-/> เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดความบันเทิงสาระน่าอ่าน (ผู้ดูแล: Top Gun)เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว  (อ่าน 2205 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,134
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 26 ตุลาคม 2558, 07:51:46 PM »

Permalink: เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว



เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว
เรื่องนี้วิเศษจริง







คนเรามักอยู่ด้วยความรู้สึก คือปล่อยให้ความชอบ-ไม่ชอบ
มาเป็นตัวกำหนดชีวิตของตน โดยที่ความชอบ-ไม่ชอบนั้น
 ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันให้ความสุขและสะดวกสบายแก่ตนหรือไม่
อะไรก็ตามที่ให้ความสะดวกสบายหรือความสุขแก่ตน
ก็อยากได้อยากหามาครอบครอง ส่วนมันจะเป็นประโยชน์
หรือเป็นสิ่งถูกต้องหรือไม่ ไม่สนใจ
ในทางตรงข้าม อะไรก็ตามที่ทำให้ตนสะดวกสบายน้อยลง
หรือเกิดความยากลำบาก

ก็อยากผลักไสออกไป ไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย
 แม้มันจะมีประโยชน์ก็ตาม
 เด็กจึงเลือกเที่ยวเล่นมากกว่านั่งทำการบ้าน
ส่วนผู้ใหญ่ก็ชอบสุมหัวคุยกัน
หรือดูหนังฟังเพลงมากกว่าจะทำงานอย่างตั้งใจ






การปล่อยให้ความรู้สึกมาครอบงำชีวิตของตน
แท้จริงก็คือการปล่อยให้อัตตามาครองใจ เพราะอัตตาไม่ได้สนใจอะไร
นอกจากสิ่งที่จะตอบสนองความอยากได้ใคร่เด่นที่ไม่เคยพอเสียที
เจออะไรที่ไม่ถูกใจจึงโกรธ แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาหรือมีประโยชน์ก็ตาม

 ดังนั้นแค่เจอไฟแดง รถติด ฝนตก เพื่อนร่วมงานไม่ทักทาย
พ่อแม่แนะนำตักเตือน อัตตาก็ขุ่นเคืองใจแล้ว
ถ้าเราปล่อยให้มันครองใจ เราก็ต้องทุกข์ไม่หยุดหย่อน
เพราะชีวิตนี้ทั้งชีวิตเราย่อมต้องเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจเราอยู่เสมอ

 ถึงแม้จะร่ำรวย ยิ่งใหญ่ หรือมีอำนาจมากมายเพียงใด
เราก็ไม่สามารถบัญชาหรือควบคุมให้ทุกอย่าง
เป็นไปตามใจเราได้ตลอดเวลา







ความจริงที่ทุกชีวิตหลีกหนีไม่พ้นก็คือ ต้องประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา
และพลัดพรากจากสิ่งพึงปรารถนา อยู่เป็นนิจ
รวยแค่ไหนก็ต้องแก่ เจ็บ และตาย
 เก่งแค่ไหนก็ต้องมีวันประสบความล้มเหลว
ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องพลัดพรากจากคนรักไม่ช้าก็เร็ว
 คนที่ปล่อยให้ชีวิตจิตใจเป็นไปตามความรู้สึก ย่อมหาความสุขได้ยาก
แต่คนเราไม่จำเป็นต้องทุกข์ไปตามเหตุการณ์ที่มากระทบเสมอไป

 หากเราเป็นอยู่ด้วยปัญญา ไม่เอาความรู้สึกเป็นใหญ่
มีสติรู้เท่าทันอัตตา
ไม่ปล่อยให้มันครองใจ เราก็สามารถทำใจให้เป็นปกติได้
 แม้ในยามที่ประสบกับสิ่งที่เป็นลบในสายตาของคนทั่วไป
เช่น เมื่อถูกตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์







หากเราปล่อยให้อัตตาเป็นใหญ่ในใจ เราก็จะรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า

 “กูถูกเล่นงาน” หรือ “กูเสียหน้า”
ผลคือเกิดความโกรธและตอบโต้กลับไป
ซึ่งอาจทำให้ถูกวิจารณ์กลับมาหนักขึ้น ในทางตรงข้าม
 หากเรามีสติทันท่วงทีและสามารถดึงปัญญาออกหน้า
เราก็จะหันมาใคร่ครวญว่า สิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริง
หรือไม่ มีประโยชน์เพียงใด มันอาจช่วยให้เราเห็นข้อบกพร่อง
ของตัวเองชัดขึ้น หรือไม่ก็เผยให้เห็นตัวตนของผู้พูด
ทำให้เรารู้จักเขามากขึ้น ผลคือนอกจากเราจะฉลาดมากขึ้นแล้ว
 จิตใจยังไม่ร้อนรุ่ม

หรือทุกข์เพราะคำวิจารณ์นั้น






หากเราดำเนินชีวิต ทำกิจวัตรประจำวัน และทำงานด้วยความใส่ใจ
 โดยไม่มุ่งหวังเพียงแค่ทำงานให้เสร็จหรือให้ดีเท่านั้น
 หากยังถือว่าเป็นการฝึกฝนจิตใจหรือขัดเกลาตนเองไปด้วย
เช่น ฝึกให้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ลดละความเห็นแก่ตัว
บ่มเพาะเมตตากรุณา ก็จะเป็นการเปิดทางให้ปัญญา
เข้ามาแทนที่อัตตา
นั่นหมายความว่า เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา
หรือพลัดพรากจากสิ่งพึงปรารถนา
เราก็สามารถรับมือกับมันได้
โดยไม่ทุกข์







ดังได้กล่าวแล้วว่า เราไม่สามารถควบคุมหรือจัดการให้เกิดสิ่งดี ๆ
กับเราได้ตลอดเวลา แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดสิ่งแย่ ๆ
กับเรา เราสามารถเลือกได้ว่า
 จะยอมให้มันมีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของเรา
ได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งเลือกว่าจะมีปฏิกิริยา
อย่างไรกับมันได้ด้วย
 เช่น จะใช้มันให้เกิดประโยชน์แก่เราอย่างไร
แต่ทั้งหมดนี้เราจะเลือกได้ก็ต่อเมื่อ
มีสติและปัญญา ซึ่งเกิดจากการสะสมในชีวิตประจำวัน
และการฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ







ขอให้สังเกตว่า เมื่อมีสิ่งแย่ ๆ (หรือสิ่งที่เราไม่ชอบ)
เกิดขึ้นกับเรา
สิ่งนั้นไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่ากับใจของเราเอง
ที่วางไว้ไม่ถูก
ทันทีที่ได้รับการบอกเล่าจากหมอว่า เป็นมะเร็ง
หลายคนถึงกับล้มทรุด
หมดเรี่ยวแรง กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นมะเร็งแค่ขั้นที่ 1
หลายคนทำงานด้วยความทุกข์
ไม่ใช่เพราะว่างานที่ได้รับนั้นเป็นงานยาก
แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากทำงานชิ้นนั้น หรือเพราะไม่พอใจที่เจ้านาย
เอางานของคนอื่นมาให้เขาทำ ฯลฯ
บางคนก็ทุกข์เพราะเพื่อนๆ ทิ้งงานให้เขาทำคนเดียว

ใจที่เอาแต่บ่นว่า
“ทำไมต้องเป็นฉัน ?” “ไม่เป็นธรรม ๆ ๆ ๆ”
ทำให้เขาทำงานด้วยความทุกข์ทรมานราวกับตกนรก
 ทั้งๆ ที่อยู่ในห้องแอร์






ตอนหนึ่งของรายการ “พลเมืองเด็ก” ที่ออกอากาศช่องทีวีไทย…
เด็ก 3คนได้รับมอบหมายให้ขนของขึ้นรถไฟ

 บังเอิญตอนนั้นมีการถ่ายทอดสด
การชกของสมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก
เด็กชาย 2 คนจึงทิ้งงานไปดูโทรทัศน์ข้างสถานีรถไฟ
พิธีกรจึงถามเด็กหญิงซึ่งตั้งหน้าตั้งตาขนของอยู่คนเดียวว่า
เธอคิดอย่างไรที่เพื่อนทิ้งงาน เธอตอบว่าไม่เป็นไร
เห็นใจทั้งสองคนเพราะนานๆ จะได้ดูสมจิตรชกมวย

 พิธีกรถามต่อว่า เธอไม่โกรธหรือไม่คิดไปด่าว่าเพื่อนหรือ
 ที่ปล่อยให้เธอทำงานอยู่คนเดียว เธอตอบว่า
 “หนูขนของขึ้นรถไฟ หนูก็เหนื่อยอย่างเดียว
 แต่ถ้าหนูโกรธหรือไปด่าว่าเขา หนูก็เหนื่อยสองอย่าง”






คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเหนื่อยสองอย่าง คือเหนื่อยกายด้วย
เหนื่อยใจด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ไม่รู้ทันอารมณ์ความรู้สึกของตัว
ปล่อยให้ความโกรธหรือหงุดหงิดทำร้ายจิตใจของตน
 จึงทำงานอย่างไม่มีความสุข
จริงอยู่ การทิ้งงานให้เราทำคนเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
แต่หากใจเรายึดติดกับ “ความถูกต้อง”หรือ “ความน่าจะเป็น”
โดยไม่รู้จักวางเลย ความยึดติดนั้นเอง

 จะกลับมาบั่นทอนทำร้ายจิตใจของเรา
เขาไม่ควรทิ้งงานให้เราทำก็จริง แต่นั่นก็ไม่ควรเป็นเหตุผลที่เรา
จะต้องหันมาซ้ำเติมตัวเอง เหนื่อยใจนั้นไม่มีใครทำให้เราได้
นอกจากเราเอง








เหตุการณ์แย่ ๆ นั้น ทำอะไรเราไม่ได้หากเราไม่ปล่อยให้มัน
เข้ามาเล่นงานเราถึงจิตถึงใจ แม้แต่ความเจ็บป่วย
ก็ทำให้กายทุกข์เท่านั้น แต่ทำใจให้ทุกข์ไม่ได้
เว้นเสียแต่เราจะยอมปล่อยให้ใจทุกข์ไปกับกายด้วย
อันที่จริงนอกจากเราเลือกได้ว่าจะปล่อยให้มันมามีอิทธิพล

ต่อชีวิตจิตใจเราแค่ไหนแล้ว
เรายังเลือกว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับมันได้ด้วย
แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เรายังทำได้มากกว่านั้น
เช่น ใช้มันให้เป็นประโยชน์
หรือหาประโยชน์จากมัน บางคนพบว่าเจ็บป่วยก็ดีเหมือนกัน
เพราะจะได้พักจากการทำงานที่หนักอึ้ง ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว
นอนอ่านหนังสือที่ชอบ หรือหันมาทำสมาธิภาวนา
หลายคนถึงกับอุทานว่า
 “โชคดีที่เป็นมะเร็ง”
เพราะมะเร็งทำให้เขาค้นพบความสุขที่แท้
อันได้แก่ความสงบทางใจ
 ผลก็คือชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น







หากเรามีสติและปัญญา ไม่มัวปล่อยใจจ่อมจมอยู่กับความทุกข์
หรือเอาแต่บ่นว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน” เราจะพบว่าเหตุการณ์แย่ ๆ

 ที่ไม่พึงปรารถนานั้นมีข้อดีอยู่เสมอ บางคนพบว่าการตกงาน
ทำให้เขามีเวลาอยู่กับพ่อแม่และทดแทนพระคุณท่านได้มากขึ้น
 ธุรกิจที่ล้มละลายผลักดันให้หลายคนเข้าวัด
และค้นพบจุดหมายที่แท้ของชีวิต
อกหักหรือแยกทางจากคนรักก็ช่วยให้หลายคนพบกับชีวิต
ที่อิสระและเป็นตัวของตัวเอง
นอกจากประโยชน์ในเชิงรูปธรรมแล้ว เหตุการณ์แย่ๆ

ทั้งหลายยังมีข้อดีอย่างน้อย 2 ประการ ได้แก่
1. สอนใจเรา กล่าวคือสอนให้เราตระหนักถึงความจริงของชีวิต
ซึ่งมีความผันผวนปรวนแปรเป็นนิจ เช่น ของหายก็สอนใจเรา
ว่าความพลัดพรากจากของรักเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราหรือเป็นของเราได้อย่างยั่งยืน
การถูกตำหนิก็สอนใจเราว่า สรรเสริญกับนินทาเป็นของคู่กัน
ไม่มีใครที่จะได้รับการสรรเสริญอย่างเดียว
 ไม่ว่าดีแค่ไหนก็ยังถูกนินทา
2. ฝึกใจเรา เช่น ฝึกใจให้ไม่ประมาท ระมัดระวัง
เพื่อป้องกันมิให้เหตุร้ายเกิดขึ้นอีก หรือฝึกใจให้ปล่อยวางเพื่อรับมือ
กับเหตุร้ายที่แรงกว่าในอนาคต (ถ้าโทรศัพท์หายยังปล่อยวางไม่ได้
 แล้วจะทำใจได้อย่างไร เมื่อต้องสูญเสียคนรัก
 เช่น พ่อแม่ ลูกเมีย ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่)
หรือฝึกใจให้มั่นคงเข้มแข็ง
 เพราะเราจะต้องเจออะไรต่ออะไรอีกมากมายในวันข้างหน้า
อีกทั้งยังฝึกให้เราฉลาดและมีประสบการณ์มากขึ้น
(อย่าลืมว่าคนเราเรียนรู้จากความล้มเหลวได้มากกว่าความสำเร็จ)







ความฉลาดในการรับมือกับเหตุการณ์แย่ๆ นั้น
ไม่อาจเกิดขึ้นได้จากห้องเรียนหรือจากตำรา
แต่เกิดได้เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน
และจากการทำงาน

 ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ว่าดีหรือร้าย บวกหรือลบ หากไม่ปล่อยใจ
ไปตามอารมณ์ความรู้สึก คือชอบหรือไม่ชอบ
 เพลิดเพลินยินดีหรือคร่ำครวญโกรธแค้น
แต่มีสติรู้ทันอารมณ์ความรู้สึก
 และหันมาใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยปัญญา
 ประโยชน์ย่อมเกิดขึ้นแก่เราเสมอ
 หรืออย่างน้อยก็ทำให้เห็นช่องทางที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์
สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี หรือเปลี่ยนเคราะห์ให้
กลายเป็นโชคได้
ถ้าทำเช่นนั้นได้ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา
แม้จะเลวร้ายเพียงใด

 จะมิใช่สิ่งที่ยัดเยียดความทุกข์หรือความปราชัยให้แก่เรา
แต่จะกลายเป็นสิ่งที่ฝึกฝนจิตใจเรา ให้มีสติ ปัญญา
และลดละอัตตา
ช่วยให้เรามีชีวิตที่โปร่งเบา สงบเย็น และเป็นอิสระจากสิ่งต่าง ๆ
ที่มากระทบได้เป็นลำดับ จนในที่สุดก็สามารถอยู่เหนือความทุกข์
หรือความผันผวนปรวนแปรทั้งปวงได้
นี้คือสิ่งที่ไม่เหลือวิสัยของเราทุกคน
 และควรเป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตเราด้วย







โดย พระไพศาล วิสาโล







บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
คะแนนน้ำใจ 55
กระทู้: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2558, 09:42:30 PM »

Permalink: Re: เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว
 
บันทึกการเข้า
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,134
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2558, 07:11:12 PM »

Permalink: Re: เ รื่ อ ง ดี ก ว่า นี้ ...ไม่มีอีกแล้ว

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: