-/> นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๒๐

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๒๐  (อ่าน 371 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 25515
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 2,067
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2567, 05:04:16 AM »

Permalink: นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก ๒๐



☆นิทานเรื่อง แก้วสารพัดนึก๒๐☆
.   (เมขลาอวตาร๖ คนตัดฟืน)

☆ชาติที่ห้าฟ้าใหม่ที่ไปเกิด
ฟังกันเถิดเรื่องราวสาวใจหิน
เมขลาหน้าละห้อยพลอยยุพิน
ยังมิสิ้นบ่วงกรรมที่ทำมา

☆เป็นเทวัญผันกายเฝ้าสายน้ำ
ผดุงค้ำคอยแลแก้ปัญหา
ชั่วลดละปฏิบัติวิปัสสนา
คอยมองหายึดถือคือผลบุญ

☆เลือกเฟ้นค้นคนดีมีศีลสัตย์
อัตคัดยากจนพ้นบาปหนุน
บันดาลทรัพย์รับทองเป็นกองทุน
เพื่อเจือจุนชีวิตประสิทธิ์พร

☆บริกรรมจำเริญเพลินตบะ
เสียงผัวะผะโป๊กป๊ากจากสิงขร
ใครกันคึกดึกดื่นไยตื่นนอน
สับหัวค้อนหรือขวานสะท้านพลัน

☆ตากระพริบวิบวับจับแว่นส่อง
เพ่งแลมองผลุบโผล่พิโธ่..นั่น
ชายตัดฟืนยืนเหวี่ยงเอียงตัวฟัน
ไม้สะบั้นขาดลงถึงตรงโคน

☆มือขยับจับแน่นที่แก่นด้าม
เอนกายตามเล่นท่าหน้าเป็นโขน
แกว่งสะเอวเร็วรับกับขวานโยน
ยังไม่โค่นสักทีหมดลีลา

☆เต้นกะแหย่งแทงโก้โชว์สะบัด
เสียงเด่นชัดซัดนัวกัวละช่า
ร่ายถอยรี่บีกินผินกายา
ชะชะช่าสนุกจริงยิ่งเร่งฟัน

☆เจ้าคนแกร่งแข็งขันขยันนัก
อยากรู้จักบ้านช่องห้องเรือนฝัน
ยังมืดค่ำดำฟ้ามาโรมรัน
เข้าห้ำหั่นไม้ใหญ่กลางไพรพง

☆สักพักเดียวเหลียวมองจ้องดูร่าง
ขวานลอยคว้างหลุดมือยื้อเสียงหลง
ตกลงแช่แม่น้ำทำหน้างง
แรงขว้างส่งไปไกลในวารี

☆กระโดดพลันทันใดใช้ท่ากบ
ว่ายบรรจบผีเสื้อเหงื่อไหลปรี่
ฟรีสไตล์ใช่เท็จเจ็ดนาที
แล้วดำรี่ค้นหาเป็นบ้าบอ

☆เฝ้าดำผุดมุดว่ายอยู่หลายท่า
ขวานเล่าหนาอยู่ไหนใจหงิกหงอ
น้ำเย็นจริงยิ่งนักสำลักคอ
หนาวตัวห่ออกสั่นพลันตะกาย

☆ปีนตลิ่งพิงฝั่งนั่งครวญคร่ำ
แสนระกำด้วยขวานพาลสูญหาย
สะอึกสะอื้นยืนคว้างครางฟูมฟาย
เพราะเสียดายของหวงที่ล่วงลับ

☆เทวะแปลงแสดงร่างพลางยิ้มให้
โดดน้ำไปทันทีที่สดับ
ผุดจากน้ำคล้ำจางร่างมันวับ
ส่งขวานหมับง่าเงื้อเพื่ออ่านใจ

☆ผุดขึ้นยังครั้งแรกแบกขวานทอง
ประกายส่องพรายพริ้มเป็นลิ่มใส
ขวานอันนี้ของเจ้ามาเอาไป
ยินเสียงว่ามิใช่ ชะ..ได้การ

☆ครั้งสองหรือคือเงินเชิญมารับ
เสียงตอบกลับมิใช่ในคำขาน
ชายนั้นบอกออกมาพาชื่นบาน
ได้พบพานคนซื่อถือสัตย์ดี

☆ครั้งสุดท้ายปลายฐานแค่ขวานเหล็ก
เล่มก็เล็กแถมบิ่นสิ้นราศรี
เห็นหน้าอิ่มยิ้มแป้นแสนยินดี
โอ้อันนี้แหละท่านฉันขอบใจ

☆ด้วยความซื่อถือสัตย์บรรทัดฐาน
จึ่งมอบขวานหยิบยื่นเพื่อคืนให้
พร้อมขวานเงินขวานทองสียองใย
จงรับไปเถิดหนาอย่าช้าเลย

☆ชายตัดฟืนยืนตะลึงซึ้งใจมาก
น้ำตาหลากร่วงรินยินคำเผย
พ้นความจนหนนี้ที่คุ้นเคย
คงได้เชยชื่นสุขทุกทิวา

☆กลับไปเล่าเท้าความตามโชคลาภ
ยกมือกราบวิงวอนอ้อนโหยหา
ครวญคร่ำร้องฟ้องถึงซึ่งเทวา
โปรดเมตตาแม่น้ำลึกล้ำกาย

☆จึงได้ขวานเงินทองของค่ามาก
ประทานจากเทวัญพลันเศร้าหาย
กินทั้งชาติมาดแม้นแสนสบาย
จิตรผ่อนคลายเสพย์สุขทุกวันคืน

☆ตามีฟังคลั่งเขลาเอาแต่โลภ
ใจละโมบเหลือหลายร้ายเกินฝืน
กระโดดผลุงมุ่งป่ามาตัดฟืน
แกล้งไปยืนเลียบฝั่งยังคงคา

☆โยงโย่ฟันหันขวานผสานส่าย
มุ่งเป้าหมายเล็งแลชะแง้หา
ซัมเมอร์ซอลร่อนถลันมั่นอุรา
ตีลังกาปล่อยขวานผ่านลงคลอง

☆ร้องไห้บีบจีบหน้าทำตาเศร้า
ชำเลืองเงาเทวามาสนอง
มินานช้าอารมณ์สมใจปอง
เห็นชายมองยืนคู้แลดูตน

☆ไม่พูดพร่ำทำเพลงบรรเลงท่า
ดำควานคว้าทันใดได้เห็นผล
ชูขวานทองมองอร่ามเมื่อยามยล
ขึ้นมาพ้นชายน้ำรีบย่ำมา

☆ถามขวานนี้ที่กระดกตกลงน้ำ
เจ้านั้นจำได้ไหมใช่อย่างว่า
ถูกหรือเปล่าเล่าเอ่ยเผยสักครา
ตามีว่าใช่แล้วแว่วเสียงครับ

☆เทวาไซร้ได้ฟังยังคำบอก
เจ้ากลิ้งกลอกนักหนาคราสดับ
ขาดความซื่อถือสัตย์ตระบัดรับ
จึงหายวับพร้อมขวานพาลหนีไป

☆ตามียืนขืนค้างอย่างเกรี้ยวโกรธ
เนื่องจากโทษละโมบโลภไฉน
เสียขวานตนหม่นหมองต้องช้ำใจ
เทวดานี่กระไรไร้ปรานี

☆เรื่องมาครบจบลงตรงความซื่อ
หากยึดถือเอาไว้ไม่หน่ายหนี
ย่อมเป็นคุณหนุนนำทำความดี
เสริมชีวีสุขสันต์ทุกวันเทอญ

☆ภพต่อไปในตอนตามกลอนเล่า
โปรดคอยเฝ้าวาทีวจีเกริ่น
กลอนที่ขานอ่านไปใจเพลิดเพลิน
ชวนครับเชิญพักสมองลองติดตาม.

                เริงอักษร
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: