หน้า: [1] 2   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: นิราศรัก  (อ่าน 8437 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« เมื่อ: 03 กรกฎาคม 2563, 08:36:11 AM »

Permalink: นิราศรัก
     

   
ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหวั่นระแวงไหว
รักกันนิดคิดเห็นจะเป็นไร
รัก เกลียด ไหน ควรว่าง่ายกว่ากัน

นิราศรักชักชวนนัดขบวนเล่น
หน้าเซเว่นหลังโคหวิดมิตรสังสรรค์
รักคนไทยไกลหราอย่ากระนั้น
เริ่มต้นกันจุดสตาร์ทนิวาสภูธร

เดือนสิบสองนองหน้าน้ำตาไหล
ปล่อยลอยไปรักเก่าเศร้าหลอกหลอน
จุดไฟรักอีกสักคราวจาวละกอน
........
(จาวละกอน คือชาวลำปาง)

       
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2563, 09:29:47 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
      

      
จุดไฟรักอีกสักคราวจาวละกอน

       ..,..เธอแทนหมอนมิตรหมั้นภรรยา


ภริยา ปรมา สขา
ภริยาเป็นเพื่อนสนิท, ภรรยาเป็นสหายอย่างยิ่ง

          

มิ่งสมรอ้อนคำจำเสมือน
เพียงแค่เพื่อนสนิทเกินเมินเสน่หา
เช้าจำจรรอนร้างลำปางมา
.....

        
              
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2563, 09:27:05 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

   
เช้าจำจรรอนร้างลำปางมา
ลอยเวลาไหลลับกับสะเปา

       

เมิงหละปูนพูนสุขปลุกใจรัก
สาวงามนักไทยองผองชนเผ่า
หริภุญชัยนัยกาลโบราณเนา
อาณาเก่าพระนางนามจามเทวี


     


ถิ่นไทยงามนามเวียงว่าเชียงใหม่
.....
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2563, 09:10:46 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

 
       

ถิ่นไทยงามนามเวียงว่าเชียงใหม่
.....

เมืองหลวงไทล้านนาค่าศักดิ์ศรี
ดอยสุเทพอยู่คู่มานับตาปี
งามพาทีภาษาสื่อน่าฟัง

ถิ่นอารยวัฒนธรรมนำหนหน้า
ศาสตร์รักษาศิลป์แท้แต่หนหลัง
จิตผูกพันฝันหามาสักครั้ง
แอ่วอ้อนหวังเรียนรู้อู้รักน้อง

สูงสลับซับซ้อนดอยดอนหมอก
.....
     
     

บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2563, 12:10:27 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
     

   
โรงเรียนเเห่งขุนเขา


​ด้วยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จบ้านขอบด้ง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ได้มีพระราชดำรัส ฝากดูเเลเด็กชาวเขา แก่ครูเรียม สิงห์ทร ครูโรงเรียนบ้าน ขอบด้ง เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2535 สร้างความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เเก่คณะครูบนดอยอ่างขางที่เฝ้ารับเสด็จ
.....


แอ่วอ้อนหวังเรียนรู้อู้รักน้อง
สูงสลับซับซ้อนดอยดอนหมอก

     

งามไม้ดอกสีสลับประดับฉลอง
ธรรมชาติสะอาดตาก็น่าจะมอง
แสงสีทองอาบฟ้าณ.คราอรุณ

ณ.ดอยกว้างใหญ่ใจเธอเสนอสนอง
มอบประคองตอบรับสนับสนุน
สอนนักเรียนเพียรผลกุศลพระคุณ
เด็กเป็นทุนต้นเหตุประเทศประเทือง

     


หมอกสามฤดูรู้แน่แม่ฮ่องสอน
.....
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #5 เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2563, 08:18:02 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

   


   
     

งามสลอนแลอร่ามงามสีเหลือง
ดอยอูคอล้อลมหมอกห่มเมือง
ขออย่าเคืองคนผู้คอยอยู่เคียง


ทุ่งบัวตองหมองหม่นเมื่อพ้นหนาว
นิราศคราวครั้งครวญสำนวนเสียง
ใจยังจำคำทักรักลำเอียง
เหตุเพราะเพียงบัวตองน้องไม่รอ


สาวไตแม่ฮ่องสอน

     

สุดสยามสามแผ่นดินถิ่นเมืองเหนือ...
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #6 เมื่อ: 01 สิงหาคม 2563, 05:28:26 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

     แขวงบ่อแก้ว ลาว  ฉาน ชาวพม่า เชียงรายล้านนา

       

       

     

      สุดสยามสามแผ่นดินถิ่นเมืองเหนือ
สามชาติเชื้อประเทศเขตรอยต่อ
สับปะรดดีลิ้นจี่หวานทานชุ่มคอ
ใจจดจ่อถิ่นนี้สตรีโสภา

สาวสวยเวียงเชียงฮายท้าทายรัก
งามยิ่งนักหญิงลาวสาวพม่า
รักทุกนางอ้างคำพร่ำสัญญา
สุดไขว่คว้าเธอบอกหน่ายคนหลายใจ
.....
จากเชียงรายกราย"พะเยา"หายเศร้าแล้ว.....
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #7 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2563, 07:35:33 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
     

    
        
          

           
          


จากเชียงรายกราย"พะเยา"หายเศร้าแล้ว.....

     มาเอิ้นแอ่วม่วนเมินเพลินหลงใหล
     ธรรมชาติศาสน์ธรรมนำจิตใจ
     กว๊านกว้างใหญ่รมย์รื่นชนชื่นชม

ี     ดอยบุษราคัมธรรมวิมุติสถานพุทโธ
     อนาลโยทิพยารามงามสวยสม
      สนิทเห หักเสน่หาไร้คารม
      สื่อมิสมนวลน้องไม่มองตา

รักน่านเนาเหย้าเยือนเเหมือนญาติมิตร.....

บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #8 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2563, 08:58:50 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

   
  สื่อมิสมนวลน้องไม่มองตา

รักน่านเนาเหย้าเยือนเเหมือนญาติมิตร.....



           

           


เนาสนิทเจตน์จงหลงเสน่หา
เกินกว่ามิตรคิดขั้นคู่ภรรยา
ฉันมัวช้าผิดแผนแค่นปลดปลง

ทิวเขตสูงจูงจ้องท่องเขาสวย
ลมหนาวรวยโชยชื่นรื่นใจหลง
พบจึงคิดจิตจ่อพอจะคง
เมียงสาวม้งผิดผีไม่ดีมั้ง



         

รักฝันเฟื่องเมืองสองของเพื่อนแพง
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #9 เมื่อ: 10 กันยายน 2563, 12:57:40 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
     

         

เมื่อถึงแหล่งฉันช้ามาทีหลัง
เพลงนำฟ้อนวอนว่าเพราะน่าฟัง
มีกี่ครั้งนัดหน้ามาก่อนใคร

สาวเมืองแพร่แน่หนาใส่มาพร้อม
ผ้าหม้อห้อมสวยสีพี่มอบให้
เปิ้นคิดครวญนวลน้องเป็นของใคร
คำมั่นใจจดจ่อขอหมายจอง




         

นุ่งสนับลับแลแน่สนิท...

บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #10 เมื่อ: 23 กันยายน 2563, 03:51:28 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

     
ขออณุญาต ขออภัย
ไม่ได้แต่งกลอนมาหลายวัน

…..
 
ฟ้อนนางโยนคือการฟ้อนรำอันเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของคนลับแลง กระนั้นในช่วงที่ดาบฟ้าเติบโตมา เขากลับพบว่าไม่มีคนพื้นที่คนใดสามารถฟ้อนรำแบบนี้ได้เลย ในเมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนั้น ก็ค่อนข้างเป็นที่แน่นอนว่ามรดกทางศิลปวัฒนธรรมชิ้นนี้กำลังจะสูญหายไป ดาบฟ้ารู้จักฟ้อนนางโยนจากการสัมภาษณ์แม่หม่อนเสงี่ยม เครือฝั้น ระหว่างที่เขาทำวิจัยสืบค้นการฟื้นฟูภูมิปัญญาผ้าซิ่นตีนจกของชุมชนบ้านท้องลับแล เขาพบว่าแม่หม่อนเสงี่ยมคือหลานของแม่หม่อนแจ้น ช่างฟ้อนที่ทำการฟ้อนถวายรับเสด็จรัชกาลที่ 5 และแม่หม่อนเสงี่ยมผู้นี้คือช่างฟ้อนนางโยนคนสุดท้ายของลับแลง นั่นจุดประกายให้เขาขออนุญาตจดบันทึกท่วงท่าฟ้อนต่างๆ เอาไว้อย่างละเอียด (ปัจจุบัน แม่หม่อนเสงี่ยมเสียชีวิตแล้วเมื่อปีพ.ศ.2554 สิริอายุได้ 97 ปี)

นอกจากฟ้อนนางโยนของแม่หม่อนเสงี่ยม ดาบฟ้ายังได้พบเจอกับ แม่ครูแก้ว ทิงิ้วงาม ช่างฟ้อนดอกเจิงซอคนสุดท้ายของลับแลง รวมถึงพ่อครูและแม่ครูคนอื่นๆ ดาบฟ้าบันทึกข้อมูล ที่มา และท่วงท่าฟ้อนแบบต่างๆ ไว้ทั้งหมด ก่อนจะชักชวนอาจารย์แววดาว ศิริสุข อาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่างฟ้อนล้านนาร่วมสมัยคนสำคัญคนหนึ่งของประเทศ เดินทางลงพื้นที่เพื่อต่อท่าฟ้อนและพัฒนาข้อมูลแต่เก่าก่อนออกมาเป็นท่วงท่าฟ้อนรำอันเป็นรูปธรรม รื้อฟื้นภูมิปัญญาฟ้อนรำโบราณของพื้นที่ให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

ในขณะที่ฟ้อนนางโยนเป็นท่วงท่าฟ้อนรำสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ยังมีฟ้อนอีกสองรูปแบบที่กลุ่มฟื้นฟูอัตลักษณ์ฯ ค้นพบและสืบสานต่อ นั่นคือ ฟ้อนดอกเจิงซอ และฟ้อนเทียนเจิงซอ ซึ่งเป็นการฟ้อนประกอบการขับซอของเมืองลับแลง มักใช้ฟ้อนในงานบุญหรือฟ้อนในงานพิธีกรรม เช่นงานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮงสรงน้ำเจ้าฟ้าฮ่าม พิธีสักการะดวงวิญญาณอารักษ์หลักเมืองของชาวลับแลงที่จัดขึ้นทุกปี
…..
สามารถหาอ่านข้อมูลของฟ้อนโบราณเมืองลับแลงทั้งสามท่าฟ้อนได้ในหนังสือ ‘ฟ้อนโบราณเมืองลับแลง’ เขียนโดย ดาบฟ้า ไชยลับแลง และภัทรภูมินทร์ ชัยชมภู (จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสืบสานล้านนา ร่วมกับ สสส.) หาอ่านได้จากโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ครับ


           

         

ขออภัย แต่งกลอนไม่จบ
ขอ อณุญาตค้างไว้ น่าจะซัก7วัน


คำมั่นใจจดจ่อขอหมายจอง

นุ่งสนับลับแลแน่สนิท…


อุตรดิตถ์เมื่อมาน่าสนอง
หวนคิดครั้งหวังว่าหาคู่ครอง
คาดคงต้องสมองมึนขึ้นค่าตัว
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 802
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #11 เมื่อ: 24 กันยายน 2563, 11:07:11 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
ตามสบายครับ
ไม่ต้องเครียด  อยากทำไรก็ทำ เว็บนี้เป็นของเราครับผม
จะคอยอ่านนะครับ
บันทึกการเข้า
คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #12 เมื่อ: 25 กันยายน 2563, 05:39:22 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
 ขอบคุณครับ คุณนริศ วีระกุล
ยังไงก็จะกลับมาเขียนกลอนให้ได้
คิดถึงคนภูธร
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #13 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2563, 02:07:59 PM »

Permalink: Re: นิราศรัก
   

   
โดยในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อุตรดิตถ์เป็นหัวเมืองชุมนุมการค้าที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในภาคเหนือ ทำให้ในปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญของเมืองแห่งนี้ในฐานะศูนย์กลางการค้าขายของแถบภาคเหนือตอนล่าง หรือเมืองท่าที่ตั้งอยู่ปลายเหนือสุดของการควบคุมด้วยอำนาจโดยตรงของ อาณาจักร จึงพระราชทานนามเมืองท่าอิดไว้ว่า "อุตรดิฐ"[15] (อุตร-ทิศเหนือ, ดิตถ์-ท่าน้ำ) แปลว่า "ท่าน้ำแห่งทิศเหนือ" (คำนี้ต่อมาเขียนเป็น "อุตตรดิตถ์ "[16] และ "อุตรดิตถ์" ดังที่ใช้ในปัจจุบัน)
พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองพิชัย ท่าอิด เมืองทุ่งยั้ง และเมืองลับแล ทรงเล็งเห็นว่าท่าอิดมีความเจริญ เป็นศูนย์ทางการค้า ประกอบกับมีเมืองลับแลอยู่ใกล้ ๆ เป็นเมืองรองลงไป การชำระคดีและการเรียกเก็บภาษีอากรสะดวกกว่าที่เมืองพิชัย แต่ท่าอิดในขณะนั้นยังคงมีฐานะเป็นเมืองท่าขึ้นต่อเมืองพิชัย ดังนั้น คดีต่าง ๆ ที่เกิดขั้นรวมทั้งการเก็บภาษีอากรส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ท่าอิด ราษฎรต้องลงไปเมืองพิชัยติดต่อกับส่วนราชการเป็นการไม่สะดวก จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองพิชัยมาตั้งที่บริเวณท่าอิด ส่วนเมืองพิชัยเดิมว่าเรียกว่าเมืองพิชัยเก่า
…..
หยุดหลายวัน ยังต้องฝึกใหม่
…...


อุตรดิตถ์เมื่อมาน่าสนอง
หวนคิดครั้งหวังว่าหาคู่ครอง
คาดคงต้องสมองมึนขึ้นค่าตัว


         

         


มีคำกล่าวราวเรื่องเมืองคนกล้า
ถวิลหามากมายถวายหัว
มวยแกร่งแกล้วแนวไหนไม่เกรงกลัว
มาฝากตัวมวยดังสักครั้งคราว

เมืองพิชัยนัยหน่วยมวยเพื่อชาติ
เมืองลางสาดคึกคักหมายรักสาว
เมืองสักใหญ่ใคร่ขวัญมั่นสายยาว
เหมือนไม่หนาวอุ่นอุรามาเมืองนี้


หมายพบคู่ฟูเฟื่องเมืองพ่อขุน
...............
บันทึกการเข้า

คะแนนน้ำใจ 3119
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 190
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #14 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2563, 09:34:27 AM »

Permalink: Re: นิราศรัก
     

     


     



เหมือนไม่หนาวอุ่นอุรามาเมืองนี้

หมายพบคู่ฟูเฟื่องเมืองพ่อขุน
...............
ที่วายวุ่นโกรธกันทุกวันวี่
หลายมาดักชักชวนล้วนไม่ดี
เหยียดผู้นี้เปรียบเปรยเย้ยผู้นำ
     
กับแสงธูปวูบแวมแกมแสงเทียน
กลอนเคยเขียนหมดหมายกลายขื่นขำ
ลอยกระทงปลงเปลื้อนเลือนกระทำ
อยากเขียนคำกรองกลอนยังค่อนเคือง

เปลื้องปลดงดคำหวาน
รายรอบทั้งผู้รักผู้ชัง
คิดถึงจัง พ่อหลวง
…..

นิราศพัก รักรวน ม้วนเดียวไม่จบ

บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: