หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ถีบฉันหน่อยซิ  (อ่าน 3539 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,132
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2560, 07:46:10 PM »

Permalink: ถีบฉันหน่อยซิ



ถีบฉันหน่อยซิ
“อะไรเอ่ย..... นั่งรถก็เร็วเกินไป  ถ้าเดินก็ช้าไป” ?
…หลายท่านคงหาคำเฉลยไม่ได้ใช่ไหมเอ่ย
 คำตอบคือ “จักรยานไงครับ”

สมัยก่อนคนไทยรุ่นเก่าๆหรือพี่น้องสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเรียกขานพาหนะชนิดนี้ว่า “รถถีบ”
 ถือเป็นยานพาหนะที่พาไปได้ทุกที่  ไม่ว่าสภาพถนนหนทางจะเป็นอย่างไร

          จักรยานถือกำเนิดเมื่อราว 120 ปีก่อนในยุโรป  ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกับตราบเท่าทุกวันนี้ว่าอิตาลี, ฝรั่งเศส
หรือเยอรมันกันแน่ ที่เป็นต้นตำรับ  มีตำนานบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย  เริ่มต้นสมัยแรกๆ   จักรยานจะมีล้อหน้าล้อหลังใหญ่ไม่เท่ากัน
  แกนถีบจะอยู่ที่ล้อหน้าและกินแรงมาก  แถมมีราคาค่อนข้างสูง  จึงมีใช้เฉพาะในกลุ่มคนมีฐานะ
 แต่ต่อมาก็พัฒนาแพร่ขยายจนได้รูปลักษณ์แบบที่เห็นทุกวันนี้  และกลายเป็นพาหนะสามัญที่คนทุกระดับสามารถมีไว้ครอบครองได้

          ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมานี้  คนไทยหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย
 (มีตัวเลขประมาณการคร่าวๆว่าในขณะนี้มีอยู่ประมาณ 5 แสนคน) และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลายคนเชื่อว่าการปั่นจักรยาน Bike for Dad และ Bike for Mom ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
 เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร  ทรงเป็นประธานที่ปรึกษาใหญ่ริเริ่มขึ้นในปี 2558 ที่ผ่านมา
  เป็นตัวช่วยจุดกระแสที่สำคัญอีกแรงหนึ่ง  ทำให้กระแสการปั่นจักรยานพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว
 ทำให้ร้านขายจักรยานผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในทั่วประเทศแทบทุกจังหวัด

          “สนามเขียว” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณขอบรอบนอกของสนามบินสุวรรณภูมิ 
กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมที่คอปั่นจักรยานทั้งหลาย (โดยเฉพาะแนว Endurance) ต้องไปลิ้มลองสัมผัสบรรยากาศกัน
 ระยะทาง 26 กม. อาจฟังดูว่ายาวไกลสำหรับมือใหม่  แต่สำหรับคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ  ถือเป็นระยะทางกำลังดี
  สำหรับการทดสอบสมรรถภาพของรถ และกำลังวังชาของผู้ขับขี่...

          ...คำถามที่หลายคนยังคาใจคือ “ทำไมต้องเป็นจักรยาน”
ในเมื่อเรามีรูปแบบการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพชนิดอื่นๆอีกมากมายให้เลือก  ซึ่งใครชอบแบบไหนขึ้นกับจริต, อายุ,
สรีระร่างกาย และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย  โดยสรุปแล้วการปั่นจักรยานมีข้อดีตรงที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลายส่วน
 (ขา, หลัง, แขน, หน้าท้อง) ลดแรงกระแทกและสึกหรอต่อข้อเข่า (เมื่อเทียบกับการวิ่ง)
  ข้อต่อมีการเคลื่อนไหวหลายส่วน  ได้เดินทางท่องเที่ยวไปในตัว
 ได้ความสุขจากการชื่นชมธรรมชาติและภูมิทัศน์สองฟากข้างทาง (การปั่นแบบ Touring)
ที่สำคัญที่สุด คือ เป็นกีฬาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
          จากการศึกษาพบว่า  การปั่นจักรยานด้วยความเร็วปานกลางในเวลา 1 ชั่วโมง
 เผาผลาญพลังงานได้ 400 – 600  แคลลอรี่
          เมืองใหญ่ๆทั่วโลกหลายเมือง เช่น โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ค), อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์),
สตราสบูร์ก (ฝรั่งเศส) หรือ โบโกต้า (โคลอมเบีย) กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเมืองน่าขี่จักรยาน
 เมืองเหล่านี้จะมี Bike land  มีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกกับผู้ขี่จักรยานอย่างดี 
บางเมืองประชากร 30-40% ใช้จักรยานเป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปทำงาน 
มีการจำกัดความเร็วของรถยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน

          ในประเทศเนเธอร์แลนด์  ซึ่งมีประชากร 5.7 ล้านคน  แต่มีจำนวนรถจักรยานถึง 12 ล้านคัน 
ถือเป็นประเทศที่มีจำนวนจักรยานต่อประชากรสูงที่สุดในโลก  ไต้หวันซึ่งเป็นประเทศในเอเซียที่เป็นเกาะ
มีทะเลล้อมรอบประกาศว่าจะทำให้ประเทศเป็น Island of Bicycle รัฐบาลไต้หวันส่งเสริมการปั่นจักรยานอย่างมุ่งมั่น
 จริงจัง มีการสร้างเลนจักรยานทั่วประเทศนับพันกิโลเมตร 
และกำหนดให้วันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปีเป็น “วันจักรยานแห่งชาติ”
 มีการจัดแข่งขัน Tour de Taiwan มานานกว่า 10 ปีแล้ว 
ซึ่งถือเป็นรายการปั่นจักรยานระดับโลกอีกรายการหนึ่ง...

          ...สิงคโปร์ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนเรา  เริ่มสร้างที่จอดจักรยานหลายพันคันตามสถานีรถไฟฟ้า
 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้จักรยาน  ภายใต้แผนจักรยานแห่งชาติ (National Cycling Plan)
 สิงคโปร์ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มโครงข่ายทางจักรยานให้ได้มากกว่า 700 กิโลเมตรภายใน 2030
          บริเวณเกาะ Sentosa เกาะท่องเที่ยวที่คนไทยคุ้นเคยดี 
มีจักรยานแบบหยอดเหรียญให้เช่าปั่นรอบเกาะและชมชายหาดได้  แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆในสิงคโปร์ก็เช่นเดียวกัน
          ....ผู้สูงอายุหลายท่านที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, โรคอ้วน
 เมื่อหันมาปั่นจักรยานอย่างสม่ำเสมอ  อาการต่างๆก็มักจะดีขึ้น  เยาวชนที่เคยเป็นโรคติดจอ
 อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน  เมื่อหันมาปั่นจักรยานก็ทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น  จิตใจแจ่มใส 
การเรียนและการทำงานก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน

          ผมมองว่า คนต่างจังหวัดมีความได้เปรียบคนในกรุงเทพในเรื่องนี้ 
เพราะสภาพถนนหนทางที่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่  รถยนต์ไม่แยะมากนัก
 อุปสรรคสำคัญของการปั่นจักรยานคือความกลัวอุบัติเหตุรถล้ม, รถชน เนื่องจากเมืองไทย
 ผู้ขับขี่ยานพาหนะทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ยังไม่เห็นคุณค่าและตระหนักถึงความงดงามและมิติทางสังคม
ด้านบวกของผู้ขี่จักรยานเหมือนในยุโรป, ไต้หวัน, สิงคโปร์  อย่างไรก็ดี หากเราปั่นจักรยานด้วยความระมัดระวัง
 โดยเฉพาะการปั่นเป็นกลุ่มมีการเตรียมตัวที่ดี และในสภาพถนนที่เอื้ออำนวย
 โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็จะลดน้อยลงไปแยะ

          สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับชมรมจักรยานแห่งประเทศไทย
 ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะการเดิน และการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน
(หมายเลขโทรศัพท์ 02-6184434) โดยมีการออกวารสารที่สามารถให้คำแนะนำและข้อมูลใหม่ๆ
รวมทั้งปฏิทินกิจกรรมประจำเดือน ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Email : tcc@thaicyclingclub.org

          …จริงๆแล้ว  เด็กกับจักรยานก็เป็นของคู่กัน  การฝึกเด็กให้ขี่จักรยานได้เป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองควรใส่ใจ
  ผู้ใหญ่บางคนขี่จักรยานไม่ได้ เพราะสมัยเด็กผู้ปกครองกลัวล้ม กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ  เด็กแต่ละกลุ่มแต่ละวัย
 จะมีจักรยานที่ถูกออกแบบ  ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เหมาะสมกับสรีระและส่วนสูง  การพาเด็กไปปั่นตามเส้นทางชนบท
 เลียบชายทุ่ง  ชมนกชมไม้ เหมือนการได้ออกไปผจญภัยเล็กๆ
ทำให้เด็กไม่เบื่อและได้เรียนรู้สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างไปจากในละแวกบ้านแบบเดิมๆ

          ...เป็นที่น่ายินดีว่า รัฐบาลไทยเริ่มหันมาใส่ใจและตอบสนองต่อกระแสการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพมากขึ้น
 ล่าสุดพลอากาศเอก ประจิน  จั่นตอง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
 ได้ขับเคลื่อนผ่านกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ให้ตั้งงบประมาณ 1,500 ล้านบาท 
สร้างทางจักรยานที่ลาดด้วยแอสพัสต์ผสมยางพารา 
ระยะทาง 184 กิโลเมตร จากหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปทุมธานี ไปอยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี
 และไปจบที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท  ซึ่งถ้าทำสำเร็จจะเป็นเลนจักรยานที่ยาวที่สุดในเอเซีย
 ในส่วนต่างจังหวัด  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
 ได้สนับสนุนงบประมาณ 1,200 กว่าล้านเพื่อพัฒนาเส้นทางจักรยานทั่วประเทศ

          จังหวัดใหญ่ๆอย่างนครราชสีมา, เชียงใหม่, อุดรธานี ล้วนแล้วมีแผนพัฒนาเส้นทางในพื้นที่รองรับการปั่นจักรยานทั้งสิ้น 
จังหวัดนครราชสีมามีแผนจะสร้างเส้นทางจักรยานระหว่างอำเภอวังน้ำเขียวผ่านเขาใหญ่ไปปากช่อง
 จังหวัดเชียงใหม่มีแผนปรับปรุงเส้นทางในเขตเมืองเก่าและถนนนิมมานเหมินท์ เป็นเส้นทางจักรยาน 
อีกเส้นเลียบคลองชลประทาน  เทศบาลอีกหลายจังหวัดเริ่มจับมือกับเอกชนเปิดโครงการรถจักรยานสาธารณะ
ยืม คืน เพิ่มทางเลือกในการเดินทาง...

          ...คงไม่เกินเลยความจริงที่จะกล่าวว่า “จักรยาน” ไม่ได้มีมุมมองเพียงแค่มิติของการเดินทางอีกแล้ว
 แต่กลายเป็นวิถีแห่งสุขภาพ  การเข้าสังคม (ได้เพื่อนใหม่ๆ)  ความทันสมัยและรสนิยมส่วนบุคคลที่เฉพาะตัวไปแล้วในขณะนี้

....ถีบฉันหน่อยซิ  แล้วคุณจะไม่เสียใจผิดหวังเลย...

ขอบคุณที่มา หมอชาวบ้าน



บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
คะแนนน้ำใจ 2980
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยม
กระทู้: 260
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2560, 08:17:06 AM »

Permalink: Re: ถีบฉันหน่อยซิ

บันทึกการเข้า
หัวใจ..มีไว้เพื่อรัก
คะแนนน้ำใจ 3667
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยม
กระทู้: 310
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2560, 08:20:29 AM »

Permalink: Re: ถีบฉันหน่อยซิ

บันทึกการเข้า
คะแนนน้ำใจ 3079
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยม
กระทู้: 215
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2560, 10:14:34 AM »

Permalink: Re: ถีบฉันหน่อยซิ

บันทึกการเข้า

ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 24768
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 2,030
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2560, 10:17:04 AM »

Permalink: Re: ถีบฉันหน่อยซิ

บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: