-/> คนชอบ “แตงโม” ต้องอ่าน อันตรายจากแตงโมที่คุณไม่เคยรู้!!

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดสุขภาพกินเพื่อสุขภาพ (ผู้ดูแล: หมอจุ๋ม จุ๋มจิ๋ม จิ๋มจุ๋ม)คนชอบ “แตงโม” ต้องอ่าน อันตรายจากแตงโมที่คุณไม่เคยรู้!!
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: คนชอบ “แตงโม” ต้องอ่าน อันตรายจากแตงโมที่คุณไม่เคยรู้!!  (อ่าน 1863 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,135
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 14 ธันวาคม 2558, 07:49:36 AM »

Permalink: คนชอบ “แตงโม” ต้องอ่าน อันตรายจากแตงโมที่คุณไม่เคยรู้!!



คนชอบ “แตงโม” ต้องอ่าน อันตรายจากแตงโมที่คุณไม่เคยรู้!!

บ้านเราจัดว่าอยู่ในเขตร้อนชื้น แมลงต่างๆ ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทำลายพืชผลทางการเกษตรแทบทุกชนิด โดยเฉพาะในพืชประเภทแตงหรือถั่วฝักยาว ใบของมันเป็นอาหารที่ชื่นชอบของแมลงประเภทกินใบหรือดูดน้ำเลี้ยงที่ใบ
           เวลาเกษตรกรลงทุนปลูกพืชผลก็หวังจะได้ทุนและกำไรให้คุ้มค่าเหนื่อย ยาแรงๆถูกนำมาใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจถึงพิษภัย ขอให้แมลงตายเป็นใช้ได้ ชะตาของผู้บริโภคขึ้นอยู่กับความรู้หรือไม่รู้ของตัวเองเป็นสำคัญ 
          เมื่อทำการหยอดเมล็ดแตงโม เกษตรกรจะใช้สารกำจัดแมลง ชื่อ "คาร์โบฟูราน" ชนิด 3จี ลงหลุมที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งช้อนชาหรือมากกว่านั้นแล้วจึงหยอดเมล็ดพันธุ์ ลงไป เมื่อแตงเริ่มเป็นเถา ก็จะต้องฉีดยากำจัดแมลงควบคู่ไปด้วย พอแตงเริ่มโตเท่าลูกเทนนิส เกษตรกรจะทำการคัดแตงอ่อนที่ไม่สวยออกจากเถาไปขายเป็นแตงอ่อน สำหรับนำไปแกงส้มหรือต้มจิ้มน้ำพริก ซึ่งแตงอ่อนในระยะนี้จะมีสารสะสมอยู่มาก เพราะจะใส่สารคาร์โบฟูราณลงไปอีกเท่าตัว เพื่อสู้กับแมลงกินใบต่อไปจนกระทั่งเก็บผลขายได้

           ถ้าต้องการให้แตงโมหวานและมีสีแดงน่ากิน ตอนอายุ 50 วัน จะใช้สารยูริเนตผสมกับปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ เพื่อเพิ่มสีและความหวาน แต่ก็ไม่มีอันตราย พอ 70 วัน จึงตัดขายได้ สารกำจัดแมลงชนิดดูดซึมทางรากนี้ ลักษณะเป็นสีม่วง เคลือบกับเม็ดทราย ซึ่งมีโทษทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม เพราะสารนี้ดูดซึมเข้าทางมือและผิวหนัง รวมถึงละอองและระเหยเข้าทางจมูก อีกทั้งยังมีผลต่อระบบนิเวศน์ น้ำ ที่อยู่ในนาข้าวหรือตามสวนตามไร่ก็ลดจำนวนลงเรื่อยๆ หลังจากเริ่มมีการนำสารนี้มาใช้ในนาข้าวและไร่ผักผลไม้ โดยพบว่าปลาดุกหรือปลาช่อนที่พบในนาข้าวเป็นโรคหัวเน่าตัวเน่า 
             เดี๋ยวนี้ชาวนาได้เลิกใช้แล้ว แต่ชาวไร่ยังนิยมใช้กันอยู่ เมื่อถึงฤดูฝน สารนี้ก็ไหลลงตามแม่น้ำลำคลองอยู่ดี โดยสารนี้ มีพิษตกค้างอยู่ในแมลงที่ได้รับสาร ซึ่งมีนกหรือกินแมลงจำนวนมากได้รับสารคาร์โบฟูรานไปสะสมอยู่จนกระทั่งตายไป เป็นจำนวนมาก




เพื่อนๆควรรู้ว่า เมื่อกินแตงโมไปแล้ว เกิดอาการแพ้ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน โดยไม่ลืมแจ้งต่อแพทย์ว่าได้กินแตงโมเข้าไปแล้วสงสัยว่าจะแพ้ยาดูดซึมที่ อยู่ในแตงโม ลิ้นชา มึนงง เวียนหัว ตาพร่า ขื่นในลำคอ หายใจไม่เต็มปอด แน่นหน้าอก เหงื่อออกตามลำตัวมากผิดปกติ คอแห้ง อยากอาเจียน ทวารหนักตุงอยากถ่าย อ่อนเพลีย ปวดท้อง อยากอาเจียน 
              โดยเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ที่คลีนิคหมอใกล้บ้านของผู้เขียน ได้มีคนไข้เด็กรายหนึ่ง อายุ 5-6 ขวบ มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ญาติได้พามาส่งโดยไม่บอกรายละเอียด หมอได้ตรวจแล้ววินิจฉัยว่าอาหารคงเป็นพิษ จึงจ่ายยากินหลังอาหารให้ไป แต่เด็กได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา 
               พ่อแม่ของเด็กได้นำศพเด็กกลับมาที่คลีนิก พร้อมกล่าวหาว่าหมอฉีดยาทำให้ลูดเขาตาย เรียกร้องค่าเสียหาย หมอก็ยืนยันว่าฉีดยาระงับปวดอย่างเดียว ถ้าจะกล่าวหาเอาผิดจากหมอ ก็จะต้องส่งศพเด็กไปผ่าพิสูจน์ โดยจะยินยอมชดใช้ให้ตามคำวินิจฉัยของหมอชัณสูตร แต่พ่อแม่เด็กปรึกษากันแล้วเชื่อตามเหตุผลของหมอจึงนำศพกลับไป โดยวันหนึ่งผู้เขียน มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับหมอถึงอันตรายจากสารเคมีในแตงโม หมอจึงได้เล่าทบทวนคำพูดของแม่เด็กที่ตายไปในวันนั้นว่า "เด็กมันแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้ ข้าวมันก็ยังไม่ได้กิน อยู่ๆก็ปวดท้อง มันกินแตงโมไปแค่ครึ่งลูกเท่านั้น" 
                ไม่ได้ บอกว่าแตงโมทุกที่ใช้ยาหมดนะคะ เฉพาะเจ้าเท่านั้น แต่ถ้าเราเลือกได้ ลองหาแตงโมอินทรีย์ หรือแตงโมปลอดสารพิษ มาทานดูนะคะ อาจจะแพงหน่อยแต่เชื่อว่าคุ้มกับชีวิตเราแน่ๆ


บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: