-/> นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๒๑

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๒๑  (อ่าน 322 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 25515
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 2,067
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 06:36:04 PM »

Permalink: นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๒๑



r


☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๑☆
 (เมขลาอวตาร๗ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่)

☆ชาติที่หกตกฟากอยากมาเกิด
เมืองฟ้าเปิดถิ่นแคว้นแดนสยาม
ยโสธรนครรู้เฟื่องฟูงาม
ปลายเขตคามแห่งหนึ่งกึ่งดินดอน

☆เกิดเป็นชายนายทองทำนองชื่อ
นิสัยดื้อดึงดันเกินบั่นถอน
โมโหร้ายหายเร็วสะเอวงอน
ไม่ฟังก่อนผลุนผลันทุกวันไป

☆อยู่กับแม่แก่ชรากำพร้าพ่อ
ตะวันทออรุณรุ่งมุ่งคราดไถ
งานประจำทำนามานานวัย
จนเติบใหญ่เป็นหนุ่มแม่อุ้มชู

☆ทำนาด้วยช่วยแม่ที่แก่ล้า
ร่างโรยราห่อหดน่าอดสู
จึงฉายเดี่ยวเชี่ยวคล่องในตองอู
สำนึกรู้แทนคุณบุญมารดา

☆วันนี้เห็นเช่นกันกับวันก่อน
ต้องตื่นนอนแต่เช้าเยาว์อุษา
เพียงไก่ขันถลันกายหมายทุ่งนา
สองมือคว้าคราดไถดั่งใจจง

☆จูงควายทุยลุยเก่งนักเลงเก่า
ปีนข้ามเขาหกเนินมิเกินหลง
ก็ถึงดินถิ่นถางวางคราดลง
ผูกควายสงกลางนากินหญ้าพลาง

☆เอื้อมหยิบข้าวสาวแผ่แม่ห่อให้
เก็บเอาไว้กินเช้าเข้ารุ่งสาง
เพิ่มแรงเรี่ยวเกี่ยวไถในแถวราง
ก่อเป็นทางปลูกข้าวคราวทำกิน

☆มีเนื้อเค็มเต็มหน้าฝากระติบ
บรรจงหยิบแยกค้นไว้บนหิน
ข้าวเหนียวจกยกร้อนซ่อนไอริน
เสพย์จนสิ้นถึงก้นจึงพ้นหิว

☆แม่บอกก่อนตอนเที่ยงมิเบี่ยงเกิน
จะดุ่มเดินกายคล้องก่องข้าวหิ้ว
ข้ามสันโดดโขดเขินเหินแนวทิว
มาทันคิวแน่นอนตอนกลางวัน

☆กินเสร็จสรรพกลับไปเอาไหล่แบก
หยิบโคนแอกใส่ควายหมายวาดฝัน
จูงกระชั้นทันใดกลัวไม่ทัน
จิตมุ่งมั่นไถคราดเต็มมาดชาย

☆ตรงไหนดอนถอนไถไม่ปักแน่น
หากเจอแก่นตอสวนรวนคันส่าย
เขยกย่างร่างย่องท่องกราดกราย
โยกหัวควายมือขยับจับให้ตรง

☆ไถถ้วนทั่วรัวพื้นที่ชื้นฝน
บดหญ้าขนหญ้าแขกแหลกเป็นผง
ร่องไหนชื้นยืนซอยค่อยบรรจง
ปักไถลงให้หนักทะลักดิน

☆แซะทุกร่องปล่องรางอล่างอ้า
มือจับคร่าคันไถใจดั่งหิน
กระแทกย้ำซ้ำรอยพลอยเหงื่อริน
ทะลายสิ้นคราดแทรกแตกกระเซ็น

☆ละเลงร่ายก่ายลึกไม่นึกหน่าย
ดึงหัวควายเลี้ยวกลับกระชับเข็น
จากไถแปรแถกลบจบลำเค็ญ
นาที่เห็นสวยพร่างกระจ่างเงา

☆มองอาทิตย์ติดหัวเหนื่อยตัวสั่น
พอแล้วกันร้อนแดดที่แผดเผา
ขอนอนพักสักหน่อยคอยทุเลา
นั่งบรรเทาความร้อนตอนเที่ยงวัน

☆ชะเง้อมองจ้องหาทั้งหน้าหลัง
หิวเสียจังแม่จ๋า..ทุกคราหัน
ซ้ายขวาไซร้ไร้เงาเฝ้างงงัน
ในท้องลั่นโครกครากเพราะอยากกิน

☆เริ่มหงุดหงิดบิดกายหายใจขัด
แม่ไม่จัดข้าวมาพาโกรธหิน
กระทืบส่งลงส้นบนพื้นดิน
แผลแหว่งวิ่นทั่วเท้าเฝ้าครวญคราง

☆ข้างฝ่ายแม่แก่ชรามาเป็นไข้
เผลอหลับไปเนิ่นนานพาลหม่นหมาง
ตกใจตื่นฟื้นงงหลงลืมพลาง
พอเริ่มสร่างรีบรุดไม่หยุดมือ

☆ห่วงลูกหิวนิ่วหน้าถ้าผิดนัด
รีบแจงจัดข้าวปลาไขว่คว้าถือ
ผ้าถุงทึบพึ่บพั่บสับกระพือ
สองแขนยื้อก่องข้าวเร่งก้าวเดิน

☆กระเตงหอบลอบหืดฝืดเสลด
ไม่กลัวเหตุหน้ามืดยืดกายเหิน
นาของเราเล่าไฉนไกลเหลือเกิน
ไถลเนินเท้าแตกแหลกเต็มกลืน

☆มาถึงสายบ่ายคล้อยพร้อมรอยช้ำ
ไม่บ่นคำสักนิดจิตรทนฝืน
ถึงเป็นไข้ไม่สบายอยู่หลายคืน
พร้อมกับยื่นข้าวห่อพ่อลูกชาย

☆ลูกมิฟังยั้งใจอย่างไรอยู่
เพราะไม่รู้แม่ป่วยแทบม้วยหมาย
ด้วยความหิวกริ้วโกรธโทษมากมาย
คว้าเอาปลายคันไถฟาดใส่พลัน

☆กระติบข้าวจาวเล็กเหมือนเด็กกิน
ควักไม่สิ้นเกินขอบชอบหุนหัน
แม่อัดข้าวพราวแน่นไยแค้นกัน
จนอิ่มนั้นแค่กึ่งอีกครึ่งมี

☆เริ่มใจหายกายแม่นอนแน่นิ่ง
มิไหวติงเรือนร่างพลางขวัญหนี
โอ้..แม่จ๊ะแม่จ๋าลุกมาซี
ข้าวในนี้เหลือมากเอ่ยปากชวน

☆น่าเสียดายง่ายแท้เพราะแค่หิว
สร้างรอยริ้วแห่งบาปเกินหาบหวน
ลืมเหตุผลกลในให้ทบทวน
อย่าเพิ่งด่วนตัดสินสิ้นครรลอง

☆ลูกชายโศกโลกเศร้าเรามันบ้า
ไยถึงฆ่าแม่ได้ให้หม่นหมอง
ขุดดินร้างสร้างธาตุประกาศจอง
ชื่อว่า"ก่องข้าวน้อย" รอยวจี

☆ขอจบเรื่องเมืองนี้ที่อยากเล่า
โอ้น้องเจ้าเมขลาบอกอย่าหนี
ชาติหน้าเห็นเป็นได้อะไรดี
ตามอ่านซีจะรู้อยู่บนกลอน.

             เริงอักษร
.
.
.

ขอบคุณภาพสวย จากอินเทอร์เน็ต
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: