-/> *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ***

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ***  (อ่าน 7956 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 02:23:31 PM »

Permalink: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
บทนำ

** จะขอกล่าวถึงเรื่องพระโพธิสัตว์
ทรงอุบัติในเมืองพาราณสี
เสวยพระชาติเป็นพระเตมีย์
เพื่อบำเพ็ญบุญให้ดีอย่างอุดม

** พระชาตินี้ทรงบำเพ็ญเนกขัมมะ
เพื่อลดละโลกีย์ให้สุขสม
ปณิธานแน่วแน่น่าชื่นชม
จะออกบวชให้รื่นรมย์ตลอดกาล

** เนกขัมมะคือการออกจากกาม
สิ่งชั่วช้าเลวทรามที่หยาบกร้าน
เพื่อป้องกันนิวรณ์ห้ามารุกราน
และป้องกันกิเลสมารมารบกวน

** ตั้งมั่นรักษาศีลและให้ทาน
เจริญสมถะกัมมัฏฐานเป็นสัดส่วน
มีสันโดษรู้จักพอรู้จักควร
มุ่งกระบวนโพธิญาณเบิกบานใจ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 02:32:29 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๑  จุติจากสวรรค์

** ขอเริ่มเรื่อง ณ เมืองพาราณสี
เจ้าผู้ครองบุรีสุขสดใส
ทรงพระนามกาสีผู้ทรงไชย
มีหน้าใยมเหสีคู่ชีวา

** ทรงพระนามจันทาเทวีนาถ
คู่พระทัยจอมราชเสน่หา
ไม่มีพระโอรสพระธิดา
เพื่อจะมาสืบสันตติวงศ์

** พวกชาวเมืองพากันปริวิตก
จนรุ่มร้อนในอกแทบเป็นผง
บ้านเมืองคงระส่ำระสายเป็นมั่นคง
ถ้าขาดองค์ผู้สืบราชบัลลังก์

** จึงพากันเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูล
จอมไอสูรย์ผู้เป็นซึ่งความหวัง
ขอให้มีราชบุตรคู่เวียงวัง
จงให้ได้สมดังความต้องการ

** ในคืนนั้นท้าวเธอทรงปรึกษา
กับเอกอัครชายาอย่างฉาดฉาน
เรามามีลูกกันเถอะเยาวมาลย์
ให้ประชากรสุขสำราญชื่นอารมณ์

** พระนางก็เห็นด้วยเป็นยิ่งนัก
เพื่อประชาชนที่รักจักสุขสม
แต่ทรงเกรงจะเป็นเพียงดังลม
ไม่สร้างความชื่นชมชาวพารา

** พระนางจึงทรงขอให้บุญช่วย
ขอสวรรค์โปรดอำนวยตามปรารถนา
ครั้นเมื่อถึงวันพระตามเวลา
ทรงรักษาศีลอุโบสถอย่างที่เคย

** แล้วทรงตั้งสัตยาธิษฐาน
ขอให้บุญบันดาลอย่านิ่งเฉย
ให้มีราชโอรสไว้ชมเชย
ดังคำที่ได้เอ่ยขออ้อนวอน

** ในกาลนั้นทิพยอาสน์ท้าวโกสินทร์
แข็งกระด้างดุจหินเป็นก้อนก้อน
ด้วยแรงอธิษฐานของบังอร
ทิพยอาสน์จึงเร่าร้อนนอนไม่ลง

** จึงสอดส่องทิพยเนตรดูเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นในจักรวาลไม่ลืมหลง
ก็ทรงทราบเรื่องราวโดยเจาะจง
รีบช่วยเหลือโฉมยงตามขอมา

** ได้อ้อนวอนเทพบุตรที่สำคัญ
จะจุติจากสวรรค์ดาวดึงษา
ให้เกิดเป็นราชโอรสของราชา
กับพระนางจันทาจอมนารี

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 03:01:20 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๒  ประสูติ

** ตามปกติเทพบุตรพระองค์นั้น
ที่บังเกิดในครรภ์มเหสี
จะต้องไปเกิดในชั้นสูงกว่านี้
กว่าสวรรค์ชั้นที่จุติมา

** แต่เพราะคำอ้อนวอนขององค์อินทร์
คำพิษฐานของยุพินขนิษฐา
ทั้งอำนาจศีลที่ตัวนางจันทา
ได้สั่งสมบุญญาอันยาวนาน

** ประกอบกับความต้องการของเทพบุตร
จะเกิดในโลกมนุษย์เป็นพื้นฐาน
เพื่อบำเพ็ญบารมีตามต้องการ
จึงรับคำองค์มัฆวานในทันที

** ถึงวาระที่ประชาชนจะมีสุข
องค์ราชาปลอดทุกข์เป็นสุขี
เป็นเพราะพระนางจันทาเทวี
เธอทรงมีพระครรภ์อันอำไพ

** พระนางทรงถนอมพระครรภา
ทรงระวังรักษาไม่ไปไหน
งดอาหารรสจัดจนเกินไป
เอาใจใส่สุขภาพของพระนาง
** นับตั้งแต่พระนางทรงตั้งครรภ์
บังเกิดเหตุอัศจรรย์หลายหลายอย่าง
ชาวเมืองเกิดปิติใจไม่จืดจาง
มีความสุขไม่เลือนรางทั่วหน้ากัน

** ครั้นเมื่อครบกำหนดทศมาส
พระนางนาถได้ประสูติอย่างสุขสันต์
ความเจ็บไม่มากมายสบายครัน
นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ในปฐพี

** อีกบันดาลให้ฝนตกจนทั่วแคว้น
ตลอดทั้งดินแดนพาราณสี
เพื่อขจัดความแห้งแล้งที่เคยมี
ต้นไม้เขียวขจีผลิดอกใบ

** ชาวประชาเริงรื่นชื่นหรรษา
สมโภชโอรสาอย่างยิ่งใหญ่
ต่างยินดีปรีดาพาสุขใจ
ส่งเสียงโห่ร้องไปทั่วนคร

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 03:06:02 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๓  แม่นม

** โหรหลวงได้ตรวจดูพระลักษณะ
ขององค์พระโอรสามหิศร
มีบุญญาธิการไม่ร้าวรอน
ประชากรต่างยินดีแสนปรีดา

** ทั้งเกิดฝนประชาชนก็ชุ่มชื่น
แสนระรื่นเลิศล้ำสุขหรรษา
จึงถวายพระนามกุมารา
พระเตมีย์จอมจักรายอดกุมาร

** พระองค์ทรงเป็นเด็กที่น่ารัก
มีผิวพรรณงามนักเกินกล่าวขาน
ไม่ขี้อ้อนโยเยอันธพาล
มีจิตใจเบิกบานนิสัยดี

** พระบิดาทรงห่วงใยเป็นที่ยิ่ง
ทรงตั้งหญิงเป็นแม่นมหกสิบสี่
แต่ละนางคัดเลือกยอดนารี
มีรูปร่างโสภีบุคลิกงาม

** และยังมีลักษณะที่พิเศษ
คัดเลือกเกรดชั้นเลิศไม่ต้องห้าม
ถูกต้องตามตำราที่ลือนาม
เพื่อจะบังเกิดความเป็นมงคล

** หนึ่ง “รูปร่างไม่สูงจนเกินไป”
เพราะความสูงก็ทำให้บังเกิดผล
คอของเด็กจะยาวดูชอบกล
ผิดธรรมชาติของคนไม่น่ามอง

** ด้วยเด็กต้องยืดคอขึ้นดูดนม
แม่จะก้มลงมาก็ไม่คล่อง
เพราะความหิวมากมายเป็นก่ายกอง
ลูกจึงต้องจำนนทนยืดมัน

** สอง “รูปร่างไม่เตี้ยจนเกินไป”
ความเตี้ยเป็นเหตุให้เด็กคอสั้น
ต้องหดคอดูดนมทุกทุกวัน
เป็นเรื่องที่สำคัญควรคำนึง

** สาม “รูปร่างไม่ผอมจนเกินไป”
จะทำให้เด็กเจ็บคิดไม่ถึง
เพราะดูดนมในท่าที่รัดรึง
ไม่ถนัดเลยจึงเกิดเจ็บตัว

** สี่ “รูปร่างไม่อ้วนจนเกินไป”
จะทำให้เด็กปวดเมื่อยจนเจ็บหัว
เกิดอึดอัดตอนดูดนมช่างน่ากลัว
จึงเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์

** ห้า “สีผิวไม่ดำจนเกินไป”
จะเป็นเหตุทำให้เกิดขัดขวาง
ความเจริญเติบโตตามแนวทาง
เพราะน้ำนมของนางเย็นชืดจัง

** หก “สีผิวไม่ขาวจนเกินไป”
เพราะน้ำนมที่ได้น่าผิดหวัง
มันร้อนมากจริงจริงน่าชิงชัง
เป็นพลังทำให้เด็กไม่สมบูรณ์

** เจ็ด “แม่นมที่มีเต้านมยาน”
เด็กจะทรมานไม่สิ้นสูญ
นมจะทับจมูกแบนแสนอาดูร
จะเพิ่มพูนปมด้อยน่าน้อยใจ

** แปด “แม่นมที่เป็นโรคหืดหอบ”
ตามระบอบของร่างกายคงไม่ไหว
เพราะน้ำนมจะเปรี้ยวเสียกระไร
ไม่ชื่นอกชื่นใจชวนให้กิน

** เก้า “แม่นมที่เป็นโรคมองคร่อ”
ใคร่จะขออธิบายให้จบสิ้น
คือโรคไอเรื้อรังที่เคยชิน
เราได้ยินได้เห็นเป็นประจำ

** น้ำนมของแม่นมประเภทนี้
มันจะมีรสเผ็ดไม่ชื่นฉ่ำ
เวลาดื่มแต่ละครั้งสุดระกำ
เป็นเหตุทำให้อาหารไม่พอเพียง

** แม่นมหกสิบสี่คนของโอรส
เธอทั้งหมดปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยง
เพราะทุกคนสมบูรณ์พร้อมไม่ใกล้เคียง
เก้าประการที่ไล่เลียงมาให้ฟัง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #4 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 03:09:31 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๔  ระลึกชาติได้

** เมื่อมีพระชนมายุได้หนึ่งเดือน
ความอัศจรรย์ก็มาเยือนเตือนความหลัง
ขณะที่พระราชบิดานั่งบัลลังก์
พิพากษาโจรโอหังทั้งสี่คน

** พระโอรสทรงบรรทมอยู่บนตัก
ไม่นานนักทุกคนคงทราบผล
ท้าวกาสีทรงตัดสินอย่างแยบยล
ตามทัณฑ์บนที่เหมาะสมกับคดี

** คนที่หนึ่งซึ่งมีความผิดน้อย
โทษเบาหน่อยโบยเฆี่ยนอย่างเต็มที่
คนที่สองผิดมากกว่าชอบราวี
ให้คุมขังทันทีมิรอนาน

** คนที่สามมีความผิดมากกว่าอีก
ทำให้หลีกไม่พ้นต้องประหาร
คนที่สี่เสียบหลาวปักประจาน
ตามโทษฐานความผิดที่คิดทำ

** พระกุมารทรงระลึกชาติก่อนได้
ว่าสร้างกรรมเอาไว้จนถลำ
สู่นรกหมกไหม้ชดใช้กรรม
ถูกเหยียบย่ำไม่เบาเผาด้วยไฟ
** ในอดีตเกิดเป็นพระมหากษัตริย์
ครอบครองเศวตฉัตรนครใหญ่
สั่งประหารชีวิตชาวเมืองไป
นับจำนวนเห็นจะได้หลายร้อยพัน

** เมื่อถึงคราวที่ต้องละโลกนี้
กรรมที่มีส่งผลต้องโศกศัลย์
ตกนรกชดใช้หลายร้อยกัลป์
หลายแสนวันนับดูแล้วแปดหมื่นปี

** ใช้กรรมในนรกจนหมดสิ้น
บุญส่งให้จอมบดินทร์ปิ่นกรุงศรี
ไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่ดี
ดาวดึงส์เป็นที่พำนักกาย

** หลังจากนั้นมาเกิดเป็นมนุษย์
เลิศล้ำสุดบารมีที่ปองหมาย
ไม่ใช่ใครที่ไหนคือองค์ชาย
ผู้เป็นเจ้านายเมืองนี้เอง

** พระกุมาไม่ปรารถนาจะครองราชย์
กลัวอำนาจหน้าที่มาข่มเหง
ให้ต้องตกนรกน่ายำเกรง
บาปบานเบ่งอีกคราจะร้อนรน
** ไม่มีความทุกข์อะไรจะใหญ่กว่า
ความทุกข์ทรมาน่าพองขน
เหมือนทุกข์ในนรกหมกไหม้ตน
จะดั้นด้นหลีกหนีสุดชีวา

** กุมารน้อยจึงใคร่ครวญเฝ้าหวนคิด
นึกอนาถชีวิตเป็นหนักหนา
อยากจะไปให้พ้นนครา
ภาวนาบำเพ็ญธรรมสุขสำราญ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ

บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #5 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 03:20:23 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๕  เทพธิดาบอกอุบาย

** ในครั้งนั้นยังมีเทพธิดา
คิดช่วยเหลือโอรสาผู้ห้าวหาญ
เพราะนางเป็นมารดาในก่อนกาล
ตามรักษายอดชายชาญทุกเวลา

** จึงเข้าไปกระซิบบอกอุบาย
ให้อดีตลูกชายดังปรารถนา
เพื่อได้พ้นตำแหน่งกษัตรา
สมดังเจตนาพระกุมาร

** จงทำเป็นง่อยเปลี้ยเสียแขนขา
เป็นใบ้บ้าตาบอดสอดประสาน
อีกหูหนวกเป็นคนพิกลพิการ
แม้จะทรมานต้องยอมทน

** นับตั้งแต่วันนั้นพระโอรส
ได้จำจดถ้อยความตามนุสนธิ์
จึงทำใจแล้วจึงปฏิบัติตน
เริ่มเป็นคนผิดแผกแปลกจากเดิม

** ไม่มีการตอบโต้ทางสัมผัส
ปรากฏชัดผิดปกติเข้ามาเสริม
ไม่ยินดียินร้ายได้มาเติม
เพื่อพูนเพิ่มให้สำเร็จเจตนา

** เมื่อพระเจ้ากาสีทรงทราบเรื่อง
ที่เกิดขึ้นในเมืองมีปัญหา
พระโอรสผิดปกติทางปัญญา
ไม่สบายอุราทรงพะวง

** ทรงปรึกษาหารือพระเทวี
ถึงวิธีรักษาดังประสงค์
ให้หายไปหรือว่าทุเลาลง
แล้วก็ทรงรับสั่งให้ทดลอง

** เริ่มต้นให้นมผิดเวลา
หรือบางคราให้อดเป็นซ้ำสอง
เพื่อดูผลที่เกิดดังใจปอง
เมื่อตอนที่ฉลองครบหนึ่งปี

** เมื่อพระชนมายุสองพรรษา
ทดลองกุมาราอย่างเต็มที่
ให้เด็กเด็กห้าร้อยในธานี
กินขนมอวดภูมีให้ร้าวราน

** เมื่อพระชนมายุสามพรรษา
ก็ทดลองอีกคราตามมาตรฐาน
ให้เด็กเด็กห้าร้อยรับประทาน
ผลไม้หน้าภูบาลอย่างตั้งใจ

** เมื่อพระชนมายุสี่พรรษา
เปลี่ยนวิธีเพื่อพาให้หวั่นไหว
ให้เด็กเล่นของเล่นอวดทรงไชย
ก็ไม่สนใจเหมือนก่อนนั้น

** เมื่อพระชนมายุห้าพรรษา
ทดลองหยั่งดูว่ามีใจมั่น
ให้เด็กกินอาหารอวดเช่นกัน
แต่ผลลัพธ์ของมันไม่เปลี่ยนแปลง

** เมื่อพระชนมายุหกพรรษา
ไม่รอช้าทดลองแบบแผลงแผลง
จุดไฟเผาที่ประทับอย่างรุนแรง
พระโอรสไม่แสดงอาการเลย

** เมื่อพระชนมายุเจ็ดพรรษา
ช้างตกมันมีงาไล่ยังเฉย
ไม่แสดงอาการกลัวกลับเฉยเมย
อนิจจาลูกเอ๋ยช่างเวรกรรม

** เมื่อพระชนมายุแปดพรรษา
ปล่อยให้งูออกมาไม่น่าขำ
มาพันรัดร่างกายพระทรงธรรม
ก็เงียบงำไม่แสดงอาการกลัว

** เมื่อพระชนมายุเก้าพรรษา
มหรสพเฮฮาไม่ยิ้มหัว
ก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ลืมตัว
ไปเกลือกกลั้วตามอุบายที่หมายลวง

** เมื่อพระชนมายุสิบพรรษา
เพชฌฆาตจ้องตาก็ไม่ห่วง
ทำท่าจะฟาดฟันไม่ใช่ลวง
ก็ยังคงปล่อยให้ล่วงผ่านดังลม

** พอพระชนมายุสิบเอ็ดพรรษา
ได้ส่งเสียงพูดจาดังกันขรม
เพื่อทำลายความเงียบตอนบรรทม
องค์บรมนิ่งเฉยเหมือนหุ่นฟาง

** พอพระชนมายุสิบสองพรรษา
ทำให้เกิดแสงจ้าส่องสว่าง
ในขณะที่หลับใหลไม่อำพราง
ตื่นบรรทมมองอย่างไม่ใยดี

** พอพระชนมายุสิบสามพรรษา
เอาน้ำอ้อยชโลมทาพิถันพิถี
จนกระทั่งเยิ้มไปทั้งอินทรีย์
ก็ไม่มีปฏิกิริยาจากพระองค์

** พอพระชนมายุสิบสี่พรรษา
ให้ยุวกษัตราผู้เป็นหงส์
นอนจมอุจจาระดังจำนง
ก็ยังคงไม่เอื้อนเอ่ยเผยท่าที

** พอพระชนมายุสิบห้าพรรษา
ได้ทดลองรุนแรงกว่าไม่หน่ายหนี
ให้นอนบนความร้อนใช่ย่ำยี
แต่ให้เผยวจีว่าร้อนรน

** พอพระชนมายุสิบหกพรรษา
ให้หญิงสาวโสภาไม่หมองหม่น
มาเล้าโลมโอรสให้สุดทน
ปรากฏผลยังนิ่งเฉยเหมือนเคยมา

** ความพยายามของจอมเกล้าท้าวกาสี
ต้องเป็นหมันทุกทีเกินสรรหา
ยุวกษัติย์ตั้งมั่นด้วยศรัทธา
เพื่อจะพาตนเองให้พ้นภัย

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #6 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 05:36:19 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๖  น้ำตาพระมารดา

** พระโอรสแสนทรมานเป็นหนักหนา
กับวิธีการนานาตลอดสมัย
แต่ในที่สุดก็มีชัย
ไม่อาลัยโลกีย์ที่เมามัน

** พระบิดามารดาก็ทุกข์มาก
ใจไม่อยากให้ลูกต้องโศกศัลย์
ด้วยวิธีทดลองนับอนันค์
ต้องจาบัลย์เพราะสงสารปานขาดใจ

** ฝ่ายพระนางจันทาทรงกรรแสง
หมดเรี่ยวแรงเพราะสุดจะทนไหว
ทรงโอบกอดพระโอรสโดยเร็วไว
แล้วคร่ำครวญหวนไห้พร่ำรำพัน

** โอ้ลูกเอ๋ยคนดีดวงใจแม่
อย่าเอาแต่แกลังทำแม่ไม่ขัน
ใจรอนรอนจะขาดอยู่ทุกวัน
แม่รู้นะเจ้านั้นไม่พิการ

** เห็นใจแม่สงสารแม่เถิดทูนหัว
เลิกทำตัวเป็นคนที่วิตถาร
จงเป็นอยู่ปกติสุขสำราญ
พ่อแม่จะเบิกบานในกมล

** บรรดาโหรได้เปลี่ยนคำพยากรณ์
จากเคยดีเป็นเดือดร้อนน่าฉงน
เป็นเสนียดจัญไรดูชอบกล
ถ้าเลี้ยงไว้อัปมงคลอย่างแน่นอน

** จะบังเกิดอาเพศเหตุอัปยศ
พระราชาต้องสวรรคตไม่หลอกหลอน
หรือพระมเหสีต้องม้วยมรณ์
ราชบัลลังก์สั่นคลอนด้วยศัตรู

** จะต้องเอาไปฝังเสียทั้งเป็น
ช่างเป็นเรื่องเลือดเย็นน่าอดสู
พระมารดาได้ฟังน้ำตาพรู
พระบิดาก็หดหู่ไม่แพ้กัน

** พระเจ้ากาสีจำยอมตามโหรหลวง
ไม่ทักท้วงยอมรับในอาถรรพ์
เพื่อความสงบสุขชั่วนิรันดร์
บ้านเมืองต้องสำคัญและมั่นคง

** ฝ่ายพระนางจันทามเหสี
ดวงฤดีแทบสลายเป็นผุยผง
เฝ้ากราบทูลทั้งน้ำตาที่ไหลลง
อาบสองแก้มอนงค์จนท่วมนอง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #7 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 05:39:07 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๗  ข้อต่อรอง

** โอ้ว่าทูลกระหม่อมของน้องเอ๋ย
อย่าทำลายลูกเราเลยแม้บกพร่อง
ทูลกระหม่อมไม่รักไม่อยากมอง
แต่ตัวน้องรักมากเหนือสิ่งใด

** ท้าวกาสีบอกว่าพี่ก็รัก
แต่เราจักขัดขวางย่อมไม่ได้
พระโอรสเกิดเป็นตัวจัญไร
ต้องตัดอกตัดใจเพื่อปวงชน

** แต่พระนางจันทายังขอร้อง
เพื่อต่อรองสวามีให้ได้ผล
น้องจะเลี้ยงดูเองอย่ากังวล
ไม่ระคายเบื้องยุคลของพระองค์

** ท้าวกาสีไม่ยอมอนุญาต
ตามที่พระนางนาถมีประสงค์
พระนางจึงได้เริ่มอ่อนข้อลง
อยู่กับองค์กุมารสักเจ็ดปี

** ท้าวเธอก็ยังไม่อ่อนตาม
แม่โฉมงามจันทามารศรี
พยายามอ้อนวอนใหม่ไม่รอรี
ไม่ยอมให้เจ็ดปีขอเจ็ดวัน

** ท้าวกาสีเห็นว่าไม่นานนัก
จึงอนุญาตให้เมียรักสมใจฝัน
พระนางจึงก้มลงอภิวันท์
จอมราชันสวามีที่เมตตา

** พระนางเจ้าเทวีศรีสมร
จึงขอพรอภิเษกโอรสา
ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองพารา
โปรดให้เชิญกษัตราเลียบนคร

** เสร็จแล้วเชิญเสด็จแท่นบรรทม
ในหัวอกนางตรมเฝ้าทอดถอน
จึงตรงเข้าสวมกอดแล้วอ้อนวอน
จงสงสารมารดรที่โศกตรม

** ลูกจงทำเป็นเช่นคนปกติ
อย่าอุตริให้แม่ต้องขื่นขม
จงพูดจาพาทีได้ชื่นชม
อย่าให้จมอยู่กับทุกข์เลยพ่อคุณ

** เฝ้าอ้อนวอนวันแล้วและวันเล่า
ขอให้เจ้ารู้ว่าแม่ว้าวุ่น
ใจแม่นั้นเร่าร้อนแทบเป็นจุณ
ถ้าเจ้าไม่การุณแม่คงตาย

** ครบเจ็ดวันโอรสยังเฉยนิ่ง
หมดเวลาจะประวิงแม่ใจหาย
นับแต่นี้ไม่มีแล้วลูกชาย
เจ้าจะต้องวอดวายจากแม่ไป

** พระนางทรงกรรแสงหมดแรงเรี่ยว
ต่อแต่นี้แม่จะเหลียวไปทางไหน
จะมองซ้ายมองขวาไปหาใคร
เหตุไฉนจึงต้องเป็นเช่นนี้

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #8 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 05:42:49 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๘  สงสารพระมารดา

** ในช่วงของเวลาผ่านมาแล้ว
พระโอรสฉัตรแก้วผู้ทรงศรี
ได้ทรงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดมี
ในนครพาราณสีบุรีรมย์

** พระโอรสสงสารพระชนนี
จนบางทีเกือบเผลอไปติดหล่ม
ของความรักความสงสารพาลระทม
พอนึกได้ต้องข่มอารมณ์นั้น

** ตัวของเรามีจุดหมายในชีวิต
จะให้พังเพราะความคิดอย่าพึงฝัน
เราต้องสู้ต่อไปไม่แพ้มัน
ต้องฝ่าฟันให้ถึงซึ่งปลายทาง

** จึงระงับความสงสารที่ล้นอก
พยายามหยิบยกออกให้ห่าง
ทรงทำจิตให้แจ่มใสไม่จืดจาง
ยึดเอาทางโพธิญาณเบิกบานใจ

** ครบเจ็ดวันสุนันทะสารถี
อัญเชิญองค์ภูมีจากปรางค์ใหญ่
เพื่อจะนำไปฝังในราวไพร
นอกกรุงไกรตามบัญชาองค์ราชัน

** พระนางจันทาเทวีใจแทบขาด
พระนางนาถอาลัยเฝ้าโศกศัลย์
ถึงเวลาลูกพรากมาจากกัน
ใจแม่นั้นจะขาดพินาศแล้ว

** ต่อไปนี้แม่คงจะเงียบเหงา
ไม่มีเจ้าที่เปรียบดังดวงแก้ว
ชีวิตแม่นี้คงไม่คลาดแคล้ว
ต้องดับดิ้นสิ้นแววความชื่นบาน

** เฝ้าชะแง้แลหาขวัญตาแม่
เวรกรรมใดกันแน่คอยล้างผลาญ
ลูกจากแม่แม่จากลูกทุกข์ทรมาน
สุดร้าวรานในดวงแดอกแม่ตรม

** สะอื้นให้ร่ำหาอาลัยลูก
พ่อบุญปลูกลูกเอ๋ยแม่ขื่นขม
น้ำตานองแทบเป็นเลือดเดือดระบม
อกของแม่ระทมสุดทนทาน

** พระโอรสสุดแสนจะเศร้าโศก
แสนวิโยคโศกเศร้าเกินกล่าวขาน
สุดสงสารพระมารดาพาร้าวราน
กลัวว่าท่านจะขาดใจในบัดดล

** ใจเริ่มอ่อนคำวอนแม่ก้องในโสต
ลูกนี้โฉดหนักหนาอุราหม่น
ทำร้ายแม่ไม่สงสารสุดทานทน
ลูกจะเลิกทำตนเหมือนแล้วมา

** อย่านะเจ้าเตมีย์อย่าใจอ่อน
เจ้าได้ทนเดือดร้อนนานหนักหนา
วันนี้วันสุดท้ายอย่ารั้งรา
จงเดินหน้าเพื่อความหวังดังใจปอง

** พระโอรสได้สติเตือนพระองค์
ให้มั่นคงเอาไว้อย่าได้หมอง
เมื่อรถม้าวิ่งไปตามครรลอง
ก่อนผ่านช่องประตูพ้นจากวัง

** ทิ้งให้เสียงกรรแสงแห่งมารดา
คร่ำครวญหาโหยหวนอยู่เบื้องหลัง
ส่วนม้าได้วิ่งไปเต็มพลัง
ตามคำสั่งสารถีมิเลือนราง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #9 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 05:45:43 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๙  ความจริงปรากฏ

** เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นอีกครา
เมื่อสารถีบังคับม้าให้เยื้องย่าง
ทางประตูตะวันออกนอกเส้นทาง
ที่ได้วางเป้าหมายเอาไว้ไกล

** ตามกำหนดต้องเป็นตะวันตก
กลับเวียนวกผิดทางอย่างยิ่งใหญ่
สารถีก็เหมือนถูกสิ่งใด
มาดลให้ปล่อยม้าไม่ทัดทาน

** ครั้นถึงป่าแห่งหนึ่งจึงหยุดม้า
โดยคิดว่าที่นี่เป็นสุสาน
เปลื้องเครื่องทรงพระโอรสมิช้านาน
แล้วเริ่มการขุดหลุมฝังภูมี

** พอพ้นประตูเมืองออกมาได้
พระโอรสโล่งใจอย่างเหลือที่
สมความปรารถนากันเสียที
เราปลอดภัยครั้งนี้เพราะอดทน

** จึงเสด็จลุกขึ้นประทับนั่ง
เพื่อยับยั้งความปวดเมื่อยทุกขุมขน
เอาพระหัตถ์ถูกันหมดกังวล
นวดพระบาทที่ผจญทรมาน

** สักครู่หนึ่งจึงเสด็จลงจากรถ
เพื่อกำหนดการย่างก้าวอย่างห้าวหาญ
ทรงทดสอบสมรรถนะการทำงาน
ของร่างกายพระองค์ท่านที่ผ่านมา

** ทรงเดินไปเดินกลับสองสามรอบ
หลังทดสอบความสามารถพลังขา
เมื่อเห็นเป็นปกติชื่นอุรา
ไม่ผิดแปลกไปกว่าคนทั่วไป

** จึงหันมาทดลองพลังแขน
ยังแข็งแรงเหนียวแน่นสักแค่ไหน
ใช้พระหัตถ์ยกรถม้าอย่างเร็วไว
เหวี่ยงค้างไว้เหนือเศียรอย่างชำนาญ

** เมื่อทรงแน่พระทัยว่าเข้มแข็ง
มีเรี่ยวแรงทรงพลังมาตรฐาน
เดินไปหาสารถีบริวาร
ทรงรื่นเริงสำราญในพระทัย

** สารถีสุนันทะหันมาเห็น
ยืนตะลึงตัวเย็นเพราะสงสัย
ครั้นรู้แน่พระองค์ผู้ทรงชัย
ผู้มีวัยงดงามอร่ามตา

** แสนยินดีที่เห็นพระโอรส
ไม่พิการงามงดเกินจักหา
จึงกราบทูลเสด็จกลับนัครา
เฝ้าราชามเหสีพร้อมกับตน

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #10 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 08:06:23 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๑๐  ไม่เสด็จกลับ

** พระโอรสตรัสตอบสารถี
อยู่ที่นี่ตัวเราไม่สับสน
ไม่กลับไปสู่สภาพที่มืดมน
คอยกังวลเพราะตัณหามาครอบงำ

** บัดนี้ตัวของเราไม่มีแล้ว
จะบ้านเรือนเพริดแพรวหรือขนำ
ไม่มีทรัพย์สมบัติเงินทองคำ
แม้วัวควายจะนำไปไถนา

** ทั้งพ่อแม่เครือญาติก็ทอดทิ้ง
หมดตัวแล้วจริงจริงใช่แกล้งว่า
จะขอบวชถือศีลภาวนา
อยู่กลางป่าไม่กลับไปเวียงวัง

** สุนันทะจึงกราบทูลท่านเจ้าขา
อยู่ในป่าอันตรายไร้ที่หวัง
ทั้งเสือสิงห์กระทิงเปลี่ยวดุร้ายจัง
มีพลังเหลือหลายหมายกัดกิน

** องค์โอรสตรัสตอบไม่หรอกท่าน
อันตรายไม่แผ้วพานใช่หยามหมิ่น
ผู้ทรงศีลย่อมปลอดภัยเป็นอาจิณ
สัตว์ทั้งปวงไม่ถวิลมากล้ำกราย

** อันคนที่บวชแล้วเสียสละ
เพราะได้ละผลประโยชน์ที่หลากหลาย
จึงไม่มีศัตรูคอยทำลาย
มุ่งมาดร้ายให้เดือดร้อนผู้ทรงธรรม

** สุนันทะสารถีมิย่อท้อ
อ้อนวอนขอพระโอรสหวังชื่นฉ่ำ
ให้คิดถึงประชาชนตาดำดำ
พยายามน้อมนำให้เห็นดี

** พระโอรสก็ทรงไม่ใจอ่อน
ยังยืนกรานไม่ย้อนกลับกรุงศรี
พอพระทัยใช้ชีวิตในพงพี
ขอบำเพ็ญบารมีที่ป่าไพร

** สุนนันทะกราบทูลโอรสา
ตัวของข้าฯ ขอบวชด้วยได้ไหม
เพื่อรับใช้ดูแลตลอดไป
จะไม่ให้มีภัยมาแผ้วพาน

** พระโอรสตรัสตอบว่าไม่ได้
ท่านจะต้องกลับไปส่งข่าวสาร
ให้มารดาบิดาข้าบริพาร
ทรงทราบถึงเหตุการณ์หมดกังวล

** สารถีรับคำก่อนอำลา
ขออนุญาตกลับมาอีกสักหน
นำราชามเหสีและหมู่ชน
มาเฝ้าเบื้องยุคลในไม่นาน

** พระโอรสอนุญาตตามที่ขอ
อย่ารีรอรีบกลับพระราชฐาน
จงโชคดีมีชัยสุขสำราญ
ให้ปลอดภัยเบิกบานตลอดทาง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #11 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 08:11:12 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๑๑  ทรงบวชเป็นฤๅษี

** ขอกล่าวถึงท้าวสักกะเทวราช
ประทับอาสน์กัมพลไม่หม่นหมาง
ทราบว่าพระเตมีย์ได้ปล่อยวาง
ซึงกิเลสต่างต่างบวชกายา

** จึงสั่งให้วิสสุกรรมเทพบุตร
จงรีบรุดเดินทางไปกลางป่า
เนรมิตอาศรมและศาลา
ไว้รอท่าเตมีย์ฤๅษีไพร

** พร้อมทั้งสระน้ำที่ร่มรื่น
มีดอกบัวดาษดื่นบานไสว
ส่งกลิ่นหอมอบอวลกระจายไกล
เมื่อต้องลมดอกใบไหวตามลม

** พร้อมทั้งเนรมิตบริขาร
สำหรับท่านฤๅษีที่เหมาะสม
ผ้าเปลือกไม้สีแดงน่าชื่นชม
 ไว้นุ่งห่มยามประพฤติพรหมจรรย์

** อีกหนังเสือสำหรับไว้พาดบ่า
ทั้งมีหาบในคราเข้าไพรสัณฑ์
เก็บผลไม้มาเสวยทุกทุกวัน
และไม้เท้าค้ำยันตอนเดินดง

** ส่วนหน่อเนื้อเตมีย์โอรสราช
ยุรยาตรเรื่อยไปดังประสงค์
พบอาศรมสวยงามและมั่นคง
รู้ว่าเจตจำนงองค์เทวัญ

** จึงเสด็จเข้าไปในอาศรม
ก็พบที่บรรทมช่างเสกสรร
พร้อมทั้งบริขารอย่างครบครัน
ทรงอธิษฐานใจพลันบวชทันที

** จึงได้เปลื้องเครื่องทรงออกเร็วไว
แล้วครองผ้าเปลือกไม้เป็นฤๅษี
หยิบหนังเสือพาดบ่าช่างดูดี
จึงรีบเกล้าเมาลีเป็นผมมวย

** ถือไม้เท้ายกหาบขึ้นใสบ่า
ก้าวออกมาจากอาศรมที่แสนสวย
ทดลองเดินไปมากระชุ่มกระชวย
ได้อุทานออกมาด้วยความสุขใจ

** การบวชนี้เราพบความสุขแท้
จะเหลียวแลมองหาไปทางไหน
ช่างสดชื่นเสียจริงยิ่งกว่าใคร
สุขภายในมีค่ากว่าเงินทอง

** พระฤๅษีจึงเดินเข้าที่พัก
บำเพ็ญธรรมนำชักไม่ให้หมอง
เจริญพรหมวิหารดังใจปอง
เฝ้าหมั่นท่องภาวนาอย่างจริงจัง

** บรรลุฌานสมาบัติในวันนั้น
ทำความฝันเป็นจริงได้สมใจหวัง
คุ้มเหลือเกินกับการไม่กลับวัง
การออกบวชเป็นรังโพธิญาณ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #12 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 08:22:13 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
ตอนที่ ๑๒  ดีใจกันทั่วหน้า

** พระบิดาพระมารดาทรงทราบเรื่อง
จากสารถีกลับเมืองมาส่งสาร
จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่รีบจัดการ
จัดขบวนบริวารเพื่อเดินทาง

** ไปเยี่ยมพระฤๅษีที่บรรพต
ใจจ่อจดเฝ้าคิดถึงอยู่ไม่สร่าง
เฝ้าเป็นห่วงสายใยไม่จืดจาง
คอยฟังข่าวอยู่ห่างห่างตลอดมา

** เปิดโอกาสให้ชาวเมืองร่วมขบวน
จึงประกาศเชิญชวนกันถ้วนหน้า
พวกชาวเมืองร่วมใจกันไคลคลา
ได้มุ่งตรงไปหาองค์เตมีย์

** แต่ก่อนนั้นพระนครดูคึกคัก
มีผู้คนทายทักเสียงอึงมี่
ต่างทำมาค้าขายด้วยไมตรี
แต่บัดนี้เงียบเหงาไร้ผู้คน

** ท้าวกาสีมิห่วงใยราชสมบัติ
ใจประหวัดแต่โอรสไม่หมองหม่น
แม้พระนางจันทาไม่กังวล
ทั้งสองคนเบิกบานในหทัย

** ฝ่ายชาวเมืองอิ่มเอิบในใจยิ่ง
นับเป็นสิ่งดีเลิศในสมัย
เหมือนดอกไม้ได้รับแสงยามอุทัย
ไร้พิษภัยงดงามตระการตา

** เมื่อทุกคนได้พบกันดังมั่นหมาย
ช่างรู้สึกใจสบายเป็นหนักหนา
เหมือนได้วางสิ่งที่หนักอุรา
ให้ออกมาจากก้นบึ้งอยู่ภายใน

** พระฤๅษีจึงได้บรรยายธรรม
ให้ทุกคนชื่นฉ่ำและสดใส
ความเร่าร้อนที่สุมอกเหมือนดังไฟ
ไม่มีเหลือเยื่อใยมาเผากาย

** ทั้งบิดามารดาและชาวเมือง
ต่างเลื่อมใสความปราดเปรื่องอย่างเหลือหลาย
จึงขอบวชในสำนักกันทุกราย
บำเพ็ญบุญหลีกอบายกันทุกคน

** ทั้งฤๅษีฤๅษิณีบรรลุฌาน
เดินตามอย่างอาจารย์สร้างกุศล
ครั้นเมื่อถึงเวลาต้องวายชนม์
ความดีได้ส่งผลให้ไปดี

**เกิดเป็นพรหมอยู่ในพรหมโลก
ไม่มีทุกข์ไม่มีโศกต่างสุขี
รอเวลาจะจุติใหม่อีกที
เชิญน้องพี่ติดตามกันต่อไป

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ
บันทึกการเข้า

นักกลอนตลาด ที่ผิดพลาดเรื่องสัมผัสเป็นนิสัย
คะแนนน้ำใจ 1621
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 246
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สร้างความฝันอันละไมในบทกลอน"
อีเมล์
   
« ตอบ #13 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 08:28:52 PM »

Permalink: Re: *** พระเจ้าสิบชาติคำกลอน ***




พระเจ้าสิบชาติ  พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์
บทส่งท้าย

** เนกขัมมะก็คือการถือบวช
จักเกิดสุขยิ่งยวดจะหาไหน
ออกจากกามเป็นเรื่องที่ใครใคร
หากทำได้สุขยิ่งในโลกา

** จุดประสงค์เพื่อละซึ่งนิวรณ์
ที่ทำให้เดือดร้อนรวมเป็นห้า
ทั้งรูปรสกลิ้นเสียงล้วนจะพา
ให้เกิดโทษตามมาอีกมากมาย

** ทุกทุกสิ่งล้วนแต่อนิจจัง
ให้จีรังยั่งยืนอย่าพึงหมาย
เมือเกิดแล้วต้องสิ้นไปอย่างมงาย
รีบทำลายได้ชื่อว่าเข้าถึงธรรม

** เนกขัมมะก็คือการบวชใจ
เพื่อทำให้จิตสงบไม่ถลำ
สู่อำนาจของตัณหาที่ครอบงำ
สมาธิจะน้อมนำให้สุขใจ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ข้อมูล : พระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา  
ภาพประกอบเรื่อง : ไพบุลย์  อินทศรี
บรรยายภาพ : บรรจบ  บรรณรุจิ


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: