมณ์สมใจปอง
เห็นชายมองยืนคู้แลดูตน

☆ไม่พูดพร่ำทำเพลงบรรเลงท่า
ดำควานคว้าทันใดได้เห็นผล
ชูขวานทองมองอร่ามเมื่อยามยล
ขึ้นมาพ้นชายน้ำรีบย่ำมา

☆ถามขวานนี้ที่กระดกตกลงน้ำ
เจ้านั้นจำได้ไหมใช่อย่างว่า
ถูกหรือเปล่าเล่าเอ่ยเผยสักครา
ตามีว่าใช่แล้วแว่วเสียงครับ

☆เทวาไซร้ได้ฟังยังคำบอก
เจ้ากลิ้งกลอกนักหนาคราสดับ
ขาดความซื่อถือสัตย์ตระบัดรับ
จึงหายวับพร้อมขวานพาลหนีไป

☆ตามียืนขืนค้างอย่างเกรี้ยวโกรธ
เนื่องจากโทษละโมบโลภไฉน
เสียขวานตนหม่นหมองต้องช้ำใจ
เทวดานี่กระไรไร้ปรานี

☆เรื่องมาครบจบลงตรงความซื่อ
หากยึดถือเอาไว้ไม่หน่ายหนี
ย่อมเป็นคุณหนุนนำทำความดี
เสริมชีวีสุขสันต์ทุกวันเทอญ

☆ภพต่อไปในตอนตามกลอนเล่า
โปรดคอยเฝ้าวาทีวจีเกริ่น
กลอนที่ขานอ่านไปใจเพลิดเพลิน
ชวนครับเชิญพักสมองลองติดตาม.

                เริงอักษร

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10