ของขม..และน้ำชุบมะปริง สองอย่างนี้เท่านั้น
หลังสงกรานต์
อากาศร้อนอบอ้าวก็คลายลง
หลังจากฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
3-4 วัน ติดต่อกัน
ต้นไม้ต่างยินดีปรีดา...ไม่แพ้เหล่ามวลประชาชนชาวเกาะ
ทีเริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำท่าไม่พอใช้
รอดตายไปได้อีกปีหนึ่ง
วันนี้..เดินทางไปที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่อาศัยตอนเด็กๆ
ขนำน้อยก็ผุพังลงไปตามเวลา
แต่ความหลังยังไม่จืดจาง
ปล่องบ่อที่เก็บน้ำใช้อาบและดื่มกิน
ครั้งหนึ่งคนครึ่งหมู่บ้านเคยได้อาศัย
จากการที่พ่อผ่าไม้ไผ่และต้นหมาก ทำเป็นรางให้น้ำไหลมาถึงขนำ
เวลานั้นเราไม่มีปัญญาหาซื้อท่อน้ำราคาแพง
จากต้นน้ำบนภูเขา ระยะทางหลายกิโลเมตร
ทุกวันจะครึกครื้นไปด้วยลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่
ที่ได้ใช้เวลาแห่งความสุข
ทุกคนมีความสุข และพวกเราก็มีความสุขที่ทำให้ทุกคนมีความสุข
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ
มันผ่านมาเนิ่นนาน
ฝนตกผ่านไป
ความชุ่มชื้นปกคลุมไปทั่ว
ได้เวลาหาอาหารอีกแล้วครับ
วันนี้ก็ได้ เห็ดเสม็ดกับวัชพืชชนิดหนึ่งที่คนที่นี่เรียกว่า ผักเบี้ย
มาเป้นเมนูง่ายๆ
กินแบบสบาย ตามมีตามเกิดตามประสาคนคนเกาะ
ได้เห็ดกับผักเบี้ยมาก็ล้างทำความสะอาด
แล้วลงหม้อต้มเลยครับ
เดี่ยวผมจะทำน้ำชุบมะปริงไว้รอท่า
น้ำชุบมะปริงอ่อนสำหรับกินกับเห็ดเสม็ดและผักเบี้ยต้มครับ
เข้ากันแบบไม่ต้องหาอย่างอื่นมาเสริมให้ยุ่งยาก
เครื่องปรุงนำชุบครับ
มะปริงอ่อน/ข่า/กระเทียม/พริดสด/มะพร้าวขูด/และเคย
อ้อ.มะนาวสักซีกเพิ่มความหอม
ไม่ต้องใส่เยอะเพราะมะปริงเปรี้ยวจี๊ดได้ที่อยู่แล้ว
หั่นข่าเป็นแว่นบางๆ จะได้ถิ้มง่ายๆ ( ถิ้ม..หมายถึงโขลกหรือตำครับ)
มะปริงผ่าให้เห็นเม็ดอ่อนสีม่วงสวย
หน้าตาแบบนี้โครตรเปรี้ยวสะใจเลย
นำข่า พริกสด กระเทียมลงตำเลยครับ
ไม่ต้องตำแบบได้ยินไปสามบ้านเจ็ดบ้าน
หรือแบบตำถี่จนทุ่งสะเทือนนะครับ
แค่ตำเบาๆใจเย็นๆ แบบคนมีความสุข ประมาณนั้น
เอาแค่พอข่าและพริก กระเทียมแหลกๆ
ตามภาพที่นำเสนอนั้นเป็นอันใช้ได้
ผ่ามะปริงอ่อนๆใส่ลงไปพอประมาณ
ใส่ลงทั้งเม็ดนั้นแล อร่อยอย่างยิ่ง
อย่าลืมเห็ดสม็ดกับผักเบี้ยในหม้อที่ต้มไว้เน้อ
ถ้าสุกดีแล้วก็นำลงแช่น้ำเย็น
ล้างให้เมือกออก เพราะทั้งเห็ดและผักเบี้ยเวลาต้มจะมีเมือกเยอะ
บางคนไม่กล้ากินเพราะเมือกนี่แหละ
เสร็จแล้วก็พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
มาตำน้ำพริกกันต่อดีกว่า
รู้สึกว่าหิวแล้ว..
เอาแบบไม่ต้องตำแล้วครับ แค่ใช้สากบี้ๆพอให้มะปริงแตกๆ
แล้วก็คลุกๆให้เข้ากันก็พอ
ฮายยยยย ...ดูสิครับน่ากินขนาดนำลายไหลไม่รู้ตัวเลย
วุ้ย..เกือบลงในครก ฮ่าๆๆๆๆ
เพิ่งมาถึงครึ่งทาง..อย่าหยุดครับ ไปกันต่อ
จัดการตักเคยมาสัก หนึ่งช้อนพูนๆ
ไม่ต้องใส่เกลือ
คลุกเคยให้เข้ากับเครื่องปรุงที่ตำไว้
แบบเบามือครับ.
กลิ่นโชยเข้าจมูก หอมมมมม. แอบกลืนน้ำลายลงคอทีหนึ่งด้วย ฮี่ๆๆ
ผ่ามะนาวใช้แค่ซีกเดียวก็พอบีบลงไป
เอาแค่หอมๆ มากไปเปรี้ยวเกิน หลายคนไม่ชอบ
แค่นี้ก็โอเคครับ
ตักมะพร้าวขูดสักสามสี่ช้อนใส่ผสมลงไป
มะพร้าวขูดที่เหลือก็ใส่น้ำสะอาดบีบลงไปให้เป็นกะทิ
ผมใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่่นกะทิจะได้ออกง่ายๆ
ตักน้ำกะทิสักสามสี่ช้อนใส่แล้วก็คลูกให้เข้ากัน
เสร็จแล้วนิ
ฮายยย ..เหลือเชื่อ
ว่ามันจะอร่อยอย่างไร หากขาดเครื่องปรุงอย่างอื่น
ผงชูรสไม่ต้อง น้ำปลาไม่ต้อง น้ำตาลไม่ต้อง
บอกไม่ถูกจริงๆครับว่ามันอร่อยอย่างไร
ถ้าลิ้นไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
..
แค่หน้าตาหรือจะสู้ได้เชยชม
เห็นอย่างนี้ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม พอดี
คนเกาะไม่กินหวานครับ
ถ้าใสน้ำตาลลงไป เราจะเรียกว่าเชื่อมครับ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดูกันให้เต็มตาเลยครับ
แล้วจินตนาการความอร่อยไปด้วยครับ
ใครชอบรสชาติแบบใหน ก็ไม่ว่ากัน
ลิ้นใครลิ้นมัน
ขอให้อร่อยเป็นอันว่า..ผ่าน
น้ำชุบมะปริงต้องกินกับสองอย่างนี้เท่านั้น
เพราะว่ามันเข้ากั้น เข้ากัน
ลองกินกับอย่างอื่นก็ไม่อร่อยเท่า
และมะปริงก็ออกเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น
ปีหนึ่งก็มีโอกาสครั้งหนึ่ง
ลองผักเบี้ยก่อนครับ
อ้ำ...อูยยยยยยยยย
ได้แรงจริงๆ
อ๊ะ..หันมาเห็ดเสม็ดบ้างสิ
อั้มมมมมมมมมม....
วู่... หรอยเกิ้นนิ
หรือใครมีข้าวสวยสักจานก็ไม่เห็นแปลก
กินเล่นก็อร่อย กินจริงก็อิ่ม
ของอร่อยแห่งบ้านเรา
น้ำชุบมะปริงกับเห็ดเสม็ด และผักเบี้ย
มื้อนี้ซุ๊ด.ย๊อดดดดดดดดด
.
หมวดอาชีพ
